ความรัก
กรณีศึกษา : ความเชื่อมั่นในความรักกับความไม่เคยพอของกิเลส
ยิ่งกว่าละคร… ( http://pantip.com/topic/33550684 )
วิบากกรรมชั่ว นี่ตอนแรกจะมาดีๆนะ มาแบบหลอกให้เราหลงว่าคนนี้แหละ ใช่เลย!! เนื้อคู่แน่ๆ
อาจจะใช้เวลาเป็นปี สิบปี ยี่สิบปีก็ได้ อาการคือ คอยตามสนองกิเลส ตามจีบ ตามง้อให้เรายอม
พอยอมเท่านั้นแหละ ลงนรกไปเลย… หลังจากนี้เราก็จะได้ลิ้มรสวิบากบาปที่ตัวเองเคยทำไว้อย่างสาสมเท่ากับที่เราทำมา
ก็จะโทษใครได้เล่า ทั้งหมดนั้นก็คือผลกรรมที่เราทำมาเองนั่นแหละ มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะดูออก เพราะมันจะทำให้เราหลงไปยินดีกับเรื่องที่พาให้ชั่วได้ง่ายๆเลย
คนรักในฝัน มีอยู่จริงหรือ?
คนรักในฝัน มีอยู่จริงหรือ?
ความรักในมุมของคู่ครองกับความฝันนั้นก็เป็นเหมือนกับเรื่องเดียวกัน หลายคนเฝ้าฝันว่าวันใดวันหนึ่งจะเจอกับคนในฝัน จินตนาการปั้นปรุงแต่งกันไปตามความอยากของแต่ละคน
ในทางโลกนั้นเขาก็ว่า ต้องเหมาะสมกันบ้าง ต้องพอดีกันบ้าง ต้องส่งเสริมกันบ้าง ต้องสร้างกุศลร่วมกันบ้าง ต้องพากันเจริญบ้าง หลายๆเหตุผลที่จะทำให้เราเฝ้าฝันถึงคู่ครองในอุดมคติ
แต่ในทางธรรมนั้นกลับบอกว่าการไม่มีคู่ครองนี่แหละดีที่สุด คนที่ปัญญายังไม่รอบ ไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ยังจะพยายามแสวงหาคู่ครอง ที่ว่าดี ที่ว่าเลิศ ตามหาในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ตั้งสเปค ตั้งภพว่าอย่างน้อยๆต้องแบบนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ถึงจะยอมเป็นคู่ มีกำแพง มีกฎเกณฑ์ มีรูปแบบ หรือเรียกรวมๆว่ายังมีความยึดมั่นถือมั่นอยู่
ถ้าจะให้ตรงๆเน้นๆ เลยก็คือ “การที่ยังคิดว่าคนในฝันยังมีอยู่จริง ก็คือยังโง่อยู่นั่นเอง” เพราะแท้จริงแล้วการที่เราไปแสวงหาคู่ครองในฝันนั้นก็เหมือนไปคว้าสิ่งที่ไม่มีตัวตนให้มาเป็นตัวตนของเราแม้แรกเจอจะดูดี หน้าตาดี ฐานะดี การงานดี บุคลิกดี นิสัยดี ธรรมะก็มี แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่ล่อให้เราเข้าไปติดกับดักของความหลง และคนที่ถูกใจเรานั่นแหละคือ “ตัวเวรตัวกรรม”
กิเลสของเราจะล่อเราให้ไปติดกับดักที่ตัวเองคาดฝันไว้ มีเหตุผลมากมายที่จะยอมสละโสดหรือพลีกายให้กับคนในฝัน สุดท้ายไม่ว่าจะได้คู่ที่แย่สุดแย่หรือดีปานเทวดามาเกิด มันก็อยู่ใต้อำนาจของกิเลสอยู่ดี มันก็วนอยู่ในความหลงอยู่ดี ไม่มีหรอกที่ว่าคนมีปัญญาเต็ม สติเต็ม จะยังหลงอยู่ได้ มีแต่คนด้อยสติปัญญาเท่านั้นที่จะละเมอเพ้อพกไปกับสิ่งที่ไม่จริง
หลายคนมีข้ออ้างมากมายที่ดูเหมือน “ฉลาดฉิบหาย” เพียงเพื่อที่จะได้มีคู่ ข้ออ้างเหล่านั้นเองคือความร้ายกาจของกิเลสที่พาให้คนหลงว่าตนเองมีปัญญา ซึ่งแม้แต่นักปฏิบัติธรรมหรือนักบวชก็ต้องพลาดพลั้งเพราะพลังของกิเลสมานักต่อนักแล้ว
สุดท้ายพวกเขาก็ยอมโง่อย่างยินดีเพื่อแสวงหามาเสพให้สมกิเลส หลอกตัวเองและหลอกคนอื่นว่าคนในฝันยังมี รักที่ดีก็ยังมี หลงมัวเมาอยู่ในความลวง วนเวียนทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อนไปเรื่อยๆจนกว่าจะเรียนรู้ได้เองว่า “ความเป็นโสดนี่แหละดีที่สุด”
– – – – – – – – – – – – – – –
25.4.2558
เมื่อรักนั้นคือความหลง ก็เหมือนคนติดยาเสพติด
เมื่อรักนั้นคือความหลง
ก็เหมือนคนติดยาเสพติด
มีให้เสพก็มีความสุข
พอไม่ได้เสพก็ทุกข์ทรมาน
= = = = = = = = = = =
โดยทั่วไปแล้ว…
คงยากที่ใครจะยอมรับว่า..ตนเองนั้นหลง
แต่ความจริงก็จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริง
คู่รักที่ยังดูแลเอาใจใส่แก่กันและกัน
ก็จะดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังมีความสุขดี
แต่พอคนใดคนหนึ่งลดการเอาใจใส่ ด้วยเหตุใดก็ตาม
อีกคนก็จะเกิดอาการทุกข์ในจิตใจขึ้นมาทันที
….
นี่คือความเสพติดความรักเพราะความหลง
พอได้เสพมันก็หลงว่าเป็นสุข
แล้วยึดสุขนั้นไว้ว่าต้องได้เสพตลอด
ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากความสุข
ใครที่นำความสุขนั้นออกไปจากชีวิตฉัน
ก็จะถือว่าเป็นศัตรูกับฉัน…
…โดยไม่สำคัญว่าคนนั้นจะเป็นใคร
เคยเป็นคนที่ฉันรักที่สุดหรือไม่
เคยเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ฉัน
เคยเป็นคนที่ช่วยเหลือฉันเมื่อทุกข์ใจ
แต่ถ้าวันนี้เธอพรากความสุขของฉันไป
เราจะกลายเป็นศัตรูกัน!!
….และนี่เองคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คู่รักทะเลาะกัน
แท้จริงแล้วความหลงก็คือความเห็นแก่ตัวดีๆนี่เอง
มันมาในภาพที่สวยหรูที่เรียกว่าความรัก
สุดท้ายแล้วก็หวังจะให้คนอื่นมาบำเรอตนเท่านั้นเอง
– – – – – – – – – – – – – – –
16.4.2558
ทุกข์ของคนอยากมีความรัก
ทุกข์ของคนอยากมีความรัก
ก็คือ “ความอยาก” มีความรัก
= = = = = = = = = = =
ความอยากมีความรักนั้นเหมือนคำสาป
ทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอด
ใครที่เผลอตัวเข้าไป ก็มักจะหลงทาง
ทั้งที่ทางออกนั้นก็คือทางเข้า แต่กลับมองไม่เห็น
พากันแก้ปัญหาความรักด้วยการแสวงหามาเติมให้เต็ม
ยิ่งแก้ก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งแก้ก็ยิ่งหลง ยิ่งแก้ก็ยิ่งไกล
หาคนนั้น หาคนโน้น ชอบแบบนั้น ชอบแบบนี้
ปรึกษาคนนั้น ปรึกษาคนนี้ ตามหาศิราณีไปทั่ว
พบรัก สมหวัง คบหา เลิกรา เป็นอย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น
โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว…
วิธีแก้ปัญหาความรักมันก็ไม่ได้หายากอะไรมากมาย
มันก็แก้กันที่ “ความอยากได้อยากมี” เท่านั้นเอง
…
การแก้ปัญหาความอยากได้รับความรัก
ไม่ได้ง่ายเพียงแค่กดข่มใจให้ “ไม่อยาก”
แต่เป็นการค้นให้ลึกลงไปถึงรากของปัญหา
คือเรา “อยาก” ได้รับอะไรจากความรัก
เราอยากได้ อยากมี อยากเสพอะไร
เราต้องการสิ่งใดหนอ ที่ทำให้เราต้องลำบาก
ที่ทำให้เราต้องทนทุกข์กับการแสวงหาความรัก
– – – – – – – – – – – – – – –
16.4.2558