ภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ (การขอแต่งงาน)
จากข่าวที่มีการขอแต่งงานที่มีคนดูมากกว่าล้านครั้ง : คลิปขอแต่งงานที่น่ารักมาก ขนมาทั้งญาติทั้งเพื่อน เซอร์ไพรส์สุดๆ
สมัยนี้เขาไม่ขอแต่งงานกันธรรมดาแล้ว มันต้องมีบันเทิง มีบท มีละคร เรียกง่ายๆว่ามีอบายมุขเข้ามาเป็นองค์ประกอบ
พร้อมคำสัญญาที่มีไว้เพื่อล่อหลอกให้ได้เสพอีกฝ่าย แน่นอนว่าตอนที่เขาใช้คำเหล่านั้นเขาก็อาจจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่ความจริงคือสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่จริง
หลายคนดูไปก็ซึ้งไป …แต่เดี๋ยวก่อน ทุกเสี้ยววินาทีที่คุณซึ้ง คุณสุขจากการเสพเรื่องราวเช่นนี้ คุณก็ได้สะสมกิเลสไปแล้วเท่านั้น
ใครประมาทก็จะบอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ถ้าคนเห็นโทษเห็นภัยของวัฏสงสารแล้วจะขำไม่ค่อยออกถ้าตนเองยังเหลือความเห็นผิดเหล่านั้นอยู่
แม้เผลอไปยินดีเพียงเสี้ยวเดียวในจิตใจ นั่นคือยังมีอุปาทานอยู่ ก็ต้องกลับมาตรวจกันยกใหญ่ว่ายังเหลือความเห็นผิดในอะไร สิ่งใดที่ทำให้เกิดรสสุขลวงขึ้นเช่นนี้
เกิดสุขจากเสพก็เป็นกิเลสแล้ว เพิ่มกิเลส สะสมกิเลสใครก็ทำได้ แต่ล้างกิเลสนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ก็ลองดูกันเองแล้วจะรู้ว่าการจะออกจากสิ่งที่ตัวเองหลงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่มีความรู้ที่พาล้างกิเลสได้จริง ถึงจะมีความรู้ก็ใช่ว่าจะล้างความเห็นผิดกันได้ง่ายๆ
คนที่บอกว่าตนเป็นโสด ไม่สนใจเรื่องคู่ ถ้ายังดูเรื่องราวเหล่านี้แล้วยังเกิดสุข ยังฝันตามเขาอยู่ ให้ทบทวนตัวเองใหม่ได้เลย อย่าประมาท เพราะกิเลสมันแอบโตแล้วมันเล่นเรากลับทีเดียวหงาย
แค่ล้างกิเลสยังต้องใช้เวลาหลายชาติ นี่ยังมายินดีในการเพิ่มกิเลสกันอีก ก็วนอยู่กับสุขลวงกันต่อไปละนะ
. . . . . . . . . . . .
คลิปนี้มีคนเห็นกว่า 2 ล้าน(ตอนนี้) ถ้ามีคนติดสุขตามสัก 1.5 ล้าน แสดงว่าได้กระตุ้นกิเลสแล้ว 1.5 ล้านคน*กิเลสของเขา
คนทั่วไปก็มองว่าเป็นกำไร แต่จริงๆคือความขาดทุน เพราะสิ่งที่ทำก็คือกรรม คือเราเป็นเหตุในการกระตุ้นกิเลสเขา เราทำเท่าไหร่เราก็ต้องรับผิดชอบเท่านั้น
ลองคิดดูว่าถ้าชาตินี้มีคนมายั่วกิเลสเราให้เราอยากแต่งงาน 1.5 ล้านครั้ง เราจะทนไหวไหม แต่มันไม่มาแบบนั้นหรอก มันจะทยอยมาชาติละนิดละหน่อย มาล่อลวงให้เราหลงไปตามกรรมที่เราทำไว้ ไม่ขาดไม่เกิน
อะไรที่มันไม่พาพ้นทุกข์ท่านให้ปิดไว้ ถึงจะรักกันหลงกันยังไงก็ให้ปิดไว้เงียบๆเท่าที่จะทำได้ เปิดเผยมามันจะไม่งาม เพราะสิ่งที่เปิดเผยนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะโง่จึงเปิดเผย เพราะโง่จึงหลงผิด
. . . . . . . . . . . .
บทความนี้คนมีศีลในระดับต่างกันจะมีความเห็นต่างกัน (*ศีลในทีนี้คือสามารถปฏิบัติได้อย่างปกติ มีศีลนั้นเป็นสามัญ มีปัญญารู้แจ้งในคุณของศีลนั้น)
1.คนไม่มีศีล มองเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆก็ทำได้ ไม่เห็นแปลก สุขจะตาย
2.คนฐานศีล 5 ก็ยังมองว่าสุขอยู่ รู้ว่าไม่ดีหรอก แต่ชาตินี้ขอมีคู่ก่อนแล้วกันนะ
3.คนฐานศีล 8 ในระดับมรรคจะมีความละอายถ้าตนรู้สึกยินดีในเรื่องมีคู่ ถ้าในระดับผลจะไม่มีความยินดีใดๆแล้ว
4.ศีลมากกว่านั้น เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ ที่คนหลงเสพหลงสุขมัวเมากันไป เหมือนมองเด็กๆ เล่นดินเล่นทราย หยิบขี้หมาแห้งมากินแล้วหัวเราะมีความสุข