Tag: เปลี่ยนแปลงชีวิต
ดอกไม้กับความรัก
ดอกไม้กับความรัก
ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยที่ผมยังเป็นเด็กประถม เด็กน้อยคนหนึ่งที่ชอบปลูกต้นไม้….
หน้าบ้านของผมมีพื้นที่โล่งๆ เป็นทุ่งกว้างแต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากกอหญ้าและวัชพืชทั้งหลาย พื้นที่ของมันกว้างขนาดมองทะลุไปอีกซอยได้เลยทีเดียว สำหรับเด็กคนหนึ่งนั่นคือสนามเด็กเล่นที่ใหญ่มาก
ผมใช้เวลากับทุ่งแห่งนั้นอยู่บ่อยครั้ง มีครั้งหนึ่งที่ผมไปเจอต้นไม้ต้นหนึ่ง หน้าตาไม่คุ้นสักเท่าไรนัก แต่สิ่งที่น่าสนใจของมันคือดอก เป็นช่อที่มีลักษณะแปลกประหลาดกว่าต้นหญ้าและดอกไม้ทั่วไปที่ขึ้นอยู่แถวนั้น บนพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้มีเพียงต้นนี้ต้นเดียว
เมื่อรู้สึกถูกอกถูกใจต้นไม้ที่มีดอกสวยแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็จึงเกิดความอยากได้ ผมจำได้ว่าสุดท้ายก็ไปขุดต้นไม้ต้นนั้นกลับมาใส่กระถางที่บ้าน ทั้งๆที่ระยะของต้นไม้กับบ้านห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร
แม้ว่าจะเป็นเด็กแต่ผมก็เคยเห็นดอกไม้มามากมายจากหนังสือ แต่ในหนังสือกับความจริงไม่เหมือนกัน พอเราเจอสิ่งที่แตกต่าง ไม่ทั่วไป ดูโดดเด่น เราก็มักจะสนใจสิ่งนั้น
สุดท้ายต้นไม้ที่มีดอกแปลกใจถูกใจผมต้นนั้น ด้วยความที่ไม่รู้วิธีดูแลหรืออาจจะขุดมาแล้วต้นบอบช้ำ ต้นไม้ก็ค่อยๆเหี่ยว ร่วงโรยและตายจากไปในที่สุด แน่นอนว่าผมเสียใจที่ต้องเสียมันไป
….เป็นเรื่องง่ายๆที่เข้าใจได้ไม่ยาก ผู้ใหญ่ก็คงจะมองว่าเอามาทำไม ปล่อยมันโตอยู่แบบนั้นก็ได้ดูทุกวันแล้ว ทำไมต้องเอามาครอบครอง มันก็เป็นแค่ต้นไม้ต้นหนึ่งในทุ่งกว้างเท่านั้นเอง ถ้าไม่อยากได้ก็ไม่ต้องขุด ต้นไม้ก็ไม่ต้องตาย อาจจะเติบโตและแพร่พันธุ์มากขึ้นก็ได้ แต่สำหรับผมในตอนนั้นมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ต้นไม้ต้นนั้นเป็นความหวัง เป็นความสุข เป็นทุกอย่าง
….ความรักก็เช่นกัน
แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าไม่น่าจะหลงและเมามายกับความรักได้ขนาดนี้แต่คนที่มีแต่ความอยากได้อยากครอบครองจนเต็มหัวใจ ต่อให้มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าเท่าไหร่ก็คงจะมองไม่เห็น หรือจะเรียกให้ถูกคือไม่อยากมอง อยากได้รักนั้นมาเก็บไว้กับตัวอย่างเดียว มองความรักเป็นเรื่องที่ต้องได้มา ต้องได้ครอบครอง ต้องได้เป็นเจ้าของโดยไม่สนใจผลจะเป็นอย่างไร ขอให้ได้พรากจากจุดที่เขาอยู่มาเป็นของเราก็พอ
ต้นไม้จะเติบโตและงดงามก็ต่อเมื่อมันอยู่ในจุดที่มันควรจะอยู่ คนก็เช่นกัน เขาหรือเธอจะสามารถแสดงคุณค่าและความหมายของชีวิตได้ก็ต่อเมื่อพบที่ที่ควรจะอยู่ สิ่งที่ควรจะทำ ซึ่งนั่นหมายถึงเขาจะต้องค้นหาความหมายเหล่านั้นด้วยตัวเอง มันไม่ได้หมายความว่าการที่เรามีสิ่งดี เป็นคนดี มีเงิน มีตำแหน่ง มีชื่อเสียง มีความรู้ มีธรรมะ แล้วจะสามารถนำใครเข้ามาในชีวิตได้เสมอไป
มันเหมือนกับที่ผมมั่นใจว่าจะดูแลต้นไม้ที่ขุดมาได้ ผมมีทั้งดิน ปุ๋ย น้ำ แสงแดด มีทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้มันเติบโตและงดงาม แต่ความจริงได้ทำลายความเชื่อของผมลงอย่างสิ้นเชิง ต้นไม้จะโตและงดงามได้ก็ต่อเมื่อมีปัจจัยที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่ามีมากจะดี แต่ต้องมีให้เหมาะสม
เช่นเดียวกับความรักความห่วงใย แม้ว่าเราจะมีสิ่งที่ดีมอบให้กับใครได้มากมายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะสม เขาจะมีความสุข อบอุ่น สบายใจก็ต่อเมื่อได้รับสิ่งที่เหมาะสมเท่านั้น เราไม่มีวันประมาณให้สิ่งใดเหมาะสมกับคนอื่นได้ถูกต้องเสมอไป
แต่ด้วยความอวดเก่ง อวดดี ยึดดีถือดี ก็มักจะคิดว่าฉันนี่แหละจะสามารถดูแลเขาได้ ฉันนี่แหละจะสามารถทำให้เขามีความสุขได้ ฉันนี่แหละจะทำให้เขาเก่งและเจริญก้าวหน้ายิ่งกว่านี้ได้ ฉันนี่แหละจะมาเป็นคนที่ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น … คนที่เห็นผิดจะมีความเข้าใจในแนวทางนี้
แท้จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องครอบครองใครเลย ไม่จำเป็นต้องนำใครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของชีวิต เพราะเขาเหล่านั้นก็ดำเนินชีวิตไปอย่างดีที่สุดที่เขาควรจะเป็นแล้ว การพยายามฝืนให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิตจะต้องพบกับทุกข์ ทุกข์ และทุกข์ที่ปนเปไปกับสุขลวงเล็กน้อยที่ทำให้เราเห็นว่าดี ได้รับแค่สุขน้อยทุกข์มาก สุขลวงทุกข์แท้
ถ้าเราไม่มีความอวดเก่งอวดดี ไม่ถือว่าเราเป็นคนสำคัญ เราก็คงจะไม่นำใครเข้ามาในชีวิต เราจะอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวว่าเราไม่สามารถเข้าไปทำให้ชีวิตของใครดีขึ้นได้จริงๆหรอก
เหมือนกับเรื่องของผมและต้นไม้ หากผมเองไม่มีความหลง ไม่มีความอวดเก่ง คิดไปเองว่าตัวเองจะดูแลต้นไม้ต้นนั้นได้ ก็คงจะระวังมากกว่านี้ คงไม่ไปขุดต้นไม้ต้นนั้นมาไว้ที่บ้านตัวเอง คงจะปล่อยต้นไม้ให้ออกดอกไปแบบนั้น คอยชมและดูแลมันอยู่ห่างๆตามที่มันควรจะเป็น ปุ๋ยที่เรามีก็สามารถเดินไปใส่ให้ต้นไม้ต้นนั้นได้ ใส่บนพื้นดินที่มันงอกอยู่ และเอาน้ำมารดบนพื้นดินที่ไม่ได้เป็นของเรา เพราะเราแค่เพียงอยากเห็นต้นไม้นั้นออกดอกงดงาม ไม่ได้อยากให้มันเป็นของเรา
ความรักก็เช่นกัน เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในชีวิตใครเลย ถึงแม้เราจะรักและห่วงใยเขาแค่ไหน เราก็เพียงแค่คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ คอยช่วยในแบบที่เขาเป็น ไม่ใช่แบบที่เราอยากให้เป็น ดูแลและแนะนำในบริบทของเขา ในความเข้าใจแบบของเขา อย่าพยายามเอาความรักและความดีไปทำให้เขาเปลี่ยนไป ถ้าเขาจะเปลี่ยนแปลงเพราะเห็นสิ่งที่ดีในตัวเราเขาก็จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาเอง
ถ้าเขาเห็นว่าความคิดที่เขามี ชีวิตที่เขาเป็น หรือสิ่งที่เขาเชื่อมั่นนั้นไม่ได้ทำให้เขาเป็นสุขหรือทำให้ชีวิตดีขึ้น และเห็นว่าความรักความห่วงใยที่เรามอบให้นั้นเป็นสิ่งที่ดี เขาก็จะมารับจากเราเอง ถ้าเราคือที่ที่เขาจะสามารถเติบโตได้ดีที่สุด เขาก็จะมาเอง
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยินดีมารับความรักและความห่วงใยจากเรา ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรับเขาเข้ามาไว้ในชีวิต เพราะรู้ดีว่าเขาจะเติบโตขึ้นได้ก็เพราะตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะตัวเรา การเอาตัวเขามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราจะทำให้เขาไม่เติบโตตามที่เขาควรจะเป็น
ดังที่กล่าวมาทั้งหมด จึงให้ความหมายของความรักนั้นว่า การยินดีที่จะให้โดยที่ไม่ครอบครอง ให้แต่สิ่งที่ดีโดยที่ไม่หวังผล ยอมไม่เอาสิ่งใดกลับมา ยอมแม้แต่จะไม่ได้รับคำขอบคุณ ยอมแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นคุณค่า ยอมแม้ว่าจะไม่มีเราอยู่ในความทรงจำของเขา ยอมแม้แต่จะไม่มีโอกาสได้ให้สิ่งดีๆเหล่านั้น
…..จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยเห็นต้นไม้ต้นนั้นอีกเลย มันกลายเป็นแค่อดีต กลายเป็นแค่ความทรงจำ ให้เราได้เรียนรู้ว่าเราไม่ควรจะหยิบฉวยสิ่งใดมาเป็นของตนเลย …ความรักก็เช่นกัน
– – – – – – – – – – – – – – –
9.2.2558