ความรัก

วาทะคนโสด (มีคู่ทุกข์นะ)

August 1, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 4,201 views 0

วาทะคนโสด (มีคู่ทุกข์นะ)

วาทะคนโสด (มีคู่ทุกข์นะ)

อยากมีคู่ก็ทุกข์แล้ว

พยายามหาคู่ก็ทุกข์อีก

ถึงจะรอคู่ก็ทุกข์อยู่ดี

ยิ่งถ้าได้มีคู่นี่ทุกข์สุดทุกข์เลย

สุดท้ายก็ต้องทุกข์เพราะจากกัน

– – – – – – – – – – – – – – –

ทุกข์ นี่เป็นสิ่งที่รู้สึกได้ง่าย แต่เห็นได้ยากมาก การเห็นทุกข์เป็นสิ่งจำเป็นมาก เป็นข้อแรกของอริยสัจ ๔ เป็นก้าวแรกของการเดินทางไปสู่ความผาสุกที่ยั่งยืน

ทุกวันนี้เรามักจะเป็นทุกข์ แต่ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นตัวตนของทุกข์ ไม่เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์ แม้จะประสบทุกข์อยู่แต่ก็มองทุกข์ไม่เห็น ได้แต่เป็นทุกข์ อันนี้เรียกว่าความไม่เห็นทุกขอริยสัจ

อย่างเช่นในเรื่องความรัก การที่เราอยากมีคู่รักนั้นมีทุกข์ปนไปในทุกระยะของความสัมพันธ์ แต่เรามักจะไม่เห็นทุกข์ และมักเห็นทุกข์นั้นเป็นสุขด้วยซ้ำ ทั้งๆที่จริงมันเป็นทุกข์

การที่เรามองไม่เห็นทุกข์ หรือเห็นทุกข์เป็นสุขนั้น เพราะกิเลสลวงเราไว้ บังเราไว้ หลอกเราไว้ว่าทุกข์นั้นคือสุข หลอกว่าถ้าได้เสพสุขต้องยอมทนทุกข์ ทำให้เห็นว่าการมีคู่นั้นสุขมากทุกข์น้อย ทั้งที่ในความจริงตามความเป็นจริงนั้นไม่มีสุขใดๆเลย

กิเลสจะทำให้เราเห็นความลวงเป็นความจริง เห็นสุขลวงเป็นสุขจริง และทำให้มองไม่เห็นทุกข์ หรือมองทุกข์เป็นความสุข ซึ่งการจะออกจากความลวงของกิเลสได้ จะต้องมองเห็นทุกข์เป็นทุกข์ตามความเป็นจริง และการจะมองเห็นทุกข์ได้นั้นจำเป็นจะต้องมีผู้แจ้งรู้จริงในความเป็นทุกข์นั้นๆ เป็นผู้แนะนำ ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าได้ชี้ให้เหล่าสาวกได้เห็นว่าสิ่งใดเป็นทุกข์นั่นเอง

– – – – – – – – – – – – – – –

1.8.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

โสดอย่างไร ให้ใจเป็นสุข

July 30, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,535 views 1

Download ภาพขนาดเต็ม กดที่นี่

โสดอย่างไร ให้ใจเป็นสุข

ความโสดนั้นมีมิติที่หลากหลายแตกต่างกันไป หากเรามองความโสดด้วยมุมมองทั่วไปในสังคม ก็มักจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครให้คุณค่าหรือใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นโสดกันสักเท่าไหร่

ในบทความนี้ก็จะแบ่งความโสดออกเป็นระยะกว้างๆด้วยกันสามระยะ คือโสดที่ยังมีความอยากมีคู่ โสดที่ไม่อยากมีคู่ และความโสดที่ไม่มีทั้งความอยากและไม่อยากมีคู่ มาเริ่มกันที่ความโสดแบบแรกกันเลย

โสดอยู่ไม่เป็นสุข (นรกคนโสด)

คือความโสดที่ยังเต็มไปด้วยความอยาก มีความต้องการ แสวงหาคู่ครอง แม้ว่าจะแสดงอาการหรือไม่ก็ตาม หากใจนั้นยังไม่ปิดประตูของการมีคู่ ก็ยังเรียกได้ว่า โสดแบบอยู่ไม่เป็นสุข การที่ความอยากนั้นยังไม่แสดงอาการ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีกิเลส ซึ่งอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่นเด็กทารก เขายังไม่มีความอยากมีคู่ แต่ไม่ได้หมายความเขาจะไม่มีกิเลส

คนโสดที่อยู่ไม่เป็นสุข ก็เหมือนอยู่ในนรกคนโสด ต้องทุกข์กับความอยากมีคู่ พอหาคู่ได้ก็เปลี่ยนไปอยู่ในนรกคนคู่ พอเลิกคบหากันแต่ยังมีความอยากอยู่ ก็เวียนกลับมานรกคนโสด ซึ่งไม่ว่าจะโสดหรือจะมีคู่ก็ต้องถูกเผาด้วยไฟราคะ คือทุกข์จากความอยากเสพรสสุขใดๆก็ตามในการมีคู่ วนเวียนโสดบ้างมีคู่บ้าง แต่ก็หนีไม่พ้นความทุกข์จากกิเลสอยู่ดี

โสดบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ (อยู่ในโลก)

คือความโสดที่เกิดจากความไม่อยาก ด้วยการสร้างคุณค่าให้ตนเอง เติมช่องว่างในใจที่เคยเผื่อไว้ให้ใครสักคนให้เต็มด้วยอัตตาของตน จนกลายเป็นคนที่เต็มคน แข็งแกร่ง พึ่งตนเองได้ มีศักดิ์ศรี ไม่ยอมกลับไปมีคู่เพราะความยึดดี ซึ่งอาจจะเกิดจากความเจ็บช้ำ ความผิดหวังเมื่อตอนมีคู่ ผ่านประสบการณ์ที่ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการมีคู่นั้นทำให้ต้องประสบทุกข์อย่างมาก

แต่แม้จะเป็นความโสดที่แข็งแกร่งเพียงใด ความไม่อยากนั้นก็ยังเป็นทุกข์อยู่ดี ซึ่งเกิดจากอาการผลักการมีคู่อย่างรุนแรง ไม่อยากมีคู่เพราะเหตุผลบางอย่าง แต่กิเลสนั้นเป็นพลังงานที่เติบโตได้ ขยายได้ ปรับเปลี่ยนขั้วได้ เพราะไม่ว่าอยากหรือไม่อยากก็คือตัณหาเหมือนกัน อยากในสิ่งหนึ่งก็เกลียดอีกสิ่งหนึ่ง ไม่อยากในสิ่งหนึ่งก็ชอบอีกสิ่งหนึ่ง เช่นอยากมีคู่ก็เกลียดความโสด อยากเป็นโสดก็เกลียดการมีคู่

เมื่อยังมีความอยากและไม่อยาก มันก็จะสร้างทุกข์ให้กับตัวเองอยู่เรื่อยๆ ซ้ำร้ายวิบากกรรมอาจจะดึงสิ่งที่ไม่อยากได้คือการมีคู่ให้มาเข้าใกล้ พอโดนยั่วกิเลสเข้ามากๆก็อาจจะเวียนกลับไปมีคู่ได้ สุดท้ายก็ต้องเจอกับทุกข์แล้ววกกลับมาโสดแบบเกลียดการมีคู่อีก เปลี่ยนภพไปมาแบบนี้จนกว่าจะทำลายความอยากและไม่อยากจนสิ้นเกลี้ยง

โสดอย่างเป็นสุข (อยู่เหนือโลก)

คือความโสดที่ข้ามพ้นจากความอยากและไม่อยาก แล้วเลือกเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่มีโทษ มีทั้งประโยชน์ตนเองและประโยชน์ต่อผู้อื่น นั่นก็คือการเลือกเป็นโสด

ความโสดที่อยู่เหนือโลก นั้นคือโสดแบบโลกุตระ ไม่ไปเสพอย่างโลกีย์ และไม่ยึดดีอย่างโลกีย์ ไม่มีทั้งความอยากมีคู่ และความไม่อยากมีคู่ เพราะตัณหานั้นคือเหตุสู่ความทุกข์ สภาวะของความโสดเช่นนี้จึงเป็นสุขที่สุดในสภาพโสดทั้งหมด เป็นโสดที่ไม่มีทุกข์เจือปนอยู่แม้น้อย ที่ไม่มีทุกข์เพราะไม่มีกิเลสใดๆในเรื่องคู่ที่ผลักดันให้ต้องไปเสพ หรือต้องไปมีคู่กันให้ลำบาก

ความโสดเช่นนี้ไม่ใช่สภาพที่จะเลือกเอาได้ แต่สามารถเลือกที่จะปฏิบัติจนถึงผลเช่นนี้ได้ โดยจะต้องใช้ความเพียรในการชำระล้างกิเลสในเรื่องของคนคู่ให้หมดสิ้นไป จึงจะเกิดสภาพของความโสดที่ไม่มีทุกข์ใดๆเจือปนอยู่เลย

การพัฒนาจิตใจอย่างถูกตรงนั้นจะมีผลให้เกิดการหลุดพ้นอย่างถูกตรงเช่นกัน สภาพของความโสดอย่างเป็นสุข จะไม่มีการเวียนกลับไปมีคู่อีก ไม่กำเริบ ไม่แปรปรวน ยั่งยืน ยาวนาน ตลอดกาล ไม่เป็นอื่นใดอีก จะคงความโสดที่ไม่มีทุกข์ใดๆอยู่เช่นนั้นไปตลอดกาล

ไม่ใช่เพราะหาคู่ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีใครเอา ไม่ใช่เพราะว่าแก่เกินวัย ไม่ใช่เพราะไม่เหมาะสมกับใคร ไม่ใช่เพราะไม่มีใครดีพอ แต่เป็นเพราะเกิดญาณปัญญารู้ว่าความโสดนี่แหละเป็นสุขที่สุดแล้ว ที่สุขที่สุดเพราะมันไม่มีทุกข์ใดๆเลย และนี่คือสิ่งที่ประเสริฐที่สุดแล้ว จะต่างกันกับชาวโลกีย์ที่มองว่าการมีคู่นั้นเป็นสุข หรืออย่างดีก็จะเห็นว่ามีสุขมีทุกข์ปนกันไป

แต่สำหรับชาวโลกุตระนั้นจะมองเห็นว่ามีเพียงแค่ทุกข์กับทุกข์เท่านั้น และเห็นว่าสุขที่เคยเข้าใจว่าเป็นสุขนั้น คือสุขลวงทั้งสิ้น ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน ไม่มีตัวตน เป็นของว่างเปล่า ดังนั้นจึงไม่มีข้อกังขาใดๆ ในเรื่องของการมีคู่อีก ไร้ซึ่งความลังเลสงสัยแม้แต่น้อยนิดในใจว่าทำไมต้องเลือกความโสด เพราะรู้แน่ชัดในตนแล้ว เกิดปัญญารู้ในตนแล้ว จึงไม่มีสิ่งใดจะมาลบล้างได้อีก

ไม่ว่าจะถูกเสนอด้วยคู่ครองรูปงาม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขโลกีย์อีกเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจที่หลุดพ้นจากกิเลสในเรื่องคู่นี้ได้ เพราะไม่ว่าจะได้อะไรมาแลกก็จะไม่ยอมสละความโสดนี้ไป ไม่มีอะไรมีคุณค่ากว่าความโสดนี้ ไม่มีการตั้งเงื่อนไข ไม่มีข้อแม้ ไม่มีช่องว่างใดๆเหลือไว้ให้จิตใจคิดถึงการมีคู่อีก

….สรุปบทความนี้กันด้วยหลักทางสายกลาง ความโสดที่ยังแสวงหาอยู่นั้นคือความโต่งไปในด้านของกาม ส่วนความโสดที่เกลียดการมีคู่นั้นคือความโต่งไปในด้านอัตตา และความโสดอย่างเป็นสุขที่ไม่แสวงหาคู่ ไม่ต่อต้านการมีคู่ แต่ก็ไม่สนับสนุนการมีคู่ คือทางสายกลางอย่างแท้จริง

– – – – – – – – – – – – – – –

29.7.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

น่าปวดหัวเรื่องผัวเมีย

July 29, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,214 views 0

จากกระทู้ในพันทิพในหัวข้อ  “อายุ 25 แฟนไม่ทำการบ้านค่ะ !!!!!
(http://pantip.com/topic/33980169)
ดูเอาเถอะใครที่ว่ามันไม่ทุกข์ นี่แค่ความอยากไม่เท่ากันนะ คนนึงไม่อยากสมสู่ คนนึงอยากสมสู่ พอสนองกันไม่ได้ชีวิตรักก็เริ่มร้าว

สุดท้ายส่วนใหญ่ก็มาตกม้าตายกันตรงความใคร่นี่แหละ พิจารณาให้ดีเถอะ เราหาคู่มาทำไม เอามาสนองความใคร่ของเราอย่างนั้นหรือ มันจะดีหรือที่เราฉุดเขาให้มัวเมาในกาม นี่มันการพากันลงนรกชัดๆ ไม่ใช่พากันเจริญเลยสักนิด

หลายคนให้เหตุผลที่ดูดีมากมายเพื่อมีรัก แต่กลับปกปิดเหตุผลที่แท้จริงไว้ข้างใน แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอาย ไม่มีใครกล้าเปิดเผยกัน แต่ความจริงก็คือความจริง ความอยากมันก็ทำงานของมันไปเช่นนั้น สร้างทุกข์ไปเรื่อยๆเมื่อไม่ได้สมอยาก

นี่ถ้าไม่มีโลกออนไลน์ เราคงไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้กัน ต้องขอบคุณจริงๆ ที่เปิดเผยเรื่องราวกันได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน

คู่รักไม่ยั่งยืน เป็นเพื่อนสิยาวนาน

July 27, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,618 views 0

คู่รักไม่ยั่งยืน เป็นเพื่อนสิยาวนาน

คู่รักไม่ยั่งยืน เป็นเพื่อนสิยาวนาน

….

แม้ว่าเราจะรู้ความจริงดังนี้กันแล้ว

แต่เราก็มักจะแสวงหาสิ่งที่ไม่ยั่งยืน

เมื่อเจอกับคนที่ถูกอกถูกใจเมื่อไหร่

ก็มักจะจับจ้องเอามาเป็นคู่ครองให้ได้

ไม่สนใจว่าจะยั่งยืนหรือไม่ยั่งยืน

ขอเพียงให้ตนได้เสพสิ่งที่ตนชอบใจก็พอ

….

เรามักจะแบ่งว่าอันนี้คู่รัก อันนี้เพื่อน

จัดสรรปันส่วนให้สองสถานะนี้ไม่มาปนกัน

กันขอบเขตพิเศษไว้สำหรับคู่รักเท่านั้น

ส่วนเพื่อนก็แค่เพียงคบหากันทั่วไป

เลือกเอาสิ่งที่ไม่ยั่งยืนมาเป็นหลัก

แต่กลับปล่อยสิ่งที่ยาวนานเป็นรอง

เพื่อที่จะได้รับความชอบธรรมในการมีคู่

คิดเอาเองว่าเรื่องดีๆในชีวิตทำได้เฉพาะกับคู่

ทั้งที่จริงแล้วความต่างก็คงมีแค่เรื่องสมสู่

กับการสร้างครอบครัวมีลูกมีเต้าเท่านั้น

เมื่ออยากเสพสิ่งเหล่านั้น จึงหาประโยชน์ในการมีคู่

ละทิ้งประโยชน์ของการเป็นเพื่อน หรือลดความสำคัญลง

….

ผู้ที่กำลังออกเดินทางและมีทิศทางสู่การพ้นทุกข์

ความเป็นเพื่อนกับคู่รักจะมีสภาพที่ไม่ต่างกันนัก

เพราะสามารถใช้เพื่อนแทนคู่รักได้ในหลายๆเรื่อง

โดยที่ไม่ต้องไปคิดเรื่องสมสู่ หรือการมีครอบครัว

แต่ถ้าจะให้เลือกก็จะเลือกรับมาเป็นเพื่อน

ซึ่งมีความยั่งยืน ยาวนานกว่าการเป็นคู่รัก

เพราะเพื่อนสามารถ พากันสร้างกุศลกันได้

โดยที่ไม่ต้องมีบาปใดๆมาปะปนให้เสียเวลา

ต่างจากคู่รัก ที่ต้องคอยบำเรอกิเลสกันและกัน

สร้างบาป สร้างอกุศลให้แก่กันและกัน

เป็นตัวขัดขวางการพ้นทุกข์ของกันและกัน

….

เมื่อเห็นจริงดังนั้นเราก็ควรพิจารณาตามความจริง

ให้เข้าถึงคุณประโยชน์ที่แท้จริงของเพื่อน

ให้รู้ถึงโทษภัยของการครองคู่เป็นครอบครัว

ให้ชัดเจนว่าสิ่งใดไม่ยั่งยืน สิ่งใดที่ยาวนานกว่า

ให้ปราศจากอคติ ลำเอียงใดๆในสถานะเหล่านั้น

ให้เว้นขาดจากสิ่งที่เป็นภัย เข้าถึงสิ่งที่มีประโยชน์

เพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น ชั่วกาลนาน

– – – – – – – – – – – – – – –

25.7.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)