Tag: ไม่มีศีล
ผู้หญิงจะอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างไร?
ผู้หญิงจะอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างไร?
มีคำถามมาว่าผู้หญิงจะอยู่อย่างไรให้ปลอดภัย ในองค์ประกอบที่เรียกว่าอยู่ในดงเสือสิงห์กระทิงแรด ในสังคมไม่มีศีล ต้องพบกับคนที่มีครอบครัวแต่ยังไม่เลิกเจ้าชู้ และอีกมากหน้าหลายตาที่ยังไม่เปิดเผยตัวตน
เป็นคำถามที่รู้สึกว่า ถ้าตอบไปแล้วอาจจะปฏิบัติได้ยากสำหรับหลาย ๆ คน เพราะการเป็นอยู่ในยุคนี้มันไม่เอื้อให้เข้าถึงความปลอดภัยได้ง่าย ๆ เป็นข้อจำกัดที่กิเลสสร้างขึ้นมาจากรุ่นสู่รุ่น ยากที่จะฝ่าไปได้ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ผมจะยกมาต่อจากนี้ก็จะเป็นหนทางที่พาให้ปฏิบัติตนให้อยู่รอดปลอดภัยได้จริง ๆ
ในสมัยพุทธกาล จุดรุ่งเรืองสูงสุดของพระพุทธศาสนา มีพระอรหันต์ฝ่ายภิกษุณี คือ อุบลวรรณาเถรี ผู้เป็นเลิศด้านฤทธิ์ แต่ก็ไม่วายถูกหนุ่มแอบบุกเข้ามาเพื่อขืนใจ แม้ท่านจะมีปัญญาขนาดที่บอกทางพ้นทุกข์ให้กับหนุ่มคนนั้นว่า “เจ้าคนพาล เจ้าอย่าพินาศฉิบหายเลย” ถึงสองครั้ง ถึงจะเตือนสติกันแรง ๆ ก็ยังไม่สามารถหยุดความกำหนัดของหนุ่มคนนั้นได้ ทำบาปสำเร็จในที่สุด สุดท้ายหนุ่มคนนั้นก็ถูกธรณีสูบตายเพราะกรรมนั้น หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าจึงให้ภิกษุณีอยู่ในชุมชน เพราะถ้าห่างออกไปภายนอกจะถูกคนพาล คนบ้ากาม คนลามก เบียดเบียน ทำร้ายเอาได้
ที่ยกมานั้น จะนำมาเทียบให้เห็นว่า แม้ขนาดในยุคที่มีบุญกุศลสูงสุด แม้จะมีสัตบุรุษสูงสุด แม้จะเป็นผู้บรรลุธรรมขั้นสุด ก็ยังถูกคนพาลเบียดเบียนได้ ดังนั้น การจะหาความปลอดภัยในยุคสมัยที่เวลาได้ไหลไปสู่กลียุคอย่างรวดเร็วนั้นหาได้ยากยิ่งนัก ดังนั้นการที่เราดำรงอยู่ในยุคสมัยที่ศีลธรรมตกต่ำเช่นนี้ ยิ่งไม่ควรประมาท ไม่ประมาทว่าชีวิตจะไม่มีภัย ไม่ประมาทว่าสังคมหรือคนใกล้ตัวจะไม่ทำร้าย เพราะในยุคที่เจริญกว่า ในคนที่สูงกว่า ก็ยังโดนทำร้ายได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรประมาท
สังคมสมัยนี้ก็ไม่มีศีลธรรม ศาสนาก็อ่อนกำลังเพราะมีคนพาลเข้ามาแทรกเยอะ คนเลยหันไปพึ่งการมีครอบครัว เพื่อความปลอดภัย แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายก็โดนคนที่รักนั่นแหละ ทำร้ายจิตใจ หรือไม่ก็ร่างกาย อย่างเก่งก็ทุกข์แบบผ่อนส่ง ไม่ผาสุกตามหลักปฏิบัติของพุทธ แต่เป็นไปตามวิถีแบบโลกียะ
การจะอยู่รอดปลอดภัยในยุคนี้นั้น ยังต้องอาศัยธรรมะ คือปฏิบัติตนให้มีศีล ละ รัก โลภ โกรธ หลง ให้เบาบางลงโดยลำดับ แต่ทำตนเองให้ดีนั้นก็ไม่พอ เพราะสังคมมันโหดร้าย มันก็ต้องห่างไกลคนพาล ไกลคนชั่ว ไกลคนไม่มีศีล ถ้าเขาไม่เอาธรรมะ เขาก็ไม่เอาศีล ไม่เอาความดีเช่นกัน เขาก็ดีในแบบของเขา ดีในแบบที่เขายึด แต่มันไม่ดีในแบบที่มันปลอดภัย ดีแบบโลกีย์คือเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และส่วนใหญ่จะร้าย
ดังนั้นเมื่อห่างไกลคนพาลแล้ว ก็ต้องคบหากับกลุ่มคนดีที่มุ่งปฏิบัติดี เป็นหมู่บัณฑิต ก็สังเกตให้ชัดว่าพวกเขาพากันประพฤติตนเป็นโสดหรือฝักใฝ่ในคู่ครอง ถ้าพากันเป็นโสด ก็คือกลุ่มบัณฑิต แต่ถ้ามุ่งหาคู่ก็คือกลุ่มคนหลง ก็เลือกเข้าไปคบหาทำความคุ้นเคยแต่กับกลุ่มคนดี พึ่งพาเกื้อกูลกัน หาคนที่มีศีลเสมอกันหรือมากกว่า ถ้าต้องเข้ากลุ่มที่มีศีลต่ำ ให้พยายามหาคนที่มีศีลสูงกว่าจะดีกว่า แต่ถ้าหาไม่เจอก็หาครูบาอาจารย์ที่ควรเคารพก็ยังดี เพราะองค์ประกอบในการพ้นทุกข์ ก็จะมีครูบาอาจารย์ดี มีสหายดี มีสังคมที่ดี จะสร้างองค์ประกอบที่ปลอดภัยจากทุกข์ทั้งใจและกาย ทางกายก็ต้องเป็นไปตามวิบากของแต่ละคน แต่ทางใจนี่ฝึกอย่างมุ่งมั่นตามอาจารย์ที่สัมมาทิฏฐิ ก็จะสำเร็จผลได้โดยลำดับ
สรุป ดำรงชีวิตอยู่โดยห่างธรรม ไม่มีวันปลอดภัย มีแต่ภัยและทุกข์แสนสาหัส แต่ถ้าดำรงชีวิตใต้ธงธรรม ในขอบเขตพุทธ ลดกิเลสไปตามลำดับ ก็จะปลอดภัย แม้มีภัย แต่จะไม่ทุกข์มาก
7.2.2563
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์