ข้อคิด

สายลมเมื่อวันวาน

October 9, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,950 views 1

สายลมเมื่อวันวาน

สายลมเมื่อวันวาน

(เรียบเรียงได้ตอนฟังเพลง : วันนี้เมื่อปีก่อน (Today, Last Year) – Moderndog )

เมื่อวันที่การเปลี่ยนแปลงมาถึง

คงไม่มีใครทุกข์ใจกับความเจริญ

และคงไม่มีใครดีใจกับความเสื่อมสลาย

สิ่งใดที่เกิดขึ้นมา สุดท้ายมันก็ต้องดับลงไป

ทิ้งไว้แต่คนที่ยึดมั่นถือมั่นในรสสุขเหล่านั้น

พยายามที่จะกอดเก็บอดีตที่สวยงามไว้

เหมือนกับการห้ามสายลมไม่ให้พัดไป

ทั้งที่จริงแล้ว สายลมไม่เคยหยุดนิ่ง

เฝ้าใฝ่ฝันถึงอนาคตว่าวันหนึ่งจะต้องดีเหมือนเดิม

เหมือนกับเฝ้าฝันว่าสายลมนั้นจะพัดหวนกลับมา

ทั้งที่จริงแล้ว สายลมเดิมนั้นไม่เคยพัดกลับมา

จมดิ่งอยู่ในอดีต ล่องลอยไปกับอนาคต

ไม่มีปัจจุบันสำหรับผู้ปล่อยใจให้หลงทาง

อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ทุกอย่างมันจบไปแล้ว

แม้มันจะเคยมีอยู่ แต่มันก็เป็นเพียงความจำ

อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และไม่รู้ว่าจะถึงวันไหน

แม้มันน่าจะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดา

ไม่มีความจริงในอดีตและอนาคต

มีแต่ความจริงในปัจจุบัน ทีนี่ เวลานี้เท่านั้น

สิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้คือของจริง เป็นจริงตามความเป็นจริง

อย่าเอาความจำมาเป็นความจริงในปัจจุบัน

เพราะความจำเป็นเพียงสิ่งที่ได้เรียนรู้ในอดีต

อย่าเอาการคาดเดามาเป็นความจริงในปัจจุบัน

เพราะไม่ว่าจะวาดฝันไว้สักเท่าไร มันอาจจะไม่เกิดขึ้น

ผู้ที่พ้นจากความหลงยึดในอดีตและอนาคตเท่านั้น

จึงจะเป็นผู้ที่อยู่ในปัจจุบัน เป็นผู้มีความจริง

และมีเพียงความจริงในปัจจุบันเท่านั้น

ที่จะทำให้ก้าวผ่านความทุกข์ไปได้

ปล่อยให้สายลมพัดผ่านไป

อย่างที่มันควรจะเป็น

ปล่อยการยึด

วางการยื้อ

🙂

.

บทขยาย

เมื่อคนเราพบกับความทุกข์ ความผิดหวัง อย่างเช่นในเรื่องของความรัก ก็มักจะปล่อยให้จิตใจหลงไปกับอดีตและอนาคต

อดีตก็คือการหวนคิดถึงวันเก่าๆ เสียใจ เสียดาย ฉันเคยสุขเช่นนั้น เราเคยเป็นของกันและกันแบบนั้น เธอเป็นรักแรกของฉัน เป็นคนแรกของฉัน เราเคยเป็นเนื้อคู่กันตั้งแต่ชาติปางก่อน วันนั้นฉันน่าจะทำแบบนั้น ฉันไม่น่าตัดสินใจแบบนี้เลย ฯลฯ ซึ่งเป็นการจมอยู่ในอดีต แล้วก็หลงเอาอดีตมาเป็นปัจจุบัน เข้าใจว่าปัจจุบันต้องเป็นอย่างในอดีต คือมีความยึดในอดีต ทั้งๆที่ความจริงในปัจจุบันทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ปัจจุบันคือสิ่งที่ปรากฏให้เห็นและเป็นอยู่ เป็นความจริง เป็นเรื่องจริง อดีตมีแค่ความจำและความรู้ที่ได้เรียนรู้มา แต่ไม่ใช่ความจริง

อนาคตก็เช่นกัน เรามักเฝ้าฝันถึงอนาคตที่สวยงาม หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น หวังว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมา หวังว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ฯลฯ แล้วเสพสุขกับความฝันเหล่านั้นอยู่ในภพที่ตัวเองสร้างขึ้น ปั้นขึ้น แต่งขึ้น เหมือนหลงในนิทาน เมาไปในเรื่องราวของนิยายเพ้อฝัน หลงไปในอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ จะมีจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ มีแต่การคาดเดา ความน่าจะเป็น แต่ก็ไม่มีความจริงอยู่ในนั้น เพราะสิ่งนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น มันจึงเป็นเพียงภาพฝันที่จับต้องไม่ได้ ไม่มีอยู่จริง

ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นความจริง ผู้ที่ยอมรับความจริงตามความเป็นจริงที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถละหน่ายคลายจากความหลงติดหลงยึดในอดีตและอนาคตได้

– – – – – – – – – – – – – – –

9.10.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

ความเห็นผิดควรปิดไว้ ความเห็นถูกให้เปิดเผย

October 8, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,492 views 1

ความเห็นผิดควรปิดไว้ ความเห็นถูกให้เปิดเผย

ความเห็นผิด ปิดไว้ ดีที่สุด

หากเผลอหลุด เอ่ยอ้าง อับอายเขา

หลงเมากาม เมาอัตตา ว่าตัวเรา

แล้วยึดเอา ว่าฉันนี้ ดีสุดเอย

– – – – – – – – – – – – – – –

คนที่เห็นผิด ก็จะเห็นถูกว่าเป็นผิด เห็นผิดว่าเป็นถูก ก็เลยมักจะนำเสนอสิ่งผิดด้วยความมั่นใจ เผยแพร่มันออกมาด้วยความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นถูกต้อง เมื่อความเห็นผิดเหล่านั้นถูกประกาศไปสู่คนที่มีเห็นผิดด้วยกัน เขาเหล่านั้นย่อมกลืนกินกันเองด้วยความเห็นผิด และมัวเมาหลงผิดกันอยู่เช่นนั้น ภูมิใจกับความหลงผิดเช่นนั้น นำเสนอความเห็นผิดเช่นนั้นโดยมิได้รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย

ส่วนคนที่เห็นถูก ก็จะเห็นผิดเป็นผิด เห็นถูกเป็นถูก แต่พอประกาศออกไปว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่นั้นเห็นและเข้าใจนั้นเป็นสิ่งผิด เมื่อคนเห็นผิดได้ยินดังนั้น ก็จะมองความถูกเป็นความผิดและมีข้อขัดแย้งในความเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

คนเห็นผิดก็ขยันสร้างกรรมที่ผิด ส่วนคนเห็นถูกก็ต้องขยันที่จะเอาภาระ คอยแก้กลับสิ่งที่ผิดให้มันถูก คนหนึ่งสร้าง(ความเห็นผิด) คนหนึ่งทำลาย(ความเห็นผิด) มีอยู่คู่กันเช่นนี้ทุกยุคทุกสมัย

แล้วจะแยกอย่างไรในเมื่อคนเห็นผิดก็ประกาศความเห็นผิดของตน และคนที่เห็นถูกก็ประกาศความเห็นถูกของตน แล้วตกลงใครที่เห็นผิด ใครที่เห็นถูก แล้วเรากำลังมองในมุมไหน เราเห็นผิดหรือเราเห็นถูก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเห็นถูก เพราะในเมื่อคนเห็นผิดก็จะเห็นความผิดของตนเป็นความถูกเสมอ ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกที่ทำให้คนทะเลาะกัน ทำร้ายกัน ฆ่ากันมามากมายแล้ว

ในกาลามสูตรได้สรุปเรื่องนี้ไว้ว่า อย่าพึ่งปักใจเชื่อง่ายๆ แต่ควรศึกษาและปฏิบัติสิ่งที่เห็นเหล่านั้นจนเกิดปัญญารู้ในตนว่าเป็นกุศลหรืออกุศล คือดีหรือชั่ว เป็นการเกื้อกูลหรือเบียดเบียน เป็นการสละออกหรือการสะสม เป็นไปเพื่อพรากหรือเพื่อผูก เป็นไปเพื่อลดกิเลสหรือสนองกิเลส เป็นไปเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์หรือเป็นไปเพื่อทุกข์ชั่วกาลนาน

แต่ความหลงที่ร้ายกาจและรุนแรงที่สุดที่มีความซ้อนลึกจนยากที่จะแก้ นั่นคือการหลงว่าตนเองนั้นเป็นพระอริยะหรือพระอรหันต์ ซึ่งจะมีความซ้อนเข้าไปในวิถีปฏิบัติและปริยัติของลักษณะของศาสนาพุทธที่แยกได้ยากมาก ซึ่งเป็นความหลงที่แนบเนียนที่สุดที่จะมากวาดต้อนคนหลงผิดให้มัวเมาอยู่กับความเป็นโลกและความเป็นอัตตา

ซึ่งวิธีเดียวที่จะพ้นจากความหลงผิดที่สุดแสนจะเนียบเนียนเหล่านั้นได้ คือการทำความถูกให้เกิดในตน แล้วจะทำความถูกต้องได้อย่างไร ก็ต้องมีคนที่มีความเห็นที่ถูกต้องเป็นผู้ชี้ทางแล้วทีนี้ก็วนกลับมาเหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน…

แล้วตกลงใครที่มีความเห็นถูกต้องกัน ในเมื่อมองไปแล้วก็ดูเหมือนมีส่วนถูกด้วยกันทั้งนั้น อันนี้ก็สุดแล้วแต่บุญแต่กรรม ใครทำกรรมดีมามากก็มีโอกาสได้เข้าใกล้ความถูก ส่วนใครทำกรรมชั่วมามากก็มีโอกาสที่จะหลงมัวเมาในความผิด ยังรวมทั้งกรรมที่เคยเกื้อกูลคนที่ถูกต้องมาก็จะชักนำให้เจอคนที่ถูกต้อง และกรรมที่ไปเกื้อกูลคนที่ผิดก็จะชักนำให้เจอคนที่ผิด แต่ก็จะไม่รู้หรอกว่าคนไหนถูก คนไหนผิด จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามจนมีความเห็นถูกนั้นขึ้นในตนเอง

ถ้าหาใครไม่ได้ก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งในยุคนี้ยังพอมีหลักฐานที่มีความถูกต้องเป็นส่วนมากให้ศึกษาอยู่ บทไหน หมวดหมู่ไหน ศึกษาให้มาก ให้หลากหลาย ถ้าสามารถทำได้ก็ทำตามที่ท่านแนะนำให้หมด สิ่งใดเป็นไปเพื่อความไม่เจริญในธรรม ทำให้ลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสให้ละเว้น สิ่งใดขัดเกลากิเลสให้ศึกษา และทำใจในใจให้เห็นตรงกับที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้

เช่น ท่านบอกให้ภิกษุผู้บวชกับท่านถือศีล ๓ หมวด คือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ถ้าเราเป็นฆราวาสแล้วรู้สึกว่าศีล ๕ ยังไม่ชัดเจน ก็ให้ศึกษาศีลใน ๓ หมวดนี้ในข้อที่พอจะกระทำได้โดยไม่ทรมานจนเกินไป ศึกษาและปฏิบัติให้จิตนั้นแนบแน่น แนบเนียนไปกับศีลเหล่านั้น ให้เกิดปัญญาเห็นจริงว่า ความพ้นทุกข์นั้นถูกตรงตามศีลที่พระพุทธเจ้าตรัสจริงๆ ถือศีลแล้วพ้นทุกข์พ้นภัยจริงๆ ศีลประเสริฐจริงๆ ศีลวิเศษจริงๆ ศีลเยี่ยมยอดที่สุด …แต่ถ้าไม่ไหวก็ศึกษาและปฏิบัติในศีล ๕ ให้ได้ความเห็นในแนวทางนี้แล้วค่อยขยับจาก ๕ ๘ ๑๐ พร้อมๆกับศึกษาทางเลือกเสริมสู่ความเจริญใน ศีล ๓ หมวด และบัญญัติข้ออื่นๆ ไปพร้อมๆกันก็ได้

– – – – – – – – – – – – – – –

8.10.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

ปัญญาก็มีตามศีลที่มีนั่นแหละ !

October 7, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,388 views 0

ปัญญาก็มีตามศีลที่มีนั่นแหละ !

ยุคสมัยนี้ปฏิบัติ ศึกษาธรรมะกันแต่ไม่ค่อยสนใจศีล ลืมศีล ไม่เข้าใจศีล ถ้าไม่ยึดศีลแบบงมงาย ก็ตีทิ้งศีลไปเลย พอไม่มีศีลมันก็เลยไม่มีปัญญา แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมารู้แจ้งเห็นจริงในธรรม

ศีลกับปัญญานั้นเป็นคู่กัน ถ้าปฏิบัติศีลอย่างสัมมาทิฏฐิกันจริงๆ ยังไงก็หนีไม่พ้นการมีปัญญา

แต่เดี๋ยวนี้ถือศีลกันแล้วหมายเอาแค่ศีลมาคลุมแค่ร่างกาย กับคำพูดคำจา แต่ความจริงแล้ว ศีลก็ปฏิบัติทั้งกาย วาจา ใจ นั่นแหละ ซึ่งก็อยู่ที่ความเห็นของผู้ที่ศึกษา ถ้าเข้าใจก็เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ จะติดอยู่แค่ร่ายกาย กับคำพูดเท่านั้น จะไปต่อถึงใจไม่เป็น

สรุปลงไปเลยว่า ศีลนี่แหละคือข้อปฏิบัติที่จะชำระกิเลสในใจ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า “ศีลที่เป็นกุศล ยังอรหัตตผลโดยลำดับ” นั่นหมายถึงแค่มีศีลนี่แหละ พอแล้วจบกิจแน่ๆ แต่ต้องสัมมาทิฏฐินะ~

บทความผมนี่มันไม่ค่อยเอาใจกิเลสเท่าไหร่นะ…

October 7, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,109 views 0

อย่างเรื่องคู่นี่ปิดช่องเลย หาข้อดีในการมีคู่ไม่ได้สักนิดหนึ่ง ไม่เว้นช่องให้กิเลสเลย

นี่ถ้าพิมพ์กันแบบ เนื้อคู่ต้องแบบนั้น รักแท้ต้องมีลักษณะแบบนี้ คู่กันได้แบบนั้นแบบนี้นี่ …สงสัยเพจนี้คงจะดังแบบชาวบ้านเขานะ 555

แต่ใจผมไม่เอาด้วยหรอกนะ ไปบอกคนเอื้อให้กิเลสเขามีช่องให้เสพนี่มันมีวิบากมาก ถ้าเขาหาช่องเองได้มันก็เรื่องของเขา กิเลสใครก็รับผิดชอบกันเอง แค่เราไม่ชี้โพรง(นรก) ให้กระรอกก็พอ

จริงๆผมก็แปลกใจอยู่นะ ที่ยังมีคนติดตาม ข้อความแต่ละบทที่พิมพ์ไปนี่ก็หนักๆทั้งนั้น แม้จะเป็นบทสั้นๆไม่กี่บรรทัดก็หนักในเนื้อหา เรียกว่าคนกิเลสหนาอ่านแล้วหนักใจ ตามไม่ไหวขอไปดีกว่า~

ซึ่งมันก็ดีกับตัวผมเหมือนกัน เอาคนฐานศีลสูง เอาคนมีบุญบารมีมากๆมาก่อนดีกว่า ไปเอื้อให้คนกิเลสหนามาก เดี๋ยวจะปวดหัวทีหลัง

ซึ่งอ่านจากความคิดเห็นก็มีทั้งผู้ที่มีประสบการณ์เจ็บแล้วจำ และผู้ที่ยังไม่เจ็บแต่ก็เรียนรู้ทุกข์ ไม่ว่าจะมีคู่ โสด หรืออกหักมา ถ้าสามารถเห็นทุกข์ เข้ามาศึกษาเหตุแห่งทุกข์ สู่การดับทุกข์ด้วยวิธีปฏิบัติที่มีเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลก็สามารถพ้นทุกข์กันได้

คนโสดเข้าใจความจริงก็สบายหน่อย คนคู่เข้าใจความจริงก็สบายเหมือนกัน แต่จะลำบากกว่าตรงต้องแบกคู่ไปด้วย แต่นั่นก็คงไม่สำคัญเท่าใครสามารถทำลายความหลงติดหลงยึดได้มากกว่ากัน

ผมมีประสบการณ์อยู่ชุดหนึ่งที่คิดว่ามีคุณค่าพอที่จะแบ่งปันโดยไม่อายใคร ใครสนใจก็ลองตามอ่านแล้วพิจารณาประโยชน์ตาม ลองทำความเห็นของตัวเองให้แนบเนียนสอดคล้องไปกับประสบการณ์ของผมดู และจะเห็นว่า สิ่งที่ทำให้มันเห็นตรงกันไม่ได้นั่นแหละ “กิเลส