ความรัก
บำเรอความรัก ด้วยกิเลส คือความทุกข์
หากเราให้ความหมายของความรักด้วยการ…
บำเรอกันด้วยคำหวาน
บำเรอกันด้วยการเอาใจตามใจ
บำเรอกันด้วยเงินหรือวัตถุ
บำเรอกันด้วยเรือนร่าง
บำเรอกันด้วยการสมสู่
บำเรอกันด้วย … ฯลฯ
….เข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นคือตัวชี้วัดความรัก ก็เตรียมตัวได้เลยว่าความรักเช่นนั้นจะต้องพังลงในสักวันหนึ่ง และทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพักที่ยากจะเก็บกู้ เป็นขยะในจิตใจที่สร้างทุกข์ไปอีกนานแสนนาน นานเท่าที่เคยได้สร้างสิ่งเหล่านั้นไว้
ความรักที่ไม่บำเรอกันนั้นต่างออกไป แม้ว่าในวันหนึ่งมันจะต้องเสื่อมสลายไปตามกาล แต่มันจะไม่มีซากอะไรหลงเหลืออยู่ให้ต้องเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาตั้งแต่แรก
สายลมเมื่อวันวาน
สายลมเมื่อวันวาน
(เรียบเรียงได้ตอนฟังเพลง : วันนี้เมื่อปีก่อน (Today, Last Year) – Moderndog )
เมื่อวันที่การเปลี่ยนแปลงมาถึง
คงไม่มีใครทุกข์ใจกับความเจริญ
และคงไม่มีใครดีใจกับความเสื่อมสลาย
สิ่งใดที่เกิดขึ้นมา สุดท้ายมันก็ต้องดับลงไป
ทิ้งไว้แต่คนที่ยึดมั่นถือมั่นในรสสุขเหล่านั้น
พยายามที่จะกอดเก็บอดีตที่สวยงามไว้
เหมือนกับการห้ามสายลมไม่ให้พัดไป
ทั้งที่จริงแล้ว สายลมไม่เคยหยุดนิ่ง
เฝ้าใฝ่ฝันถึงอนาคตว่าวันหนึ่งจะต้องดีเหมือนเดิม
เหมือนกับเฝ้าฝันว่าสายลมนั้นจะพัดหวนกลับมา
ทั้งที่จริงแล้ว สายลมเดิมนั้นไม่เคยพัดกลับมา
จมดิ่งอยู่ในอดีต ล่องลอยไปกับอนาคต
ไม่มีปัจจุบันสำหรับผู้ปล่อยใจให้หลงทาง
อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ทุกอย่างมันจบไปแล้ว
แม้มันจะเคยมีอยู่ แต่มันก็เป็นเพียงความจำ
อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และไม่รู้ว่าจะถึงวันไหน
แม้มันน่าจะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดา
ไม่มีความจริงในอดีตและอนาคต
มีแต่ความจริงในปัจจุบัน ทีนี่ เวลานี้เท่านั้น
สิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้คือของจริง เป็นจริงตามความเป็นจริง
อย่าเอาความจำมาเป็นความจริงในปัจจุบัน
เพราะความจำเป็นเพียงสิ่งที่ได้เรียนรู้ในอดีต
อย่าเอาการคาดเดามาเป็นความจริงในปัจจุบัน
เพราะไม่ว่าจะวาดฝันไว้สักเท่าไร มันอาจจะไม่เกิดขึ้น
ผู้ที่พ้นจากความหลงยึดในอดีตและอนาคตเท่านั้น
จึงจะเป็นผู้ที่อยู่ในปัจจุบัน เป็นผู้มีความจริง
และมีเพียงความจริงในปัจจุบันเท่านั้น
ที่จะทำให้ก้าวผ่านความทุกข์ไปได้
ปล่อยให้สายลมพัดผ่านไป
อย่างที่มันควรจะเป็น
ปล่อยการยึด
วางการยื้อ
🙂
…
.
บทขยาย
เมื่อคนเราพบกับความทุกข์ ความผิดหวัง อย่างเช่นในเรื่องของความรัก ก็มักจะปล่อยให้จิตใจหลงไปกับอดีตและอนาคต
อดีตก็คือการหวนคิดถึงวันเก่าๆ เสียใจ เสียดาย ฉันเคยสุขเช่นนั้น เราเคยเป็นของกันและกันแบบนั้น เธอเป็นรักแรกของฉัน เป็นคนแรกของฉัน เราเคยเป็นเนื้อคู่กันตั้งแต่ชาติปางก่อน วันนั้นฉันน่าจะทำแบบนั้น ฉันไม่น่าตัดสินใจแบบนี้เลย ฯลฯ ซึ่งเป็นการจมอยู่ในอดีต แล้วก็หลงเอาอดีตมาเป็นปัจจุบัน เข้าใจว่าปัจจุบันต้องเป็นอย่างในอดีต คือมีความยึดในอดีต ทั้งๆที่ความจริงในปัจจุบันทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ปัจจุบันคือสิ่งที่ปรากฏให้เห็นและเป็นอยู่ เป็นความจริง เป็นเรื่องจริง อดีตมีแค่ความจำและความรู้ที่ได้เรียนรู้มา แต่ไม่ใช่ความจริง
อนาคตก็เช่นกัน เรามักเฝ้าฝันถึงอนาคตที่สวยงาม หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น หวังว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมา หวังว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ฯลฯ แล้วเสพสุขกับความฝันเหล่านั้นอยู่ในภพที่ตัวเองสร้างขึ้น ปั้นขึ้น แต่งขึ้น เหมือนหลงในนิทาน เมาไปในเรื่องราวของนิยายเพ้อฝัน หลงไปในอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ จะมีจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ มีแต่การคาดเดา ความน่าจะเป็น แต่ก็ไม่มีความจริงอยู่ในนั้น เพราะสิ่งนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น มันจึงเป็นเพียงภาพฝันที่จับต้องไม่ได้ ไม่มีอยู่จริง
ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นความจริง ผู้ที่ยอมรับความจริงตามความเป็นจริงที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถละหน่ายคลายจากความหลงติดหลงยึดในอดีตและอนาคตได้
– – – – – – – – – – – – – – –
9.10.2558
บทความผมนี่มันไม่ค่อยเอาใจกิเลสเท่าไหร่นะ…
อย่างเรื่องคู่นี่ปิดช่องเลย หาข้อดีในการมีคู่ไม่ได้สักนิดหนึ่ง ไม่เว้นช่องให้กิเลสเลย
นี่ถ้าพิมพ์กันแบบ เนื้อคู่ต้องแบบนั้น รักแท้ต้องมีลักษณะแบบนี้ คู่กันได้แบบนั้นแบบนี้นี่ …สงสัยเพจนี้คงจะดังแบบชาวบ้านเขานะ 555
แต่ใจผมไม่เอาด้วยหรอกนะ ไปบอกคนเอื้อให้กิเลสเขามีช่องให้เสพนี่มันมีวิบากมาก ถ้าเขาหาช่องเองได้มันก็เรื่องของเขา กิเลสใครก็รับผิดชอบกันเอง แค่เราไม่ชี้โพรง(นรก) ให้กระรอกก็พอ
จริงๆผมก็แปลกใจอยู่นะ ที่ยังมีคนติดตาม ข้อความแต่ละบทที่พิมพ์ไปนี่ก็หนักๆทั้งนั้น แม้จะเป็นบทสั้นๆไม่กี่บรรทัดก็หนักในเนื้อหา เรียกว่าคนกิเลสหนาอ่านแล้วหนักใจ ตามไม่ไหวขอไปดีกว่า~
ซึ่งมันก็ดีกับตัวผมเหมือนกัน เอาคนฐานศีลสูง เอาคนมีบุญบารมีมากๆมาก่อนดีกว่า ไปเอื้อให้คนกิเลสหนามาก เดี๋ยวจะปวดหัวทีหลัง
ซึ่งอ่านจากความคิดเห็นก็มีทั้งผู้ที่มีประสบการณ์เจ็บแล้วจำ และผู้ที่ยังไม่เจ็บแต่ก็เรียนรู้ทุกข์ ไม่ว่าจะมีคู่ โสด หรืออกหักมา ถ้าสามารถเห็นทุกข์ เข้ามาศึกษาเหตุแห่งทุกข์ สู่การดับทุกข์ด้วยวิธีปฏิบัติที่มีเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลก็สามารถพ้นทุกข์กันได้
คนโสดเข้าใจความจริงก็สบายหน่อย คนคู่เข้าใจความจริงก็สบายเหมือนกัน แต่จะลำบากกว่าตรงต้องแบกคู่ไปด้วย แต่นั่นก็คงไม่สำคัญเท่าใครสามารถทำลายความหลงติดหลงยึดได้มากกว่ากัน
ผมมีประสบการณ์อยู่ชุดหนึ่งที่คิดว่ามีคุณค่าพอที่จะแบ่งปันโดยไม่อายใคร ใครสนใจก็ลองตามอ่านแล้วพิจารณาประโยชน์ตาม ลองทำความเห็นของตัวเองให้แนบเนียนสอดคล้องไปกับประสบการณ์ของผมดู และจะเห็นว่า สิ่งที่ทำให้มันเห็นตรงกันไม่ได้นั่นแหละ “กิเลส“
ปล่อยให้มันเป็นอย่างที่มันเป็น
ปล่อยให้ .. ดอกไม้
เติบโต ..และเหี่ยวเฉา
ไปตามธรรมชาติ .. ของมัน
โดยไม่มี “ตัวเรา” ..เข้าไปเกี่ยวข้อง
…ความรักก็เช่นกัน
……………………………
แนะนำบทความที่มีเนื้อหาคล้ายกัน
– – – – – – – – – – – – – – –
21.6.2558