ใช่ว่าบัณฑิตจะจีบไม่เป็นนะ จริง ๆ เก่งกว่าคนเจ้าชู้เสียอีก
ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่เขาประพฤติตนเป็นโสด คนเขาก็รู้กันว่านั่นคือบัณฑิต … ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจีบไม่เป็นเลยไปเอาดีทางธรรมนะ แต่มันตรงกันข้าม เพราะจริง ๆ เขาเข้าถึงที่สุดของการจีบและพบว่ามันไม่มีประโยชน์ต่างหาก
คนที่ปฏิบัติตนจนเข้าถึงผล ในเรื่องการปฏิบัติตนเป็นโสด จะมีความรู้ที่เกี่ยวกับการจีบ การล่อลวงให้คนรักคนหลงที่มากเป็นพิเศษ เรียกว่าเกินสามัญ เพราะสามัญเขารู้แค่จะทำอย่างไรให้จีบติด แต่ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วจะรู้ไปถึงอะไรเป็นประโยชน์แท้ อะไรเป็นบาป เป็นทุกข์ โทษ ชั่วอีกด้วย
ถ้าจะให้นึกปรุงจิตมันก็ปรุงได้หมดนั่นแหละ จะล่อลวงเขายังไง จะทำให้เขามารักยังไง จะหลอกให้คนมาหลงรักหัวปักหัวปำยังไง มันง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย แต่ปัญหาคือมันทำแล้วไม่พาพ้นทุกข์ ตัวเองก็ต้องลำบาก เพราะทำอกุศล ส่วนคนอื่นก็หลงมัวเมา ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นเลย
ดังนั้นเมื่อรู้โทษชั่วดังนั้น ก็เลยไม่ทำชั่ว ไม่ไปจีบใคร เหมือนกับพระเจ้าอโศกมหาราช เก่งขนาดปราบทั้งแผ่นดิน แต่สุดท้ายก็เลิกการฆ่า สนับสนุนการไม่กินเนื้อสัตว์ ถามว่าท่านฆ่าเป็นไหม? ตอบว่าสุดยอดนักรบเลยก็ว่าได้ จะฟันตรงไหน จะแทงตรงไหนให้ชนะ ท่านรู้หมดนั่นแหละ แต่ท่านก็เลิกทำ เพราะมันเบียดเบียนและไม่เป็นประโยชน์กับใคร
ท่านรู้แล้วว่าการเบียดเบียนมันเป็นโทษแล้วก็เลิก กลับตัวกลับใจ เอาอำนาจที่ตนมีมาทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่พระพุทธศาสนา
ดังนั้น จะเรียนรู้ก็รู้ให้สุด เก่งก็เก่งให้สุด รู้ให้แจ่มแจ้งถึงหมดทุกข์หมดสุข แล้วที่เหลือก็เลือกเอาว่าจะทำอะไร
ผมท้าเลย คนเจ้าชู้ที่จีบเก่ง ๆ เนี่ย เขาไม่มีปัญญาพาคนออกจากวังวนของความรักได้หรอก พาเข้าได้ แต่พาออกไม่เป็นไง อย่างเก่งก็มอมเมาเขาไปเรื่อย ๆ แต่จะให้พ้นทุกข์ พ้นชั่ว พ้นหลงนี่เขาทำไม่ได้หรอก