Tag: สมการ
โสดข้ามปี
ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เป็นโสดข้ามปี เพราะอย่างน้อยก็พ้นการผูกด้วยเวร การข้องเกี่ยวกันด้วยอกุศลกรรมกันไปอีกปี
ก็คิด ๆ อยู่เหมือนกันว่า เรานี่ก็โสดข้ามมาหลายปีแล้ว มันก็สุขสบายดี ไม่ต้องแสวงหา ไม่ต้องกังวลใด ๆ
ผมเข้าใจคนมีคู่นะ ว่ามันทุกข์อย่างไร แต่เขาจะเข้าใจว่าผมไม่ทุกข์อย่างไรนี่ก็ไม่หวังว่าเขาจะเข้าใจนะ
การมีคู่ข้ามปีนี่มันต้องแบกรับความหวัง ความกดดัน ความบีบคั้นของหลาย ๆ อย่าง เชื่อไหมมันไม่เป็นสุขหรอก เพราะเขาก็ต้องการของเขา เราก็ต้องการของเรา มันก็บีบคอกันเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้นนั่นแหละ ถ้าแลกเปลี่ยนกันได้ สมยอมกันได้ มันก็รอดพ้นไปเป็นครั้ง ๆ
แต่คนคู่นี่มันไม่มีวันลงเอยด้วยคำตอบเดียวกันทุกครั้งหรอก เพราะมันคนละคนกัน มีอุปาทาน มีตัณหา มีภพ ต่างกันไป คนหนึ่งชอบภูเขา อีกคนชอบทะเล คนหนึ่งอยากอยู่บ้าน คนหนึ่งยอมฝ่ารถติดไปเที่ยว คนหนึ่งอยากประหยัดเงิน อีกคนจะเอาเงินไปเสพสุขวันปีใหม่
แล้วเทศกาลปีใหม่นี่ต้องยอมรับเลย มีแต่กาม กับกาม ของกินอร่อย ๆ อากาศดี ๆ วิวสวย ๆ กลิ่นหอม ๆ เสียงเพราะ หรือเสียงพลุก็ยังเป็นสิ่งเสพได้ สุดท้ายก็สัมผัส ตั้งแต่สัมผัสของของกินจนไปถึงเรื่องอื่น ๆ
คนคู่เขาจะอยู่กันได้ เขาต้องบำเรอกัน มันมีรายจ่ายทั้งที่เป็นเงินและไม่ใช่เงิน เป็นรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเลยในชีวิต เพื่อแลกมาซึ่งการได้เสพสมใจบางอย่างตามที่ตนยึดไว้
ลองไม่บำเรอกันดูสิ บ้านแตก เอาแบบธรรมะเข้ม ๆ เลยก็ได้ ไม่สัมผัสร่างกาย ไม่มองตา ไม่คุยด้วย อันนี้ฐานอนาคามีในพระไตรปิฎกนะ เรียกว่าบ้านแทบแตก ไปฟังธรรมะพระพุทธเจ้ามา บรรลุธรรม กลับไปบ้านเปลี่ยนเป็นคนละคน เมียจิตตกหนัก สุดท้ายฝ่ายเมียไปบวชกับพระพุทธเจ้า บรรลุเป็นพระอรหันต์ (อ้าว…)
ที่ยกตัวอย่างมาก่อนหน้านี้มันแบบคนดีในอุดมคติละนะ เอามานำแปะหัวไว้ก่อน ทีนี้มาแบบคนทั่วไปบ้าง ลองไปบำเรอกันดูสิ ไม่งอนก็ทะเลาะ บ้านแตกล่ะทีนี้ มันก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นการอยู่เป็นคู่สุดท้ายมันก็ต้องยอมบำเรออีกฝ่ายอยู่ดี เพราะเขาต้องใช้เราเป็นสิ่งเสพ เป็นอาหาร พอเขาไม่ได้อาหาร เขาหิว เขาก็ร้องโวยวาย จะไปบำเรอเขามันก็เป็นบาป จะไม่ทำอีกมันก็อึดอัดกดดันอีก
นักปฏฺิบัติธรรมที่อยู่ในสภาพคู่ ก็ยังต้องทนเป็นผู้บำเรอต่อไป ยังมีสถานะเป็นทาสรัก เพราะเขาไม่ปล่อย ต้องอยู่ให้เขาเสพกามเสพอัตตาจากตัวเราไป ค่าตัวเรายังไม่สูงพอ ธรรมเรายังไม่เข้มพอ มารก็เลยเอาบ่วงคล้องคอไว้ได้นาน ถ้าปฏิบัติธรรมเข้ม ค่าตัวจะมากตาม เขาต้องจ่ายแพงเพื่อที่จะรั้งเราไว้ ไม่นานเขาหมดกุศลที่เคยทำร่วมกันมันก็หลุด แต่พวกค่าตัวถูก ศีลไม่เข้มก็อยู่ไปแบบดอกเบี้ยผ่อนบ้าน 20-30 ปีนู่น
ดังนั้นคนโสดไม่ต้องน้อยใจไป ว่าเรานี้อยู่เป็นโสดข้ามปี ให้เราทำใจให้ยินดีว่า ชีวิตเราไม่ได้ล่อลวงใคร ไม่ได้เบียดเบียนใคร ไม่ได้ทำให้ใครมาหลงรักเรา ไม่ได้พาใจเราไปหลงรักใคร
การอยู่เป็นโสด คือสถานะของผู้ที่ไม่เบียดเบียนใคร พากเพียรอยู่เป็นโสด คนมีธรรมะเขาก็รู้กันว่าเป็นบัณฑิต เราโสดข้ามปีได้แสดงว่าเรามีของเก่ามาดี มีพอให้ปกป้องเราข้ามพ้นไปอีกปี แม้มันอาจจะไม่ได้เสพสุขตามที่ใจอยาก แต่มันก็ไม่ทุกข์มาก
ลองไปดูคนที่เขาแต่งงานแล้ว ส่วนใหญ่ดูไม่จืด ยังไม่รวมกับที่เขาไม่เปิดเผยนะ เวลาเขาทะเลาะกัน โกรธกันนี่เขาไม่เอามาพูดกันมากหรอก เขาก็เอาแต่ตอนดี ๆ มาโชว์เท่านั้นแหละ
เหมือนกับนิทานที่มันตัดจบตรงที่เจ้าหญิงเจ้าชายแต่งงานกัน เพราะหลังจากนั้นมันจะมีแต่ทุกข์ไง เขาเลยตัดจบตรงนั้น ให้คนฝัน ๆ เอา อย่าไปเชื่อคำลวงโลกมาก ไม่มีหรอกสุขแท้น่ะ มีแต่สุขลวง
สุขลวง คือสุขที่ปั้นขึ้นมาเองว่ามันเป็นสุข เหมือน เอาก้อนหินมาอมแล้วหลงว่ามีรสอร่อย เพราะจินตนาการรสขึ้นเอง เหมือนเด็กที่หลงในของเล่นชิ้นนั้นชิ้นนี้ พอโตมาไปเล่นของเล่นนั้นก็ไม่สุขเหมือนเคยแล้ว เพราะตอนเสพมันปั้นรสขึ้นมา พอเสพไปนาน ๆ มันจะชิน มันจะไม่สุขเหมือนตอนเสพแรก ๆ แล้วความจริงจะปรากฎ
ที่คนเขาไปแต่งงานกัน เพราะเขาหลงว่ามันจะมีรสสุขมากกว่าตอนที่คบกันเป็นแฟน พอความจริงเปิดเผย พอวิบากกรรมที่เคยบังตาจางคลายเท่านั้นแหละ จากที่เคยชี้ไม้เป็นนก ชี้นกเป็นไม้ นกจะกลับมาเป็นนก ไม้จะกลับมาเป็นไม้ แล้วปัญหาคือมันแต่งงานไปแล้ว ออกไม่ง่ายแล้ว เหมือนตอนโสดจะแก้ปัญหา มันก็มีสมการแค่ตัวแปรเดียว 2x+1=9 อะไรแบบนี้ พอมีคู่ไปแล้วสมการมันจะไม่ใช่แค่ตัวแปรเดียว มันจะไม่ใช่แค่ 2 ตัวแปรธรรมดา มันจะติดนั่นติดนี่เต็มไปหมด สารพัดสูตรสมการ ใส่เข้ามาเถอะ จะหารกี่ชั้น จะยกกำลังกี่รอบ จะซับซ้อนแค่ไหนก็ไม่ยากเท่าไขสมการคนคู่
ดีแค่ไหนแล้ว ที่เรายังเป็นโสดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ใครเลิกกันแล้วก็ไม่ต้องหวนคืนสังเวียนเพราะ สภาพคนคู่คือสภาพที่ต้องรบกันอยู่เรื่อยไป มันจะเหนื่อยมาก ถ้าไม่อยากเหนื่อย เป็นคนดูก็แล้วกัน ให้คนที่เขายังมีความอยากมาก ๆ เล่นในสังเวียนนี้ต่อไป เราอย่าไปเล่นกับเขาเลย