Tag: ความรัก

หากจะรัก

December 11, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,786 views 0

หากจะรัก

หากจะรัก

…จะดีไหมหากจะรักใครสักคนที่แสนดีกับเหตุผลดีๆมากมายกว่า 20 ข้อ

ก่อนที่เราจะตัดสินใจอะไรไป ก่อนที่ความสัมพันธ์จะใกล้ชิดมากกว่าเดิม ก่อนที่จะยอมพลีกายถวายชีวิตให้กับใครสักคนที่เราคิดว่าเขาดีแสนดีกับเราเหลือเกิน จะดีไหมหากเราจะลองทบทวนดูกันอีกครั้งในเรื่องราวของความรัก

(!คำเตือน! เนื้อหาในบางตอนของบทความนี้มีเนื้อหาค่อนข้างแรง แต่จำเป็นต้องชี้ให้ชัดถึงปัญหาและปัจจัยที่ซับซ้อนในเรื่องของคนคู่ ผู้อ่านควรทำใจไว้ล่วงหน้าสักหน่อย หรืออาจจะปล่อยให้บทความนี้ผ่านไปก็ได้)

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เป็นสัจจะที่ทุกคนรู้กันดีอยู่ คงจะเป็นเรื่องยากที่จะให้ใครสักคนมองเห็นทุกข์ในความรักในขณะที่เขาหรือเธอกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรัก ดังประโยคที่ว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” หมายถึงทำให้เรามองไม่เห็นความจริง เพราะเราได้ลำเอียงเพราะรักไปแล้ว แม้ว่าจะมีคนบอกว่าทุกข์สุดทุกข์เพียงไรก็ยังยินดีที่จะเข้าไปสัมผัสกับความรักนั้น

เขาก็เป็นคนดีนะ เขาก็ดูแลเราดีนะ คบกันแล้วเจริญไปด้วยกันไม่ได้หรือ คบกันแล้วมีความสุขกว่าโสดไม่ดีกว่าหรือ เรามักมีเหตุผลมากมายในการเริ่มความสัมพันธ์ใดๆก็ตามที่เราหลงรักไปแล้ว แต่จะดีไหมถ้าหากว่าเราได้รับข้อมูลมากขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนสถานะจากโสดไปเป็นมีคู่

ในบทความนี้จะนำข้อคิดเห็นเกี่ยวกับคนที่ยินดีจะครองคู่มาอธิบายและชี้ให้เห็นถึงกิเลสที่อาจจะแอบซ่อนอยู่ในความดี ในความสมบูรณ์แบบ เพื่อเป็นข้อมูลให้พิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจ ซึ่งจะรวบรวมมาทั้งหมด 20 ข้อ

1)…เข้าใจเรายอมรับที่เราเป็น

การเข้าใจและยอมรับเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้คนเปิดใจ หลายๆคนมักจะมีข้อเสียในตัวเองและยอมรับข้อเสียนั้น รอเพียงคนที่จะมาเข้าใจและยอมรับข้อดีข้อเสียต่างๆได้ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขายอมรับได้จริงๆ

เวลาเราอยากได้อะไร แม้จะมีราคาแพง หายากแค่ไหนเราก็ซื้อ ตามไปหาซื้อ พากเพียรเพื่อให้ได้มาจริงไหม แต่ลองเราได้สิ่งนั้นมาชื่นชมนานๆแล้วอาจจะคิดกลับไปได้ว่าทำไมเราต้องลำบากจะเสียเงินมากมายเพื่อมาซื้อของชิ้นนี้ด้วย จริงๆมันก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนา แถมปัญหายังเยอะ ชิ้นอื่นก็มีให้เลือกตั้งเยอะแถมยังดีกว่าถูกกว่า

เรื่องคู่ก็เช่นกันถ้าเราอยากได้คู่ สิ่งที่ต้องให้ไปก็คือการเข้าใจและยอมรับที่เขาเป็น เพื่อที่จะให้ได้เขามาเสพสมใจเรา ใครจะรู้ได้ละว่าความเข้าใจนั้นจะยั่งยืน แล้วจะยอมรับตัวตนของเขาได้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ หากเราเสพเขาจนเบื่อหรือเขาเริ่มจะมีปัญหามากขึ้น งอแง เอาแต่ใจ โมโหร้าย เราจะยังเข้าใจและยอมรับไหวอยู่หรือในเมื่อเราได้เสพทุกอย่างสมใจทุกอย่าง สุขมันเกิดไปแล้วได้ไปแล้ว ยังจะอยากทนทุกข์อยู่อีกหรือ

ถ้าพูดกันตรงๆเลยก็คือการที่เขาชอบในส่วนที่ดีและยอมรับในข้อเสียของเราได้นั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้

2)…สนับสนุนเส้นทางฝัน มีอนาคตร่วมกัน

หลายคนอาจจะคิดว่าการครองคู่สู่ฝัน สู่อนาคตอันมั่งคั่งร่วมกันนั้นเป็นเรื่องที่น่าจะนำความสุขมาให้เมื่อมีคนร่วมฝัน ร่วมทางเดิน เราอาจจะแบ่งปันความฝัน ความคาดหวังร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะอยู่จนถึงฝั่งฝันด้วยกันเสมอไป

ขึ้นชื่อว่าฝัน นั้นก็เป็นเรื่องที่ยังไม่เป็นจริง และกว่าจะเป็นจริงได้นั้นต้องพิสูจน์กำลังใจของคนอย่างมากมาย ดังประโยคที่ว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ในระยะแรกนั้นการขายฝันอาจจะไปเร่งให้อีกฝ่ายมีกิเลสร่วมกัน ใช้ความอยากเป็นตัวผลักดัน แต่พอเริ่มไปได้ระยะหนึ่งอาจจะพบว่ามันเริ่มยากเริ่มลำบาก และแต่ละคนก็มีกิเลสไม่เท่ากัน บางคนอาจจะท้อไปก่อน หรือเห็นต่างกันไปในเส้นทางเดินตามฝัน

แม้ว่าเป้าหมายจะเป็นความมั่งคั่ง ชีวิตที่ผาสุก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนยินดีจะเดินไปในเส้นทางเดียวกันเสมอไป บางคนชอบทางสั้นแม้จะเสี่ยง บางคนชอบทางยาวแต่ปลอดภัย ตรงนี้นี่เองที่จะทำให้ฝันล่มรักสลายกันไปได้

3)…แสนดีเอาอกเอาใจ

การเจอใครสักคนที่แสนดีเอาอกเอาใจนั้น ยากนักที่จะทำใจไม่ให้หลงไปได้ เพราะคนส่วนมากก็ต้องการให้คนอื่นเห็นคุณค่า ให้การดูแลเอาใจใส่ เอาอกเอาใจ หรือที่เรียกกันแบบตรงๆว่าปรนเปรอกิเลส

เมื่อเราต้องการใครสักคนเข้ามาร่วมชีวิต วิธีที่เราทำส่วนใหญ่คือปรนเปรอกิเลสของฝ่ายตรงข้าม ชมบ่อยๆ พาไปกินอาหารดีๆ เป็นที่ปรึกษา ให้คุณค่า แม้แต่การสนองต่อความต้องการทางเพศก็กลายเป็นเรื่องปกติที่หลายคนใช้มัดใจคู่ของตน เขาชอบอบายมุขก็ส่งเสริมด้วยอบายมุข เขาชอบกามก็ส่งเสริมด้วย อาหารอร่อย แต่งตัวสวยงาม ใส่น้ำหอม จับมือถือแขนจนไปถึงยอมสมสู่ ถ้าเขาชอบโลกธรรมก็ชมเขา ยอมเขา ให้ความมั่งคั่งแก่เขา บำเรอเขาด้วยโลกีย์สุข ถ้าเขาเป็นคนมีอุดมการณ์ก็เติมเต็มอีโก้ของเขา สนับสนุนในสิ่งที่เขาคิด

เพียงแค่เราสามารถสนองกิเลสเขาได้ในทุกมิติ เราก็จะได้ชื่อว่าคนที่แสนดีเอาอกเอาใจแล้ว เพราะตอบโจทย์ทุกอย่างตามที่กิเลสต้องการ คนที่เข้ามาในชีวิตเราก็เช่นกัน เขาก็เพียงแค่สนองกิเลสเราจนเรายอมให้เขาบำรุงบำเรอเพราะสุขจากการได้เสพ

แล้วการส่งเสริมกันด้วยกิเลสมันดีไหม การบำรุงบำเรอกันด้วยกิเลสมันดีไหม ก็ลองคิดดู

4)…ผ่านสุขผ่านทุกข์มาด้วยกัน

หลายคนอาจจะยอมแพ้กับใจที่อดทนบากบั่นมาด้วยกัน ยอมอยู่ในวันที่เราลำบาก ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็ยังอยู่ข้างๆ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่านั่นคือนิสัยจริงเขาของ ไม่ใช่เขาทำเพื่ออยากเสพเราหรอกหรือ

ความอดทนเพื่อที่จะได้มาซึ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจอะไรยากนัก เมื่อคนเราหลงไปในสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็พร้อมจะยอมอดทน บากบั่น รอคอยเพื่อให้ได้มาเสพ แม้ว่าวันนี้จะดูเหมือนเขาพร้อมจะอยู่กับเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าเขาจะอยู่กับเรา เราใช้อดีตมาเพื่อทำนายอนาคตได้ แต่มันจะไม่ถูกเพราะสุดท้ายวิบากกรรมจะพาให้ต้องพรากจากทุกสิ่งทั้งความเชื่อที่เคยมี ทั้งความมั่นใจที่เคยได้รับ คู่แต่งงานที่ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกันแม้จะคบหากันมาก่อนแต่งงานหลายปี แต่สุดท้ายหลังแต่งงานก็มีเหตุให้เลิกราให้เห็นกันอยู่ทั่วไปจนเป็นเรื่องธรรมดา

5)…อบอุ่นและเป็นที่ปรึกษาที่ดี

วิธีมัดใจคนอย่างง่ายๆคือทำตัวให้ดูอบอุ่นรอคอย เหมือนเสือที่นอนหมอบรอเหยื่อเผลอ นักล่าที่เก่งกาจจะไม่รีบและเสียพลังงานในการล่าไปเปล่าๆ เขาเพียงแค่วางตำแหน่งไว้ในจุดที่เหมาะสม รอเหยื่อเกิดความทุกข์ เข้ามาปรึกษา ทำตัวเป็นคนอบอุ่น เป็นที่ปรึกษาที่ดี ใช้ช่วงที่คนกำลังจิตใจอ่อนแอและต้องการความรักจากใครสักคนเข้างับเหยื่อ

คนที่จริงใจอย่างแท้จริงจะไม่ฉวยโอกาสยามที่คนอื่นจิตใจอ่อนแอต้องการที่พึ่ง เราจะเห็นได้จากผล ถ้าปรึกษาแล้วหายไปก็คือจบ แต่ถ้าปรึกษาแล้วกลายเป็นคู่กันต้องระวังให้ดี

6)…ซื่อสัตย์ซื่อตรง

ความซื่อสัตย์ เสมอต้นเสมอปลายนั้นเป็นคุณสมบัติที่หลายคนให้น้ำหนัก เพราะถ้าไปคบกับคนเจ้าชู้คงจะปวดหัวอยู่ไม่น้อย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความซื่อสัตย์นั้นมาจากหัวใจที่ปราศจากกิเลส

คนที่อยู่ตรงหน้าอาจจะเหมือนลูกเสือที่ยังไม่โตก็ได้ เวลาเรามองสัตว์เด็กมันก็น่ารัก ขี้อ้อนดี แต่พอมันโตชักจะไม่น่ารักเท่าไร อาจจะพร้อมขย้ำเราได้ทุกเมื่อหากว่ามันโกรธหรือหิว ความซื่อสัตย์ที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันก็เป็นเพียงปัจจุบันแต่ไม่สามารถยืนยันอนาคตได้ ดังเช่นคู่แต่งงานหลายคู่ ต่อหน้าสาธารณชนก็ประกาศว่าจะรักและซื่อสัตย์แล้วผลเป็นอย่างไรล่ะ

7)…ดูมั่นคง ภูมิฐานรับผิดชอบพึ่งพาได้

ตรงนี้เราต้องแบ่งให้ชัดว่าเราชอบเขาหรือชอบเงินหรือฐานะของเขา หลายคนยอมทิ้งความรักเปลี่ยนไปคบหากับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และสร้างความรักใหม่ โดยใช้ข้ออ้างว่าความมั่นคงในชีวิต ดังประโยคที่ว่า “รักมันกินไม่ได้” ตรงนี้อาจจะหลงประเด็นไปเพราะเรื่องรักกับเรื่องโลภเป็นคนละเรื่องกัน อยากสบาย อยากรวย ไม่อยากทำงานก็เรื่องหนึ่ง ความรักความผูกพันก็เรื่องหนึ่ง แต่ก็อย่างว่าพลังกิเลสด้านไหนมีสูงกว่าคนก็เลือกด้านนั้นแหละ

ไม่แปลกที่เหล่าคนรวยจะสามารถเปลี่ยนคู่ครองได้มากหน้าหลายตา เหมือนหยิบดอกไม้มาดอมดม ลองชิมสักหน่อย สุดท้ายก็ขว้างทิ้งไป แล้วหาดอกใหม่มาดม คนมีทรัพย์มากมีชื่อเสียงมากก็เหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้ มีมากมายให้เลือกสรรสร้างเวรสร้างกรรมมากมายตราบเท่าที่เงินยังพอมีให้ผลักดันกิเลส

8)…งามน่าหลงใหลและยากจะปล่อยมือ

เรื่องปกติสามัญของคนทั่วไปเลยก็คือชอบคนสวยคนหล่อ แม้จะนิสัยไม่ดี มีปัญหาอย่างไร แต่ถ้าได้เสพความสวยงามเหล่านั้นก็ยอมได้ หลงไปในกามทั้งหลายจนหน้ามืดตามัว เห็นกงจักรเป็นดอกบัวมาก็มากแล้วสำหรับความสวยงามนี่ เพราะใจมันจะไม่สนเหตุผล ไม่สนดีชั่ว มันจะเสพกามอย่างเดียว อยากได้คนสวย คนงาม คนหล่อ เหตุผลอื่นๆไว้สร้างทีหลัง

9)…อยู่กับเราแม้ในวันที่เราไม่สวยงาม

บางคนสามารถเอาชนะใจคู่ของตนได้โดยการยอมบ้างในบางที แต่เพราะยังติดใจในรสชาติหลายๆอย่าง แม้เขาหรือเธอจะไม่ได้งดงามเหมือนในวันแรกหรือวันทั่วๆไปที่ได้เจอ แต่ก็ยอมเสพสมใจกันอยู่เพราะแม้ว่าจะไม่สวยไม่งาม แต่ก็สามารถสนองกิเลสได้ สนองตัณหาได้อีกมากมาย เป็นนักลงทุนที่มองว่าได้กำไรน้อยยังดีกว่าไม่ได้เลย ขอเสพน้อยดีกว่าไม่ได้เสพเลย

10)…เย้ายวนรัญจวนใจ

ประเด็นเรื่องการสมสู่หรือเรื่อง sex นี้เองเป็นประเด็นหลักในการมีคู่ แม้เราจะมีคำพูดสวยหรูเพียงใดสุดท้ายก็จบที่เรื่องสมสู่อยู่ดี โดยเนื้อแท้แล้วความรักกับการสมสู่เป็นคนละเรื่องกัน แต่คนชอบเอามาปนกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ความรักนั้นคือความอยากที่จะให้ เช่น ความรักของพ่อแม่ แต่ความหลงไปทำให้เข้าใจว่ารักกันแล้วต้องสมสู่กัน

หากคิดว่าตนเองไม่ได้ติดเรื่องการสมสู่ก็ลองถือศีลละเว้นการสมสู่ดู จะเห็นกิเลสดิ้นพล่านอยากเสพจนหาเหตุผลต่างๆนาๆมาเพื่อได้เสพ บางคนสามารถอดทนรอจนวันแต่งงานได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่หลงในการสมสู่ มันแค่กดไว้ ข่มไว้เท่านั้น พอได้ปล่อยเสือออกจากกรงเมื่อไหร่มันก็ออกมาขย้ำคนเมื่อนั้นเอง

11)…ไม่เจ้าชู้ ไม่นอกใจ ไม่เกเร

คนเราพอติดและหลงมัวเมาในเรื่องสมสู่มากๆก็จะเริ่มเจ้าชู้ เพื่อหารสชาติใหม่ๆมาเสพให้สมใจ คนที่ไม่เจ้าชู้ไม่นอกใจ ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่เจ้าชู้ เขาอาจจะเพียงแค่รอเสพอาหารจานหลักให้อิ่มก่อนแล้วถ้าเบื่อๆค่อยไปหาขนมกินที่อื่นก็ได้

ความไม่เจ้าชู้นั้นก็มีอยู่ในสัตว์เช่นกัน ดังเช่นนกเงือก เป็นสัตว์เดรัจฉานที่คนให้ความหมายว่ารักเดียวใจเดียว เห็นไหมว่าแค่รักเดียวใจเดียวสัตว์มันก็ทำได้ เราเป็นมนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐแค่รักเดียวใจเดียวมันก็พอๆกับสัตว์นั่นแหละ แต่เพราะเราสามารถรักได้มากกว่าจึงมีศีลที่งดเว้นการสมสู่ ซึ่งจะเหนือกว่าศีลที่ไม่นอกใจ เมื่อไม่อยากสมสู่แล้วมันจะไปนอกใจได้ที่ไหน เพราะประเด็นเรื่องการเจ้าชู้ นอกใจนี่มันก็มาจากเรื่องติดกาม ติดการสมสู่นี่แหละ

12)…คือคนที่ใช่ มั่นใจตั้งแต่แรกเห็น

บางทีกรรมอาจจะชักนำบางคนเข้ามาหาเรา แต่บางทีก็เป็นกิเลสเราเอง เช่นเราชอบคนหน้าตาแบบนี้ พอไปเจอคนแบบนี้เราก็หลงรักแล้วหมายมั่นว่าเขาใช่ ทั้งๆที่เป็นกิเลส เป็นการหลงไปในมโนมยอัตตาหรือตามที่จิตตนปั้นขึ้นมาเอง คือปั้นสเปคไว้ประมาณนี้ พอเจอคนประมาณนี้ก็ “ใช่เลย” เป็นความหลงแบบแท้ๆไม่มีอะไรเจอปน อยากรู้ว่าเป็นคนที่ใช่จริงไหมก็ลองห่างลองหนีดู ถ้ามันใช่จริงจะหนีไม่ค่อยพ้น

13)…ดูดวงมาเขาทักว่าใช่เลย

ใครพบรักด้วยมุมนี้หรือปักใจว่าเขาหรือเธอคือคนที่ใช่ด้วยมุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทายทักจากใครหรือประเภทการทำนายแบบใด ขอให้เข้าใจไว้ว่าการทำนายดวง ดูดวง ดูโหงวเฮ้ง เป็นเดรัจฉานวิชา ชาวพุทธไม่ควรกระทำเพราะจะทำให้ไม่เชื่อในเรื่องกรรมและผลของกรรม

ผลมันก็ออกมาได้ทุกหน้าตั้งแต่ดียันไม่ดี ทั้งนี้เป็นผลจากการกระทำ ไม่ใช่เพราะใครทำนายทายทัก เราอยากได้คู่ที่ดีเราต้องหาเอง คัดเอง เลือกเอง ทดสอบเอง อย่าเพิ่งไปหลงปักใจเชื่อเพียงเพราะคนมีชื่อเสียงเขาทำนายมา

14)…เข้ากันได้เติมเต็มในกันและกัน

มุมนี้จะเห็นคนที่ขาดพร่องแต่ก็พยายามหาคนมาเติมเต็มในชีวิต เช่นคนพูดมากอยากได้คนพูดน้อย คนขี้เกียจอยากได้คนขยัน ซึ่งในมุมการเติมนี้จริงๆมันก็มาจากการเติมเต็มกิเลส เติมให้สมกิเลส เราพูดมากเราก็อยากได้คนฟังเราไม่อยากให้ใครพูดแข่ง เราขี้เกียจเราก็อยากได้คนขยันจะได้มาช่วยงานเรา เข้ากันได้เติมเต็มกันได้จึงเป็นคำพูดสวยๆที่กิเลสเอาไว้หลอกให้คนหลงเสพหลงยึดเรื่อยไป

15)…เป็นคนดีจนต้องยอมรับในความดี

แม้ว่าเราจะเจอคนดีแสนดีที่เหมือนพ่อพระแม่พระ ใครต่อใครต่างก็ยืนยันในความดีของเขา จนเชื่อมั่นและมั่นใจได้ว่าดีจริงๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ความดีที่ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ในการครองคู่นั้นก็ยังสร้างทุกข์ โทษ ภัย ผลเสียให้กับชีวิตอยู่ไม่มากก็น้อย

เราต่างมีกรรมเป็นของตน ดังนั้นการที่เราเข้ามาร่วมชีวิตกันก็อาจจะต้องมีส่วนรับวิบากจากการครองคู่ด้วย เช่น เขาเป็นคนดีมาก แต่หลังจากแต่งงานไม่นานก็ประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาต ด้วยความที่เขาเป็นคนดีมากเราจึงทิ้งเขาไม่ได้ ต้องแบกภาระตรงนี้ไปด้วย แม้การช่วยเหลือเกื้อกูลจะเป็นบุญกุศลใหม่ แต่ก็ยังเรียกได้ว่าต้องทำไปพร้อมกับทุกข์อยู่ดี เพราะความสมบูรณ์แบบก็ไม่ได้เสพ การดูแลเอาใจใส่ก็ไม่ได้เสพ แถมยังต้องเหนื่อยมากขึ้นอีก

แม้คนดีที่คิดจะยังครองคู่อยู่ นั้นก็ยังเป็นคนดีที่ยังไม่ดีแท้อยู่นั่นเอง เพราะยังไม่เข้าใจในทุกข์โทษภัยของกิเลสและบ่วงกรรมที่จะเกิดขึ้น

16)…รักเรามากกว่ารักตัวเอง

สิ่งที่ทำให้เราประทับใจในคู่รักอย่างหนึ่งก็คือการเสียสละ การแสดงออกที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขารักเรามากกว่าตัวเอง เป็นการกระทำที่พาให้หลงเคลิ้มไปได้ง่าย แต่ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไปลองตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเขาทำแบบนี้กับคนที่เขารักทุกคนหรือไม่ เขาปฏิบัติกับพ่อแม่ญาติพี่น้องดีเท่ากับปฏิบัติต่อเรารึไม่ เขาลำเอียงให้เวลาเรามากกว่าครอบครัวหรือไม่

ถ้าเขาไม่ได้ดูแลครอบครัวที่รักและเลี้ยงดูเขามาทั้งชีวิต แต่กลับมาทุ่มเทให้กับเรา พึงรู้ไว้เลยว่านี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งของกิเลสที่พาให้หลงไป เขาก็หลงเรา เราก็หลงเขา เพราะเขาหลงเขาจึงแสดงออกว่ารักเราได้มากกว่าตัวเอง แต่ถ้าไม่หลงแล้วคนที่มีพระคุณอย่างพ่อแม่นั้นเขาก็ควรจะให้ความสำคัญเหมือนเราหรือมากกว่าเรา

คนที่ดูแลครอบครัวไม่ดีแต่มาดูแลเราดีนั้นแสดงให้เห็นถึงบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป เราเองเป็นแค่คนใหม่ที่เข้ามาในชีวิตของเขา แล้วทำไมเขาจึงทุ่มเทขนาดนี้ หรือเขากำลังหวังจะเสพอะไรจากเรา

17)…เป็นคนรักครอบครัวที่บ้านยอมรับ

ทักษะการเข้าสังคมเป็นเรื่องสำคัญในการมัดใจคู่ครอง เพราะถ้าไม่สามารถมัดใจไปถึงครอบครัวได้ก็ยากที่จะได้เสพสมสู่กันอย่างถูกกฎหมาย ถูกจารีตประเพณี ดังนั้นการที่คนใดคนหนึ่งจะมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เข้ากับคนอื่นได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะจริงใจ ใครเล่าจะรู้กิเลสเบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากที่มีแต่รอยยิ้ม

แรกๆที่แต่งงานไปอาจจะมีความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่ดี แต่พอได้เสพสมใจ ได้สมสู่ ได้สถานะสามีภรรยาแล้วก็ไม่ต้องสนใจใครอีก หน้ากากคนดีอาจจะหลุดออกตอนนั้นก็เป็นได้ใครจะรู้

18)…สร้างครอบครัวที่มีแต่ความสุข

เป็นเหมือนกับความฝันที่โดนโลกหลอกมาเสมอด้วยคำว่าความสมบูรณ์ในชีวิตต้องมีครอบครัว ตอนจบในหนังพระเอกก็รักกับนางเอกทั้งนั้น เป็นความหลงผิดที่แสนจะน่าสงสาร เพราะโดยสัจจะที่ว่า “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์” มันจะต้องเกิดทุกข์แน่ๆอยู่แล้ว

ทีนี้ด้วยความลำเอียงของเรา ลำเอียงเพราะรัก เราจึงยินดีที่จะรัก ยอมรับทุกข์และสุขเหล่านั้น แต่ใครจะรู้กันบ้างว่าที่จริงมันสุขน้อยทุกข์มาก รสสุขที่เคยเสพตอนต้นนานวันไปมันก็จะเบื่อจะคลาย แม้การสมสู่ที่เคยหลงใหลได้ปลื้มก็จะเป็นเพียงแค่กายบริหารที่ทำก็ได้แต่ไม่ทำจะดีกว่าเพราะมันน่าเบื่อ นำมาสู่ปัญหาคบชู้ มีเมียน้อย มีกิ๊กอะไรกันมากมาย เพราะรสสุขมันไม่เหมือนวันแรก

ถ้าอยากลองทดสอบก็ลองกินอาหารที่ตัวเองชอบมากๆ จะอมไว้ในปากหรือกินทุกวันก็จะเริ่มเห็นแล้วว่ามันไม่ได้สุขเหมือนคำแรก แม้จะชอบมากเท่าไหร่กินบ่อยๆมันก็เบื่อเหมือนกัน

จริงๆแล้วโดยส่วนใหญ่ทุกคนก็มีครอบครัวกันอยู่แล้ว มีพ่อ มีแม่ มีญาติพี่น้อง มีเราเป็นลูก มันก็ครบอยู่แล้ว จะไปหาเพิ่มทำไม่ให้มันลำบาก แต่คนมีกิเลสจะมองว่าตัวเองขาดตัวเองพร่องก็เลยต้องหามาเติมอยู่เรื่อยไป

19)…อยากมีลูก นี่คือพ่อของลูก แม่ของลูก

ความฝันหนึ่งของการมีคู่คืออยากมีลูก มีหลายคนที่อยากมีลูกแม้ว่าจะไม่มีคู่ครองก็ตาม ทั้งหมดนั้นเกิดจากเราไปเห็นภาพที่สวยงาม ภาพที่น่ารักของเด็กทารก ถ้าลองได้เลี้ยงหรืออุ้มชูใครสักคนจนเขาเติบโตกระทั่งสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองจะพบว่าเหนื่อยแสนเหนื่อย

เหมือนกับตอนที่เราเห็นสัตว์เด็ก ลูกหมา ลูกแมว เราก็เห็นว่ามันน่ารัก แต่พอเริ่มโตมามันชักจะไม่น่ารัก กินจุ สร้างปัญหา พาปวดหัว มีหลายคนที่พาสัตว์เลี้ยงไปปล่อย แต่การมีลูกนั้นปล่อยไม่ได้ ทิ้งไม่ได้ เมื่อสร้างภาระนี้แล้วก็ต้องหอบภาระนี้ไป 20 – 30 – 40 ปี หรือจนกว่าเขาจะตายจากไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาแล้วมีศักยภาพในการดูแลตัวเองหรือพ่อแม่ บางคนเกิดมาพิกลพิการ พ่อแม่ก็ต้องดูแลไปจนตาย

ส่วนคนที่หวังว่าลูกจะกลับมาดูแลตัวเองตอนแก่นั้นอาจจะเป็นการคิดฝันที่ไกลไปสักหน่อย เขาอาจจะไม่อยู่จนถึงวันนั้นก็ได้ และถึงเขาจะอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาสนใจเราก็ได้

20)…เราจะรักกันตลอดไปจนวันสุดท้าย

สรรพสิ่งใดๆในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง ตัวเราก็ไม่เที่ยง ตัวเขาก็ไม่เที่ยง กิเลสก็ไม่เที่ยง กรรมก็ไม่เที่ยง แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ความรักนั้นจะเที่ยง จะมั่นคง จะดำรงอยู่กันจนวันสุดท้าย ข้อความนี้เป็นประโยคขายฝันที่ทำให้หลงมากที่สุด เป็นคำยืนยันสัญญาที่ทุกคู่แต่งงานนิยมใช้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะสามารถดำรงสภาพของความรักให้ถึงวันสุดท้ายได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะคิดเอา ฝันเอา แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วกิเลสมากมายได้ตั้งด่านรอเราอยู่ ซึ่งเราเองก็อาจจะพลาดพลั้งเผลอไปตอนไหนก็ได้เช่นกัน

….อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ขอให้เราพิจารณากันให้ดีๆ ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป เพราะหากเราตัดสินใจไปแล้วใช่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงเอาง่ายๆ เราต้องรับกรรมที่เราตัดสินใจไว้ด้วยเช่นกัน

– – – – – – – – – – – – – – –

8.12.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

รักแท้แพ้ระยะทาง

December 2, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 5,796 views 0

รักแท้แพ้ระยะทาง

รักแท้แพ้ระยะทาง

…จริงหรือไม่ที่เขาว่าระยะทางมีผลต่อความรัก

สำหรับคู่รักที่ต้องห่างไกลกันบ้าง ห่างไกลกันมาก ห่างไกลกันเหลือเกินไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายก็อาจจะมีความกังวลว่าความรักที่เคยมีนั้นจะห่างหายไปตามระยะทาง…

…รักแท้

คำว่ารักแท้นั้นหมายถึงรักที่ไม่แปรเปลี่ยน มั่นคง การที่รักแท้จะมาแพ้ระยะทางนั้นหมายถึงรักนั้นไม่แท้ การจะพูดคำว่า”รักแท้”นั้นง่ายดายกว่าการพิสูจน์ให้เห็นรักแท้มากนัก

…ระยะทาง

ระยะทางในบทความนี้หมายถึงความห่างไกลทั้งทางกาย ทางวาจา และใจ เช่น ตัวก็อยู่ห่างกัน การสื่อสารก็ไม่สะดวกเหมือนกับตอนอยู่ใกล้กัน ใจก็ไม่ค่อยใกล้กันเพราะมีกิจกรรมการงานมากมายที่ต้องทำ

…รักแท้ไม่แพ้ระยะทาง

ขึ้นชื่อว่ารักแท้นั้นไม่มีทางมาแพ้เพียงความห่างไกลทางกายวาจาใจนี้ได้เลย เพราะความแท้ไม่ว่าอย่างไรมันก็แท้ ที่มันแพ้เพราะมันไม่แท้แล้วเอาของปลอมมาหลอกขาย คนก็หลงเชื่อกันไปว่าเป็นรักแท้ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้จักรักแท้เลยไม่รู้ว่าหน้าตาของรักแท้เป็นอย่างไร พอได้ยินคำสัญญาที่ดูเหมือนจะมั่นคงและจริงจังก็มักจะหลงใหลไปได้

รักที่แท้นั้นเป็นการอยู่เพื่อให้ มีกันและกันเพื่อที่จะให้ความสุข ความสบายใจแก่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทน เมื่อไม่ได้หวังอะไร ระยะทางแม้จะห่างไกลแสนไกล ต้องห่างกันนานแค่ไหนก็ไม่มีผลใดๆกับรักแท้เลย ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพคร่าวๆคงจะเหมือนกับลูกที่ห่างพ่อแม่ไปหลายปีแต่กลับมาก็ยังรู้สึกดีต่อกันรักกันเหมือนเดิม เหมือนกับเพื่อนที่ห่างหายกันไปร่วมสิบปีแต่ก็กลับมาคุยกันยิ้มและยินดีต่อกันได้

…รักไม่แท้แพ้ทุกอย่าง

รักที่ไม่แท้นั้นไม่ได้แพ้แค่ระยะทาง แต่จะแพ้ไปเสียทุกอย่าง เพราะถ้ามันไม่แท้แล้วมันก็ย่อมเสื่อมและเปลี่ยนแปลงไปในสักวันหนึ่ง

เหตุที่แพ้ทุกอย่างนั้นก็เพราะกิเลส คู่รักที่ห่างไกลกันนั้นยามใกล้กันก็สามารถสนองกิเลสปรนเปรอกันได้ แต่เมื่อยามห่างไกลกิเลสยังอยู่แต่คู่ไม่อยู่ ด้วยความอดกลั้นที่มีจำกัดและแรงของกิเลสที่ไม่มีวันจำกัดจึงส่งผลให้วันใดวันหนึ่งที่กิเลสร้อนแรงพุ่งทะลุปรอท ออกนอกใจที่เคยให้สัญญากับคู่ไว้ ไปหาสิ่งของ ผู้คน หรือเหตุการณ์ต่างๆมาบำรุงบำเรอกิเลสตนเอง

กรณีที่เห็นได้มากจนเหมือนเป็นเรื่องปกติคือการคบชู้ การมีกิ๊ก หรือการมีเมียน้อยผัวน้อย จะเรียกอะไรก็ตามแต่สำหรับคนที่มีรักไม่แท้นั้น หากห่างไกลคนรักนานๆแล้วก็มักจะหดหู่ห่อเหี่ยวสุดท้ายจึงต้องไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตนมาบำเรอกิเลส เรื่องกามสมสู่เป็นเรื่องที่ผู้คนมักอดใจไม่ไหว ยอมทำลายศักดิ์ศรี ยอมทำลายคำมั่นสัญญา ยอมทำลายความเป็นมนุษย์เพื่อที่จะไปเสพให้สมกิเลส เพราะทนกับทุกข์ของความอยากเหล่านั้นไม่ได้

เรื่องกิเลสเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆที่หลายคนคุ้นเคย แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ ลองพรากจากสิ่งที่ตัวเองติดดูสักครั้งก็จะรู้ซึ้ง ยกตัวอย่างเช่น ติดกาแฟร้านประจำที่ปกติกินทุกเช้าร้านอื่นไม่เคยเข้า เข้าแต่ร้านนี้ แต่พอต้องไปทำงานต่างจังหวัดหลายวันก็นอกใจกาแฟร้านเดิมไปซื้อกาแฟร้านท้องถิ่น เพราะอดใจห้ามใจไม่กินกาแฟไม่ไหว

เรื่องคู่ก็เหมือนกัน หลายคนไม่ได้มีคู่เพราะความรักที่แท้ แต่มีคู่เพราะความใคร่ อยากมีเพราะอยากสมสู่โดยใช้ความรักมาเป็นข้ออ้าง เมื่ออยู่ด้วยกันได้เสพสมใจกันก็ยังไม่มีอาการอะไร แต่พอต้องห่างกันไปกลับมีอาการใคร่อยากกระหายกามจนต้องนอกใจไปคบชู้ ไปสมสู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่รักที่ตนสัญญากันไว้ว่าจะไม่ทำร้ายใจกัน

เมื่อเปรียบเทียบกับที่ยกตัวอย่างเรื่องกาแฟ เราก็ไม่ได้ปักมั่นว่าต้องกินร้านเดิมหรือร้านใหม่ แม้เราจะชอบร้านเดิมแต่ถ้ามันหาไม่ได้ก็กินร้านใหม่ เพราะจริงๆเราติดกาแฟมากกว่าติดร้านกาแฟถึงแม้จะรักชอบพอถูกใจกับร้านนั้นก็ตามทีเหมือนกันกับคู่รักที่นอกใจกัน เขาเองก็ไม่ได้ติดว่าต้องมีคู่ แต่ที่เขาติดจริงๆคือเรื่องการสมสู่ คือการมีคนมาปรนเปรอบำบัดความใคร่อยาก ไม่ว่าจะเป็นการเอาใจ ดูแลเอาใจใส่ ให้ความสำคัญ

ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเกิดจากความรักที่ไม่แท้ รักที่ไม่ได้ให้ รักที่คิดแต่จะเอา พอไม่ได้อย่างที่ใจต้องการก็ไปหากินเอากับคนอื่นที่สามารถปรนเปรอกิเลสตนเองได้ นี้คือบทสรุปของรักไม่แท้แพ้ระยะทาง

– – – – – – – – – – – – – – –

1.12.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

เนื้อคู่…อยากรู้ว่าใคร

December 1, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 4,332 views 0

เนื้อคู่...อยากรู้ว่าใคร

เนื้อคู่…อยากรู้ว่าใคร

ถ้าพูดกันถึงเรื่องความรักก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเนื้อคู่ โดยเฉพาะคนโสดที่ยังเฝ้าฝัน เฝ้าใฝ่หาใครสักคนมาครองคู่ซึ่งเรามักจะเรียกคนนั้นว่า “เนื้อคู่” เรามักจะเข้าใจคำว่าเนื้อคู่ไปในเชิงอุดมคติ ฟังดูโรแมนติก เหมือนเรื่องในนิยาย พาให้ฝันหวาน พาให้เคลิ้มไป ทั้งๆที่เนื้อคู่นั่นแหละคือ “ตัวเวรตัวกรรม” ของจริงเลย

ในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามในประเด็นต่างๆเกี่ยวกับเรื่องของเนื้อคู่ในบทของคู่รัก โดยรวบรวมมาทั้งหมด 13 หัวข้อ ซึ่งจะค่อยๆตอบคำถามคลายความสงสัยเกี่ยวกับเนื้อคู่ไปตามลำดับ

1).เนื้อคู่อยากรู้ไปทำไม?

คงจะสงสัยว่ามันมีจริงไหม ที่เขาว่ากันว่าคนเรามีเนื้อคู่ คนที่มีครอบครัวหรือมีคนรักแล้วส่วนใหญ่ก็คงจะไม่สงสัยเพราะได้เจออยู่ตรงหน้าแต่ส่วนจะคิดว่าใช่หรือไม่ใช่ก็อีกเรื่อง คนที่อยากรู้เรื่องเนื้อคู่โดยมากจะเป็นคนโสดหรือคนอกหักที่ผิดหวังกับความรักมา

จริงๆแล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะรู้เรื่องเนื้อคู่ไปทำไม เพราะถึงรู้ไปแต่ไม่เจอมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี หรือถึงจะเข้ามาในชีวิตแต่เราไม่ยินดีหรือไม่ประทับใจมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี เนื้อคู่จึงกลายเป็นวิมานบนฟ้าที่จับต้องไม่ได้เป็นเหมือนภาพสวยๆเอาไว้ปลอบใจคนให้เฝ้าฝันว่าสิ่งที่ค้นหานั้นมีอยู่จริงสักวันคงจะเจอ

ก่อนจะอ่านต่อไปก็ให้ถามตัวเองอีกครั้งว่าเราอยากจะรู้เรื่องนี้ไปทำไม รู้แล้วมันมีประโยชน์อะไร รู้ไปแล้วมันมีความสุขขึ้นไหม หรือยิ่งรู้ยิ่งทุกข์

2).เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร?

การที่เราจะไปอยากรู้ว่าเป็นใคร คนไหน ทำอะไร มาเมื่อไร เรามักจะใช้ช่องทางที่ผิด คือไปดูดวง ไปดูหมอ ไปฟังการทำนายต่างๆ ซึ่งส่วนมากก็จะไม่ตรงและเป็นโทษ

เพราะทำให้เราหลงสะกดจิตตัวเองเข้าไปในภพหรือในความคาดหวังตามลักษณะที่เขาระบุเข้าให้แล้ว เมื่อเจอคนที่ตรงตามลักษณะก็อาจจะทำให้หลงไปเองทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยแต่กิเลสนั้นพาให้เราเข้าไปเกี่ยวเอง

การจะรู้ได้ว่าเนื้อคู่เป็นใครนั้นจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อพบแล้ว เจอแล้ว หลงแล้ว รักแล้ว ทุกข์แล้ว คือพอเจอแล้วสุขแล้วทุกข์ หนีเท่าไรก็หนีไม่ได้ กว่าจะหลุดออกมาได้ก็เล่นเอาหลงแทบตายหรือไม่ก็ไปตาสว่างตอนแต่งงานแล้ว คนที่อยู่กับเราใกล้ชิดกับเราแล้วทำให้เกิดทุกข์สุขนั่นแหละเนื้อคู่ เป็นคู่เวรคู่กรรม เป็นตัวเวรตัวกรรมที่เกิดมาสร้างบุญสร้างบาปร่วมกับเรา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางสร้างบาป

3).เนื้อคู่จะพบเจอได้อย่างไร?

การพบเนื้อคู่นั้นไม่ใช่เรื่องยากขนาดที่ต้องเดินทางไปขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนให้มันลำบาก ถ้าไม่มีกรรมร่วมกันขอให้ตายก็ไม่มีวันเจอ จะบินไปอ้อนวอนบนบานเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลกก็ไม่มีทางได้พบ เพราะเนื้อคู่เป็นเรื่องของบุญและกรรม

ผู้คนมักเฝ้ารอคอยว่าเนื้อคู่จะเป็นใคร มาถึงเมื่อไหร่ เขาจะเป็นอย่างไร เฝ้าตามหา เฝ้ามองหาซึ่งจริงๆแล้วเรื่องเนื้อคู่มันง่ายกว่านั้น ง่ายจนไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ พอถึงเวลาเขาก็มาเคาะประตูหน้าบ้านเอง หรือไม่ก็จะมีอะไรบางอย่างดลให้ได้พบเจอ ได้ผูกพัน ได้ใกล้ชิด ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขโดยไม่จำเป็นต้องไปวอนขอกับใครที่ไหน

การวอนขอหรือตั้งจิตขอนั้น แท้จริงเป็นการเบิกบุญกุศลของตัวเองนำสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาออกมาใช้ นั่นหมายถึงถ้าเราเคยทำกรรมเรื่องคู่ไว้ เราก็อาจจะได้เจอก็ได้ แต่ถ้าเราไม่เคยเกื้อกูลใครไว้ ไม่เคยทำดีหรือทำชั่วกับใครไว้ก็ยากที่จะดึงใครเข้ามาในชีวิตเรา แต่ส่วนใหญ่แล้วหากเราเบิกกุศลที่ตัวเองเคยทำมามันจะไม่ได้ทันที ฟ้าหรือกรรมจะแกล้งไม่ให้เรารับผลที่เราอยากได้ในทันที เรามีกรรมที่จะมีคู่จริงนะแต่โอกาสนั้นมันจะยังไม่เป็นของเรา เพราะเราอยากมีด้วยความอยากซึ่งเป็นกิเลส พอเป็นกิเลสกรรมก็จะดึงอกุศลเข้ามาร่วมด้วย ทำให้เราต้องพบกับทุกข์ทรมานทางจิตใจ เหมือนจะได้เหมือนจะไม่ได้อยู่นั่น ผลสุดท้ายแล้วจะได้ไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับบุญและกรรมที่เรามีและเคยมีร่วมกัน

4).เนื้อคู่ถ้าเจอแล้วจะมีลักษณะอย่างไร?

ลักษณะหรืออาการเวลาที่เจอกับเนื้อคู่นั้น มักจะมีอาการพิเศษแตกต่างจากคนอื่นจนรู้สึกได้ การได้พบเจอนั้นไม่ได้หมายว่าต้องตอนนั้นหรือในเวลานั้นทันที อาจจะต้องรอไปจนถึงเวลาที่เหมาะสม เวลาที่กรรมจะเขียนบทให้ได้มีความสัมพันธ์ร่วมกัน

เมื่อเจอแล้วจะพบว่ามีความรู้สึกดูดดึงแปลกๆ จะดูดตลอดเวลา จะผลักก็ไม่ได้ ถึงจะพยายามผลักไสเขาออกจากชีวิตแต่เดี๋ยวก็จะวนกลับมา จะมีเหตุให้ต้องกลับมาคบหากันอีกเรียกได้ว่าถึงไล่ก็ไม่ไป เพราะส่วนหนึ่งคือเราก็จะไปหลงเขาเองอีกส่วนหนึ่งคือกรรมมันผูกกันมาด้วย

เนื้อคู่ที่เคยร่วมภพร่วมชาติกันมานั้นจะมีลักษณะที่เห็นได้เด่นชัดคือทั้งดูดทั้งผลัก ทั้งรักทั้งชัง คือมีทั้งดีและร้ายซึ่งเป็นกรรมของคนที่เคยปฏิบัติดีและปฏิบัติไม่ดีต่อกันมาก่อน เป็นผลกรรมที่เคยร่วมชาติกันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิดใดๆในชาติก่อนๆเช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง สามี ภรรยา ญาติ ลูกน้อง ศัตรู ก็สามารถที่จะวนกลับมาเป็นเนื้อคู่ของเราได้ เพราะมีกรรมที่ผูกพันกัน

เราสามารถดูลักษณะได้จากการคบหาว่าเคยมีกรรมแบบใดกันมา เช่น ถ้าคบหาแล้วสร้างแต่ทุกข์ เอาแต่พลาญเงินทอง ทำลายชื่อเสียงนั่นแหละกรรมเขาดึงศัตรูมาให้เป็นคู่ แต่มันจะออกไม่ได้นะมันจะรักจะหลงเขาไปจนหมดกรรมนั่นแหละ หรือถ้าเป็นแม่กันมาก็จะคบกันแล้วมีลักษณะคล้ายแม่กับลูก มีคนหนึ่งใหญ่คนหนึ่งเล็กและทั้งคู่ก็ยินยอมให้เกิดสภาพนั้นด้วยนะ ส่วนถ้าเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อนก็มักจะเสมอกันจะมีอาการดูดผลักรักชังกันอย่างชัดเจน เพราะเคยรักกันทะเลาะกันมาก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องมารับกรรมเดิมต่อ

การพบเจอใครสักคนแล้วหลงรักหลงชอบไม่ได้หมายความว่าเป็นเนื้อคู่เสมอไป แต่อาจจะเป็นเพราะกิเลสเราทำให้เราคิดจินตนาการไปเอง เช่นเราชอบคนหน้าตาแบบนี้พอวันหนึ่งไปเจอคนแบบนี้แล้วได้ใกล้ชิดเราก็หลงไปว่าเป็นเนื้อคู่ อันนี้เราคิดไปเองเพราะกิเลสเราสั่งให้เราพยายามที่จะไขว่คว้าในสิ่งที่เราหลงชอบ

เนื้อคู่จริงๆนั้นมันจะมาแบบทะลุสติ จะกันไม่อยู่ ถึงจะมีสติมากเก่งกล้าเพียงใดแต่จะทะลุกำแพงที่ป้องกันไว้ทั้งหมด เพราะกรรมนั้นทะลุทุกสิ่ง กรรมจะดลให้ต้องพบ ต้องเจอ ต้องหลง ต้องรัก ต้องทุกข์ทรมานเศร้าโศกเสียใจคร่ำครวญรำพัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีทดสอบดูว่าเนื้อคู่จริงหรือไม่ก็ให้ล้างกิเลสของเราให้ได้ก่อนจึงจะเห็นได้อย่างแท้จริงว่าคนที่เรารู้สึกดูดดึงนั้นมาจากกิเลส หรือมาจากกรรมเก่าจัดฉากให้เราต้องรับกรรมนั้น

5).เนื้อคู่มีแล้วได้อะไร?

เราอาจจะไม่เคยคิดไปว่ามีเนื้อคู่ไปแล้วได้อะไร มีคนเพิ่มเข้ามาอีกคนในชีวิตแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้น เราต้องการเพียงแค่คนแก้เหงา คนดูแล คนปรนเปรอเรื่องการสมสู่การมีลูก หรือสิ่งที่เรียกว่าการสร้างครอบครัวเท่านั้นหรือ

น้ำหนักโดยส่วนมากของการมีคู่จะหนักไปในทางการสมสู่หรือการมี sex ด้วยซ้ำ คนจะเข้ามาหากันส่วนหนึ่งก็เพราะดึงดูดทางเพศ คนจะเบื่อหน่ายกันทะเลาะกันส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาเรื่องการสมสู่ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ยอมรับแต่กลับเป็นเรื่องจริงที่ทรงอิทธิพลต่อการมีคู่ มีสักคู่ไหมที่คบหากันแต่งงานกันแล้วมีการสมสู่เพียงแค่ต้องการมีลูก โดยมากก็สมสู่ด้วยความอยาก ด้วยกามราคะ ด้วยกามตัณหา ด้วยความใคร่อยากเสพกันทั้งนั้นซึ่งจริงๆแล้วการมีคู่คือการเอาคู่มาปรนเปรอกิเลสตัวเองโดยใช้คำว่าธรรมชาติ การแต่งงาน ความสมบูรณ์ของชีวิตเป็นคำที่ดูเหมือนจะดูดีมาปิดปังกิเลสไว้

อีกเหตุผลหนึ่งคือการมีครอบครัว อยากมีลูก อยากมีใครให้ดูแล แล้วที่มีอยู่มันไม่พอดูแลหรืออย่างไร พ่อแม่พี่น้องญาติมิตรที่เคยเกื้อกูลเรามาตั้งแต่เด็ก คนเหล่านี้ไม่เรียกว่าครอบครัวหรืออย่างไร ทั้งที่จริงครอบครัวของคนส่วนใหญ่นั้นก็สมบูรณ์อยู่แล้วไม่ต้องไปหาเพิ่มแล้ว เพียงแค่กลับมาดูแลผู้มีพระคุณก็ประเสริฐมากแล้ว

แต่กลับไปแยกครอบครัวสร้างครอบครัวใหม่ เพิ่มภาระให้ตัวเองลดเวลาในการที่จะดูแลพ่อแม่ลง มันเป็นสิ่งที่สมควรจริงหรือ เป็นสิ่งดีงามจริงหรือ แม้จะดูเหมือนเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องขยายพันธุ์แล้วมันดีจริงหรือ ถ้าดีจริงทำไมพระพุทธเจ้าให้อยู่เป็นโสด ให้งดสมสู่ ให้ออกบวชเพื่อพ้นจากเพศฆราวาส ทั้งหมดก็เพื่อการพ้นทุกข์ นั่นหมายถึงว่าการสร้างครอบครัวใหม่ การสมสู่ การมีลูก เป็นสิ่งที่จะทำให้ทุกข์อยู่นั่นเอง

เรามีคู่เพียงแค่ต้องการเสพเรื่องสมสู่ อยากมีคนดูแลเอาใจใส่ อยากมีลูก อยากรู้สึกมีความมั่นคงในชีวิต มันคุ้มแล้วจริงหรือที่จะได้สิ่งเหล่านี้มาครอบครองโดยแลกกับทุกข์ชั่วนิรันดร์

6).เนื้อคู่ของขวัญจากฟ้าจริงหรือ?

คำว่าเนื้อคู่นั้นถ้าได้ฟังแล้วก็เหมือนสิ่งดีสิ่งพิเศษที่ฟ้าส่งมาให้ แต่ในความจริงแล้วสิ่งที่ดลบันดาลให้เราเจอเนื้อคู่ก็คือกรรมของเราเองและเนื้อคู่นั้นก็คือคู่กรรมของเราเองคู่ที่สร้างกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วที่สร้างร่วมกันมาก็ต้องมารับต่อ

ดังนั้นเนื้อคู่จึงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะคนที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมาก็ต้องมีทั้งเรื่องดีและร้ายเราก็ต้องมารับทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งกรรมดีเหล่านั้นก็มักจะให้ผลเป็นสุข ส่วนกรรมชั่วก็จะพาให้ทุกข์ จึงต้องเจอทั้งสุขและทุกข์ปนกันไป

ทีนี้คนส่วนใหญ่ก็ยินดีที่จะรับทั้งสุขและทุกข์เพราะเข้าใจว่ามันเท่าๆกัน แต่จริงๆแล้วมันไม่เท่ากันเพราะการอยากมีคู่นั้นเป็นกิเลส เรื่องราวในชีวิตของคนคู่ไม่ว่าจะเป็นการสมสู่ การมีลูก การพากันเสพสุขต่างๆ ปัญหาในครอบครัวล้วนแต่เป็นเรื่องที่พาให้เพิ่มกิเลส พอเพิ่มกิเลสมันก็เพิ่มทุกข์ แรกๆมันจะสุขเพราะได้เสพแต่หลังๆมันจะทุกข์สุดทุกข์ ทุกข์แต่ก็ออกไม่ได้บอกใครไม่ได้เพราะหลงติดสุขลวงเล็กๆที่กิเลสหลอกให้สุขน้อยทุกข์มากอยู่ร่ำไป

ดังนั้นเนื้อคู่คือของขวัญจากฟ้าหรือสิ่งดีคงจะตอบได้ว่าไม่ใช่ เป็นแค่เพียงกรรมเก่าของเรา เราดีทำมามากกว่าชั่วเราก็รับดีมากกว่า เราทำชั่วมากกว่าดีเราก็รับชั่วมากกว่า แต่สุดท้ายถ้าเรารับเนื้อคู่คนนั้นเขามาในชีวิตเราก็จะสะสมเรื่องชั่วไปเรื่อย เพราะเรื่องดีที่สุดคือปล่อยเนื้อคู่คนนั้นไปตามกรรมของเขาเสีย

7).เนื้อคู่คือสุดท้ายของชีวิตคู่

หลายคนเข้าใจว่าเนื้อคู่คือที่สุดของชีวิต คือสุดท้ายของชีวิต คือบทจบอย่างสวยงามของชีวิต ก่อนจะเข้าเรื่องก็ถามกันก่อนว่าจนป่านนี้แล้วเจอเนื้อคู่มากี่คนแล้ว มีแฟนคบหาดูใจกันมากี่คนแล้ว แล้วมันสุขไหม มันจบไหม ทั้งหมดนั้นคือเนื้อคู่ทั้งนั้นแต่อาจจะมีกรรมไม่แรงพอจะดลให้แต่งงานก็ได้

คนที่ได้แต่งงานก็หลงไปว่าแต่งงานครั้งสุดท้ายในชีวิต ชีวิตจะจบสวยงามเหมือนในนิทานในหนังที่ตัดจบอวสานไปตอนที่พระเอกนางเอกตกลงครองรักกัน แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหลายคู่คบกันไม่นานก็ต้องหย่าร้างกัน หลายคู่มีลูกด้วยกันหลายคนแล้วก็ยังมีปัญหาชู้สาว คบหากันมาเป็นสิบยี่สิบปีสุดท้ายเลิกรากันก็มีให้เห็นอยู่มาก

ทั้งหมดนั้นคือเนื้อคู่ทั้งนั้นนะ ตอนแต่งงานไม่เห็นมีสักคนที่คิดว่ารักฉันจะล่มในวันใดวันหนึ่ง คิดแค่ว่าคนนี้แหละคู่ฉันคนสุดท้ายของฉัน เขาทั้งคู่คิดอย่างนั้นจริงๆนะ แต่สุดท้ายมันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะโลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ คือกิเลสมันไม่เที่ยง มันเพิ่มได้ พอเราเสพสมใจในคู่ตัวเองแล้วเบื่อ แต่กิเลสยังมีฤทธิ์แรงอยู่ก็จะผลักดันให้ไปหากินนอกบ้านไปสมสู่คนอื่นไปมีชู้ไปมีคู่ใหม่ อาการเหล่านี้เป็นได้ทั้งชายและหญิงเพราะกิเลสไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ

ปัญหาเรื่องการสมสู่ที่ไม่เป็นไปดังใจหวังนับเป็นปัญหาระดับโลกของการมีคู่ เพราะต้องคอยสนองกิเลสให้คู่ของตนบำรุงบำเรอกาม หากไม่บำเรอกามคู่ของตนก็อาจจะมีปัญหาภายในบ้าน และสุดท้ายก็ต้องพบปัญหาเพราะเราไม่สามารถสนองกิเลสใครได้ตลอดเวลาและตลอดไป ไม่ว่าอายุมากแค่ไหนแต่ถ้ากิเลสไม่ดับกามเมถุนก็ไม่ดับ ความอยากสมสู่ไม่มีวันดับไปด้วยการเสพสมใจแต่จะดับไปได้ด้วยการพิจารณาธรรมให้ถูกตัวกิเลส

ดังนั้นการจะบอกว่าเนื้อคู่เป็นที่สุดของชีวิตนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝันก็คงจะไม่ใช่คำที่กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด

8).เนื้อคู่ที่ใช่ในวันที่ไม่ใช่

คนที่เข้ามาในวันเวลาที่ไม่สมควร ไม่เป็นกุศลเป็นข้าศึกต่อศีล ไม่ใช่เนื้อคู่ที่มาดีแน่ ผู้ที่เข้ามาและพาให้ผิดศีลผิดธรรมนั้นเป็นคู่บาปอย่างแน่นอน เพราะคู่บุญนั้นแม้ว่าจะมีอาการดูดดึงต่อกันก็จะมีความรู้สึกผิดและเกรงกลัวต่อบาปหรือที่เรียกว่ามี “หิริโอตัปปะ

สมควรแล้วหรือที่เราจะต้อนรับคู่บาปเข้ามาในชีวิต จะดีจริงหรือที่เราจะเปิดโอกาสให้เขาทำบาปกับเรา ถ้าเราตัดใจเสียก็ไม่ต้องก่อเวรก่อบาปซ้ำซ้อนไปอีก คนที่เข้ามานั้นเขาเพียงแค่เข้ามาเพื่อทดสอบความมั่นคงของเรา ทดสอบศีลธรรมของเราว่าเรานั้นยังควรคู่กับคำว่ามนุษย์ผู้ประเสริฐอยู่หรือไม่

9).เนื้อคู่กับการจองเวรข้ามภพข้ามชาติ

การมีเนื้อคู่นั้นหมายถึงการจองเวรจองกรรมกันข้ามภพชาติ ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งจิตตั้งใจก็ตามแต่ผลมันจะเป็นไปตามกรรมที่ทำเช่น ชาตินี้เรามีแฟนผูกพันกัน ทำดีต่อกันเราก็ยึดดี พอทำไม่ดีต่อกันเราก็ผูกโกรธพยาบาท ทั้งดีทั้งร้ายนี้เราก็ต้องมารับผลกรรมด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะจองเวรจองกรรมในด้านดีหรือร้ายก็ตาม เราก็ต้องตามไปรับผลนั้นด้วย นั่นหมายถึงว่าชาตินี้คือตัวกำหนดภพหรือสภาพที่จะต้องเจอของชาติหน้าหรือเหตุการณ์หน้า นั่นอาจจะหมายถึงคู่คนถัดไปในชาตินี้หรือจะทะลุไปยังชีวิตหน้าก็ได้

เมื่อเห็นอนาคตดังนั้นจึงย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน สภาพของปัจจุบันที่เราเจอนั้นเกิดจากกรรมในอดีต เกิดจากการจองเวรจองกรรมในอดีต ทุกคนทุกคู่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราทั้งสมหวังทั้งผิดหวังคือเนื้อคู่ที่จองเวรจองกรรมกันมา แล้วแต่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน ถ้าเวรกรรมน้อยก็แค่ทนทุกข์ในขณะคบหาเป็นแฟน แต่ถ้าเวรกรรมมันมากก็ต้องแต่งงานไปชดใช้กรรมร่วมกัน จะหนีก็หนีไม่ได้นะ ยิ่งถ้าไม่ได้ล้างกิเลสนี่ยิ่งไปกันใหญ่นอกจากกรรมเก่าจะไม่ได้ชดใช้จนหมดแล้วยังสร้างกรรมใหม่ขึ้นมาอีกผูกภพผูกชาติกลายเป็นคู่เวรคู่กรรมต่อกันไปในชาติหน้าอีก

โดยทั่วไปคนอาจจะมองว่าดีจัง มีคนผูกไปทุกชาติ ลองไปถามคนที่ทุกข์เพราะรัก และรักแล้วยังทนทุกข์หรือคนที่ชีวิตพังเพราะรักว่าให้เจอแบบนี้ทุกชาติจะเอาไหม ให้สุขน้อยทุกข์มากแบบนี้ทุกชาติจะเอาไหม พอคนรู้แล้วว่าสุขน้อยทุกข์มากก็จะไม่มีใครเอาเพราะเขารู้ความจริง

ทีนี้คนที่หลงไปกับโลกหลงไปกับสื่อที่โลกลวงในเรื่องของเนื้อคู่ คนรัก แฟน ครอบครัวว่าถ้ามีแล้วจะมีความสุขมีแล้วชีวิตจะสมบูรณ์ก็คือคนที่ยังไม่เห็นทุกข์ ดังนั้นเลยต้องไปลองทุกข์ให้เห็นก่อนจึงจะเข้าใจ ส่วนคนที่มีปัญญาเห็นคนอื่นทุกข์ก็ไม่เอาด้วยแล้ว เพราะสิ่งนี้มันสะสมมาหลายภพหลายชาติ เขาเจ็บเขาทุกข์เพราะการมีเนื้อคู่มาหลายชาติมันก็เลยจดจำในวิญญาณแม้ชาตินี้จะไม่เคยมีคู่แต่มันจะไม่เอาโดยธรรมชาติ ให้ไปเสพก็จะไม่สุข ถึงสุขก็ไม่นาน พอได้รับทุกข์ก็จะกระเด็นออกมา เพราะมันเข็ด มันขยาด มันทุกข์

เนื้อคู่นั้นจริงๆแล้วไม่ใช่สิ่งที่ดีไปเสียหมด เพราะต้องมาคอยใช้เวรใช้กรรมกัน และส่วนมากเป็นการใช้หนี้ เพราะเมื่อมีคู่เราก็ทำแต่บาป ทำบาปมันก็มีแต่ทุกข์ มีแต่หนี้บาปที่ต้องมาชดใช้กันข้ามภพข้ามชาติเพียงเพราะหลงไปเสพสุขลวง

10).เนื้อคู่เมื่อไหร่จะหนีพ้น

เมื่อเห็นความทุกข์ทรมานจากสุขน้อยทุกข์มากของการมีเนื้อคู่มาตามจองเวรจองกรรมแล้วก็อาจจะเริ่มขยาด เริ่มรู้สึกไม่อยากทุกข์ อยากจะเจอแต่ความสุขจะได้ไหม ก็จะตอบกันว่า ”ได้” นั่นคือหนีเนื้อคู่ให้พ้น

การหนีไม่ใช่การวิ่งหนี ย้ายบ้านหนี หลบหน้า ไม่ยอมพบเจอ ไม่รับโทรศัพท์อันนี้มันหนีแบบโลกๆ มันหนีไม่พ้นเพราะถึงจะหนีพ้นชาตินี้ชาติหน้าก็เจออยู่ดีเพราะกรรมมันไม่ได้ถูกชดใช้มันก็จ่อรอส่งผลอยู่นั่นเองและมันจะสะสมมากขึ้นเรื่อยจนกลายเป็นก้อนใหญ่ขนาดที่หลบไม่พ้นหนีไม่ได้ในวันใดวันหนึ่ง

การจะหนีจากเนื้อคู่ต้องหนีด้วยการล้างกิเลสในตัวเราและทำกุศลทำดีกับเขาหรือคนรอบข้างเขาให้มาก เพราะคนที่เป็นเนื้อคู่กันมาคือคนที่มีหนี้บาปหนี้บุญกันมา ดังนั้นจึงต้องใช้หนี้จนหมดจึงจะพ้นจากการไล่จองเวรจองกรรมและล้างกิเลสของเราเพื่อไม่ให้ตัวเราไปจองเวรจองกรรมเขาจนต้องวนเวียนมาใช้กรรมกันอยู่เรื่อยๆ

11).ประโยชน์ของเนื้อคู่

มาถึงตรงนี้ดูเหมือนว่าเนื้อคู่จะไม่ได้มีแค่มุมดีเพียงอย่างเดียว ยังมีมุมร้ายมุมทุกข์ซ่อนอยู่มากมายเหมือนขนมหวานที่สอดไส้ด้วยยาพิษ จะว่าไปแล้วมันก็ทุกข์ทั้งหมดเลยก็ได้ เพราะสุขที่ได้ก็เป็นเพียงสุขลวงที่รอให้เกิดทุกข์แท้ๆ

แต่การมีเนื้อคู่เข้ามาในชีวิตก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายไปเสียหมด ผู้มีปัญญาสามารถหาประโยชน์ได้แม้ยามตัวเองต้องตกหล่นไปในกองกิเลส พยายามหาทางแหวกว่ายดิ้นหนีจากบ่วงกรรมที่ผูกมัด เนื้อคู่นี้เองที่เข้ามาเป็นโจทย์ให้เราศึกษาธรรม ให้เราบรรลุธรรม ให้เราพ้นทุกข์

การจะออกจากทุกข์ได้นั้น เราจำเป็นต้องทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ เข้าใจทุกข์จึงจะเห็นธรรม การมีอยู่ของเนื้อคู่จึงมีคุณค่าตรงที่เป็นตัวกระตุ้นเป็นตัวกระทุ้งให้เราเห็นกิเลส เพราะต้องเป็นคนนี้เท่านั้นที่เราจะเกิดอาการหลง อาการมัวเมาไปกับเขาได้ กับคนอื่นเราไม่หลงขนาดคนนี้เราก็ต้องใช้คนนี้แหละเป็นโจทย์ในการล้างกิเลสเพื่อบรรลุธรรมของเรา

จะว่าเนื้อคู่นั้นมีอยู่เพื่อให้เราออกจากคู่ก็ว่าได้ เขาจะเข้ามาทำให้เราทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ ทุกชาติจนกว่าเราจะเกิดปัญญา จนกว่าจะเห็นว่าการมีคู่ชีวิตที่รับเข้ามาเป็นคู่รัก เป็นแฟน เป็นสามีภรรยา เป็นครอบครัวนั้นเป็นภาระ พาทุกข์ พาชั่ว พาจน พาวนเวียนในวัฏสงสารอย่างไร

12).เนื้อคู่กับความรักที่เหนือโลก

คงจะมีคำถามว่าถ้ามีคู่กันแล้วร่วมสร้างกุศลช่วยเหลือเกื้อกูลกันทำประโยชน์กันไปเรื่อยๆได้ไหม เพราะการจะไม่มีคู่เลยมันก็รู้สึกทุกข์มากเหมือนกัน เหตุเพราะความอยากมีคู่กับความเหงานั้นรุนแรงเหลือเกิน

ก็คงจะตอบว่าได้ ถ้าความรักกับเนื้อคู่คนนั้นพาให้เกิดกุศลจริง ในกรณีคนที่คบกันแล้วสามารถพากันลดกิเลสได้ ลดกิเลสกันเป็น ไม่พากันเพิ่มกิเลส อยู่ในศีล ๕ กันเป็นเรื่องปกติในชีวิตก็ถือว่าอยู่ในขีดที่พ้นทุกข์และพ้นภัยไปได้หลายส่วน แต่ก็ยังต้องทุกข์อยู่ดี ถ้าจะคบกันให้เกิดกุศลมากขึ้นก็ให้ถือศีลเพิ่มคือ “อพรหมจริยา เวรมณี” คือให้เว้นขาดจากการประพฤติที่ไม่เป็นพรหมวิหาร ในความเข้าใจทั่วไปก็คือการไม่สมสู่กัน รักที่ไม่สมสู่กันคือการไม่เสริมกิเลสแก่กัน เป็นเรื่องที่ทำได้ยากและยากจะเข้าใจถึงเนื้อหาสาระแท้ของศีลข้อนี้ หลายคนเข้าใจว่าการสมสู่คือหน้าที่ คือความสุข คือความสมบูรณ์แบบในชีวิตคู่ทั้งที่จริงสิ่งนั้นเป็นกิเลสแท้ๆ กิเลสบริสุทธิ์แบบไม่มีอะไรเจือปน ผู้ที่คิดจะคบหามีคู่ครองแล้วพากันเจริญไปทั้งทางโลกและทางธรรมจึงควรปฏิบัติศีลข้อนี้บ้าง และขัดเกลากิเลสจนถือศีลข้อนี้ให้ได้เป็นปกติ คือไม่สมสู่กันเป็นเรื่องปกติ เป็นความรักที่เหนือโลก เพราะตามโลกหรือโลกียะคนเป็นคู่เขาต้องสมสู่กันจึงจะมีความสุข แต่เราเป็นคนเหนือโลกคือไม่ไหลไปตามโลก แม้จะไม่สมสู่กันเราก็ยังคงรักกัน ดูแลกัน เกื้อกูลกัน และอยู่กันอย่างมีความสุข

13).เนื้อคู่กับกัลยาณมิตร

จะดีไหมหากเราจะเปลี่ยนเนื้อคู่ที่ต้องมาใช้เวรใช้กรรมกันทุกภพทุกชาติเป็นเพื่อน เป็นมิตรสหาย เป็นกัลยาณมิตร เพราะในที่สุดแล้วการจะคบหาเป็นคู่ครองนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องทุกข์ แต่หากเราเปลี่ยนมาเป็นกัลยาณมิตรต่อกันแล้วก็คงจะช่วยกันลดทุกข์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตไปได้อีกมายมาย

กัลยาณมิตรหมายถึงมิตรที่ดีงาม มิตรที่พาเจริญไปทั้งในทางโลกและทางธรรม เป็นเสมือนเพื่อนคู่ชีวิตใกล้ชิดเรื่องใจ แต่ไม่ใกล้ชิดกาย เนื้อคู่หรือคู่รักที่เจริญทางธรรมมากสุดท้ายก็จะก้าวเข้าสู่ลักษณะของกัลยาณมิตรไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง เป็นเพื่อนที่ร่วมกันหยุดชั่ว พากันไม่ทำชั่ว พากันถือศีล เจริญในธรรม พากันทำแต่ความดี สิ่งดี สิ่งที่เป็นกุศล พากันทำจิตใจให้ผ่องใส่ พากันลดกิเลส พากันล้างกิเลส มีความยินดีต่อกันเมื่อเกิดสิ่งดี และพร้อมจะช่วยเหลือกันหากพลาดพลั้งทำผิด และยอมรับคำตักเตือนของกันและกันเพื่อความเจริญแห่งสุขแท้

ถ้าเรามองว่าชีวิตนี้เหงา อยากมีคู่ อยากมีเพื่อนร่วมชีวิต อยากมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง คอยช่วยคิด ร่วมทุกข์ ร่วมสุข เนื้อคู่ในเชิงคู่รักคงจะไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่ากับกัลยาณมิตร เพราะความเป็นเพื่อนนั้นตั้งอยู่ได้นานกว่า เป็นประโยชน์กว่า ทุกข์น้อยกว่า สุขใจเมื่อได้ใกล้ ยินดีแม้ยามห่างไกล กัลยาณมิตรนั้นแม้ตัวไกลแต่ใจก็ยังใกล้กันยังระลึกถึงกัน รักกัน เคารพกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่วิวาทกัน พร้อมเพรียงกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สภาวะเหล่านี้คือที่สุดแห่งมิตร เป็นสุดยอดแห่งกัลยาณมิตร และเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นแห่งการพ้นทุกข์

– – – – – – – – – – – – – – –

28.11.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

ส่งต่อความรัก

November 26, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,863 views 0

ส่งต่อความรัก

ส่งต่อความรัก

จริงๆแล้วที่เราทุกข์เพราะความรักนี่มันก็ไม่ใช่เพราะเรารักเขามากหรอกนะ แต่เป็นเพราะเราหลงรักตัวเองมากกว่า เพราะว่าเราหลงคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นของเรา ทุกคนต้องเป็นอย่างที่เราหวัง ทุกอย่างต้องเป็นอย่างที่เราฝัน

พอคนหลงรักตัวเองมากก็เลยไม่สามารถรักใครได้จริง มองเห็นแต่ความต้องการของตัวเองไม่เห็นใจใคร ไม่ยินดีที่จะให้ใครมุ่งแต่จะเอาท่าเดียวเพราะหลงรักตัวเองมากเกินไป แล้วหลงไปเรียกสิ่งนั้นว่าความรักอีก ทั้งที่มันเป็นความหลง

ความรักนั้นมีมิติที่หลากหลายและกว้างใหญ่กว่าการรักแค่ตัวเอง รักแค่คู่ของตน รักแค่ในครอบครัว รักชุมชน รักประเทศ รักโลก คนที่ลดความหลงในความรักตัวเองได้ก็จะสามารถรักคนอื่นได้มากขึ้น กว้างขึ้น ไกลขึ้น นานขึ้น นานขนาดว่าทะลุชาติภพกันเลยทะลุผ่านกาลเวลาเกิดมามอบความรักให้กับคนอื่นอยู่ทุกชาติ

ผู้ที่สามารถส่งต่อความรักให้กับผู้อื่นได้นั้นคือผู้ที่ไม่เก็บความรักไว้กับตัว ก็คือไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่พวกของตน จึงสามารถที่จะให้กับใครก็ได้ ใครสักคนที่เขาต้องการ

– – – – – – – – – – – – – – –

แรงบันดาลใจจากเพลง ส่งต่อความรัก [pass the love forward] – บอย โกสิยพงษ์ | version [จัง-หวะ-จะ-เดิน]

(https://www.youtube.com/watch?v=xgiW8aek7A0)

และบทความ “อกหัก”

– – – – – – – – – – – – – – –

26.11.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์