Tag: ความรัก

คนรักในฝัน มีอยู่จริงหรือ?

April 25, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,374 views 0

คนรักในฝัน มีอยู่จริงหรือ?

คนรักในฝัน มีอยู่จริงหรือ?

ความรักในมุมของคู่ครองกับความฝันนั้นก็เป็นเหมือนกับเรื่องเดียวกัน หลายคนเฝ้าฝันว่าวันใดวันหนึ่งจะเจอกับคนในฝัน จินตนาการปั้นปรุงแต่งกันไปตามความอยากของแต่ละคน

ในทางโลกนั้นเขาก็ว่า ต้องเหมาะสมกันบ้าง ต้องพอดีกันบ้าง ต้องส่งเสริมกันบ้าง ต้องสร้างกุศลร่วมกันบ้าง ต้องพากันเจริญบ้าง หลายๆเหตุผลที่จะทำให้เราเฝ้าฝันถึงคู่ครองในอุดมคติ

แต่ในทางธรรมนั้นกลับบอกว่าการไม่มีคู่ครองนี่แหละดีที่สุด คนที่ปัญญายังไม่รอบ ไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ยังจะพยายามแสวงหาคู่ครอง ที่ว่าดี ที่ว่าเลิศ ตามหาในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ตั้งสเปค ตั้งภพว่าอย่างน้อยๆต้องแบบนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ถึงจะยอมเป็นคู่ มีกำแพง มีกฎเกณฑ์ มีรูปแบบ หรือเรียกรวมๆว่ายังมีความยึดมั่นถือมั่นอยู่

ถ้าจะให้ตรงๆเน้นๆ เลยก็คือ “การที่ยังคิดว่าคนในฝันยังมีอยู่จริง ก็คือยังโง่อยู่นั่นเอง” เพราะแท้จริงแล้วการที่เราไปแสวงหาคู่ครองในฝันนั้นก็เหมือนไปคว้าสิ่งที่ไม่มีตัวตนให้มาเป็นตัวตนของเราแม้แรกเจอจะดูดี หน้าตาดี ฐานะดี การงานดี บุคลิกดี นิสัยดี ธรรมะก็มี แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่ล่อให้เราเข้าไปติดกับดักของความหลง และคนที่ถูกใจเรานั่นแหละคือ “ตัวเวรตัวกรรม

กิเลสของเราจะล่อเราให้ไปติดกับดักที่ตัวเองคาดฝันไว้ มีเหตุผลมากมายที่จะยอมสละโสดหรือพลีกายให้กับคนในฝัน สุดท้ายไม่ว่าจะได้คู่ที่แย่สุดแย่หรือดีปานเทวดามาเกิด มันก็อยู่ใต้อำนาจของกิเลสอยู่ดี มันก็วนอยู่ในความหลงอยู่ดี ไม่มีหรอกที่ว่าคนมีปัญญาเต็ม สติเต็ม จะยังหลงอยู่ได้ มีแต่คนด้อยสติปัญญาเท่านั้นที่จะละเมอเพ้อพกไปกับสิ่งที่ไม่จริง

หลายคนมีข้ออ้างมากมายที่ดูเหมือน “ฉลาดฉิบหาย” เพียงเพื่อที่จะได้มีคู่ ข้ออ้างเหล่านั้นเองคือความร้ายกาจของกิเลสที่พาให้คนหลงว่าตนเองมีปัญญา ซึ่งแม้แต่นักปฏิบัติธรรมหรือนักบวชก็ต้องพลาดพลั้งเพราะพลังของกิเลสมานักต่อนักแล้ว

สุดท้ายพวกเขาก็ยอมโง่อย่างยินดีเพื่อแสวงหามาเสพให้สมกิเลส หลอกตัวเองและหลอกคนอื่นว่าคนในฝันยังมี รักที่ดีก็ยังมี หลงมัวเมาอยู่ในความลวง วนเวียนทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อนไปเรื่อยๆจนกว่าจะเรียนรู้ได้เองว่า “ความเป็นโสดนี่แหละดีที่สุด

– – – – – – – – – – – – – – –

25.4.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

เมื่อรักนั้นคือความหลง ก็เหมือนคนติดยาเสพติด

April 16, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 5,725 views 0

เมื่อรักนั้นคือความหลง ก็เหมือนคนติดยาเสพติด

เมื่อรักนั้นคือความหลง

ก็เหมือนคนติดยาเสพติด

มีให้เสพก็มีความสุข

พอไม่ได้เสพก็ทุกข์ทรมาน

 

= = = = = = = = = = =

โดยทั่วไปแล้ว…

คงยากที่ใครจะยอมรับว่า..ตนเองนั้นหลง

แต่ความจริงก็จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริง

คู่รักที่ยังดูแลเอาใจใส่แก่กันและกัน

ก็จะดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังมีความสุขดี

แต่พอคนใดคนหนึ่งลดการเอาใจใส่ ด้วยเหตุใดก็ตาม

อีกคนก็จะเกิดอาการทุกข์ในจิตใจขึ้นมาทันที

 

….

 

นี่คือความเสพติดความรักเพราะความหลง

พอได้เสพมันก็หลงว่าเป็นสุข

แล้วยึดสุขนั้นไว้ว่าต้องได้เสพตลอด

ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากความสุข

ใครที่นำความสุขนั้นออกไปจากชีวิตฉัน

ก็จะถือว่าเป็นศัตรูกับฉัน…

 

…โดยไม่สำคัญว่าคนนั้นจะเป็นใคร

เคยเป็นคนที่ฉันรักที่สุดหรือไม่

เคยเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ฉัน

เคยเป็นคนที่ช่วยเหลือฉันเมื่อทุกข์ใจ

แต่ถ้าวันนี้เธอพรากความสุขของฉันไป

เราจะกลายเป็นศัตรูกัน!!

….และนี่เองคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คู่รักทะเลาะกัน

 

แท้จริงแล้วความหลงก็คือความเห็นแก่ตัวดีๆนี่เอง

มันมาในภาพที่สวยหรูที่เรียกว่าความรัก

สุดท้ายแล้วก็หวังจะให้คนอื่นมาบำเรอตนเท่านั้นเอง

 

– – – – – – – – – – – – – – –

16.4.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

ทุกข์ของคนอยากมีความรัก

April 16, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,577 views 0

ทุกข์ของคนอยากมีความรัก

ทุกข์ของคนอยากมีความรัก

ก็คือ “ความอยาก” มีความรัก

= = = = = = = = = = =

ความอยากมีความรักนั้นเหมือนคำสาป

ทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอด

ใครที่เผลอตัวเข้าไป ก็มักจะหลงทาง

ทั้งที่ทางออกนั้นก็คือทางเข้า แต่กลับมองไม่เห็น

พากันแก้ปัญหาความรักด้วยการแสวงหามาเติมให้เต็ม

ยิ่งแก้ก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งแก้ก็ยิ่งหลง ยิ่งแก้ก็ยิ่งไกล

หาคนนั้น หาคนโน้น ชอบแบบนั้น ชอบแบบนี้

ปรึกษาคนนั้น ปรึกษาคนนี้ ตามหาศิราณีไปทั่ว

พบรัก สมหวัง คบหา เลิกรา เป็นอย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น

โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว…

วิธีแก้ปัญหาความรักมันก็ไม่ได้หายากอะไรมากมาย

มันก็แก้กันที่ “ความอยากได้อยากมี” เท่านั้นเอง

การแก้ปัญหาความอยากได้รับความรัก

ไม่ได้ง่ายเพียงแค่กดข่มใจให้ “ไม่อยาก

แต่เป็นการค้นให้ลึกลงไปถึงรากของปัญหา

คือเรา “อยาก” ได้รับอะไรจากความรัก

เราอยากได้ อยากมี อยากเสพอะไร

เราต้องการสิ่งใดหนอ ที่ทำให้เราต้องลำบาก

ที่ทำให้เราต้องทนทุกข์กับการแสวงหาความรัก

– – – – – – – – – – – – – – –

16.4.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

เรียนรักจากผักเป็ด

April 8, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,688 views 0

เรียนรักจากผักเป็ด

เรียนรักจากผักเป็ด

เป็นเรื่องราวประยุกต์ระหว่างการดูแลต้นไม้กับการดูแลความรัก เพื่อให้เห็นภาพของความรักที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ

ผักเป็ด

ผมได้ปลูกผักเป็ดกระถางน้อยๆวางเรียงรายไว้ริมชานตรงที่แดดส่องถึง วันดีคืนดีก็นึกอยากลองใส่ปุ๋ยดูว่าจะเป็นอย่างไร ก็เลยลองใส่ปุ๋ยให้ต้นหนึ่ง อีกต้นหนึ่งไม่ใส่

ต่อมาไม่นานต้นที่ใส่ปุ๋ยมีสีเขียวเข้ม สดกว่าต้นไม่ใส่จนเกือบคิดไปว่าต้นไม้คนละชนิด เติบโตงอกงามดีมาก และงอกงามได้อยู่เป็นเดือนแม้จะเป็นการใส่ปุ๋ยแค่ครั้งเดียว

เวลาผ่านไปฤดูก็เปลี่ยน จากฤดูร้อนกลายเป็นฤดูร้อนมาก แดดในแต่ละวันนั้นแรงมากกว่าก่อนมาก วันหนึ่งก็ได้เดินไปดูผักเป็ดที่ปลูกไว้กลับพบว่าต้นที่ใส่ปุ๋ยนั้นได้เหี่ยวแห้งและดูเหมือนว่าจะตาย ส่วนต้นที่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยกลับยังอยู่ แม้จะมีสภาพที่ดูแห้งๆแต่ก็ยังยืนต้นตรงและมีความเขียวอยู่

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมต้นที่ดูสมบูรณ์เขียวสดกลับตายก่อนต้นที่ไม่ได้รับสารอาหารอะไรเลย?

เรื่องรักและผักเป็ด

ความรักก็มักจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน ดูแลเอาใจอย่างดี สถานการณ์ก็ดูราบรื่นดี แต่สุดท้ายกลับพังทลายลงในพริบตา มันเกิดอะไรขึ้น?

เรื่องของผักเป็ดได้สอนให้เราเห็นแล้วว่า ต้นที่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเลี้ยงดูตามธรรมชาตินั้นสามารถอดทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าต้นที่ให้ปุ๋ย นั่นเพราะเวลาเราให้ปุ๋ยมันเป็นสิ่งที่มักจะเกินธรรมชาติ คือไม่เป็นไปตามปกติที่ควรจะเป็น ดินไม่มีสารอาหาร แต่อยู่ๆก็มี ทำให้ผักเป็ดเติบโตจนเกินความพอดี จนกระทั่งวันหนึ่งการเติบโตที่เกินพอดีนั้นแหละที่ทำให้มันตาย

หากผักเป็ดต้นนั้นไม่ได้รับปุ๋ยมันก็จะไม่ตาย เพราะมันจะไม่โตเกินพอดี มันจะเก็บพลังงานของมันไว้อย่างเหมาะสม เมื่อมันโตเกินพอดี ก็จะมีการคายน้ำที่เกินพอดี เมื่อถึงเวลาอากาศเปลี่ยนแปลงดังเช่นร้อนขึ้น ความสมบูรณ์จึงเป็นภัยแก่ตัวมันเองในทันที

ความรักก็เช่นกัน เมื่อเราดูแลเอาใจจนเกินพอดี คนที่ไม่เคยได้รับการสนองกิเลส พอได้รับการบำรุงบำเรอกิเลสจนกิเลสอ้วน จนกระทั่งติดสุข ติดสบาย ติดคำหวาน ติดการเอาใจ ติดการสนองกิเลสใดๆที่อีกฝ่ายได้ให้ แต่ถ้าได้รับสิ่งที่ถูกใจ บำเรอต่อไปเรื่อยๆก็จะไม่มีปัญหาอะไรให้เห็น

แต่เมื่อความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้น เหมือนดังผักเป็ดที่เจอความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ในเรื่องความรักก็คงจะเป็นความเสื่อมของการสนองกิเลส เช่น เอาใจน้อยลง ให้เวลาน้อยลง คุยกันน้อยลง ประหยัดมากขึ้น เที่ยวน้อยลง ฯลฯ และเหตุอีกมากมายที่ทำให้สิ่งที่เคยได้เสพน้อยลง

คนที่กิเลสอ้วนก็จะเหมือนกับผักเป็ดต้นที่ใส่ปุ๋ย เมื่อเขาหรือเธอต้องพบกับสภาพของความเสื่อม เมื่อไม่ได้เสพเหมือนเคย ก็มักจะทุกข์ทรมานเกิดเป็นความเศร้าโศก คร่ำครวญรำพัน เสียใจ คับแค้นใจ เมื่อเกิดอารมณ์เหล่านี้ก็มักจะกลายเป็นการระเบิดตัวเองไปในตัว เหมือนกับผักเป็ดที่ได้รับปุ๋ยนั้นตายเพราะมันเจริญมากเกินไป

เมื่อไม่ได้เสพสมใจก็จะเริ่มออกอาการ หาเรื่องทะเลาะ เช่น ไม่เหมือนเดิมเลยนะ , เปลี่ยนไปรึเปล่า , มีคนอื่นรึเปล่า รวมถึงอาการหึงหวง โกรธ ไม่พอใจ ประชดประชัน งอน ร้องไห้ หรืออื่นๆอีกมากมาย ซึ่งอาการเหล่านี้นี่แหละคือการทำลายความรักด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่เหตุผลเพราะรักนั้นเสื่อมลงนะ แต่เป็นเพราะคนที่กิเลสอ้วนติดสุขจนยึดมั่นถือมั่นว่าต้องได้เสพอย่างเดิมต่างหากที่ทำลายความรัก

เพราะเมื่อคนเราไม่ได้ของที่ต้องการก็มักจะออกลีลาอาการต่างๆเพื่อที่จะทำให้ได้เสพเหมือนเดิม แต่ยิ่งทำมันก็จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเรื่องธรรมดาที่ทุกอย่างต้องเสื่อมและถูกพรากจากไป การที่เราไปออกอาการนั้นเพราะเราหวงสุข พอยิ่งหวงก็ยิ่งพยายามเรียกร้อง พอเรียกร้องก็จะยิ่งเร่งการทำลายตัวเองไปในตัว

เรื่องนี้แม้จะดูเหมือนว่าปุ๋ยหรือกิเลสคือศัตรูร้าย แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือสภาพยึดกิเลสมาเป็นตัวเป็นตนของเราต่างหาก เพราะถ้าเราไม่ยึดกิเลส ไม่เสพสุขจากมัน เราก็ไม่ต้องทุกข์เมื่อไม่มีให้เสพ เหมือนกับผักเป็ดที่ไม่ได้ใส่ปุ๋ย แม้ว่าจะถูกแดดเผาสักเท่าไรมันก็ยังอยู่ได้

คนก็เช่นกัน ถ้าไม่มีกิเลสสักอย่างมันก็ไม่ต้องไปทุกข์ ให้เสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ต้องสร้างสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อเกินความจำเป็นของชีวิต ไม่ต้องไปเสพสิ่งที่ไร้ค่าไม่เป็นประโยชน์ จึงอยู่ทนทานแม้ว่าจะไม่ได้เสพอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกัน

ความรักก็เช่นกัน หากเราปล่อยมันไปตามธรรมชาติ มันก็จะอยู่ของมันได้ ไม่ต้องไปดูแลมันมากเกินพอดี ปล่อยมันเป็นไปตามกรรมของมัน เท่าที่มันจะเป็นกุศลสูงสุด แม้มันจะดูไม่หวือหวาน่าลิ้มลองเหมือนดังรักที่ชุ่มไปด้วยกิเลส แต่รักแห้งๆเช่นนั้นก็จะมีความยั่งยืนยาวนานกว่า เพราะไม่เสริม ไม่เติมกิเลสที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ให้แก่กันและกัน

– – – – – – – – – – – – – – –

8.4.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)