Tag: อิจฉา

อย่าแต่งงานเลย อยู่เป็นสมบัติของชาติเถอะ!

January 2, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 761 views 0

มานึกออกวันนี้ ได้ยินมาก็นาน เวลาที่เพื่อนผู้หญิงในเฟสบุคเขากล่าวถึงสามีแห่งชาติอะไรประมาณนี้แหละ เป็นคำที่มักจะได้ยินอยู่บ่อย ๆ

ถ้าเป็นคนที่มีคนรักมาก ๆ ก็ไม่มีใครอยากจะให้เขาไปเป็นของใครคนใดคนหนึ่งหรอก ใครก็ฝันอยากจะได้เขาคนนั้นมาเป็นคู่ทั้งนั้น(แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อยากฝัน) แล้วถ้ามีคนอื่นได้ไปแล้ว แต่เราไม่ได้ ก็มักจะอิจฉาตาร้อนกัน

พวกดาราก็เป็นตัวอย่างที่ยกมาให้พอเห็นภาพ พอมาชีวิตจริง คนที่คนอยากได้กันมาก ๆ อันดับแรกน่าจะคนหน้าตาดี คนรวย . . . ส่วนคนดีน่าจะเป็นฟังชั่นท้าย ๆ ที่เขาเลือก

ทีนี้คนที่มีดีมาก ๆ ก็ต้องมีคนอยากได้หลายคน มันก็จะแย่งกัน แม้จะแย่งกันในใจแต่มันก็ยังเป็นทุกข์อยู่ สมมติว่าเราไปชอบสาวสวยคนหนึ่ง แล้วมีผู้ชายมากมายมาจีบ มันก็จะมีอาการร้อนรนเป็นธรรมดา

แต่ถ้าสาวสวยคนนั้น ประกาศว่าจะตั้งตนเป็นโสดไปทั้งชาติ ให้เลิกหวัง อันนี้เขาก็โล่งใจไปหนึ่งเปราะ เพราะเหมือนจะมีธรรมมากั้นคู่แข่งไว้ ที่เหลือก็มีแค่ความโง่ส่วนตัวแล้วที่จะไปหวังเอาชนะใจเขา ถ้าเลิกเอาชนะ มันก็พ้นทุกข์ ถ้ายังไปเอาชนะอยู่มันก็ทุกข์ทั้งสองฝ่าย

จะเห็นได้ว่า แม้เราจะมีองค์ประกอบที่ดีเลิศ เช่น เกิดมาหน้าตาดี มีฐานะดี การศึกษาดี การงานดี แต่ถ้าเราไม่ใช้องค์ประกอบเหล่านั้นในการล่อลวงคน เขาก็จะไม่เป็นทุกข์ หรือเป็นทุกข์น้อย แต่ถ้าเรายิ่งยั่ว ยิ่งอ่อย นี่มันจะไปกันใหญ่ เขาจะร้อนรน กระสันอยากได้เรา มันก็เป็นวิธีของคนฉลาด(กิเลส) ที่จะยั่วเย้าให้คนเข้ามาหลงตนเองมาก ๆ แล้วเลือกเอาแต่ที่ถูกใจ

ก็ยังเป็นมิจฉาชีพอยู่ เพราะมีการเลี้ยงชีพ(การทำให้ชีวิตดำรงอยู่) ด้วยทางที่ผิด คือมีการล่อลวงคนอื่นเขา ด้วยองค์ประกอบที่เรามี เช่น อบายมุข กาม โลกธรรม อัตตา มันก็จะพากันไปทุกข์ในท้ายที่สุด

ถ้าคนบำเพ็ญคุณความดีมาหลาย ๆ ชาติ จะมีองค์ประกอบดี ๆ ทั้งหลายเกิดขึ้นในตนเอง เอาไว้ให้โลกได้เสียดายเล่น ๆ แต่จริง ๆ คือเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างนั่นแหละ ว่าหน้าตา การศึกษา ฐานะ ฯลฯ ไม่ใช่สิ่งที่จะพาให้พ้นทุกข์ได้เลย พอเข้าใจอย่างนั้นเราก็จะไม่เอาสิ่งเหล่านั้นไปล่อลวงใครให้หลงตามที่เรามี

มันก็จะเป็นไปของมันอยู่แบบนั้น คือมีอยู่นะ หน้าตา ฐานะ การศึกษา ฯลฯ แต่จะไม่เป็นโทษต่อใคร จะมีแต่ทำประโยชน์ให้เขา ไม่ล่อลวงเขา

การยั่ว การอ่อย การทอดสะพาน ฯลฯ สารพัดการดึงดูดความสนใจนั้นยังเป็นพฤติกรรมล่อลวงอยู่ ยังหาเหยื่ออยู่ ต้องหาคนที่เขาหลงมาเสพ คือหาคนโง่กว่าเข้ามาในชีวิตตนนั่นแหละ เพราะคนที่เขามีปัญญามากกว่า เขาไม่ติดกับอะไรพวกนี้อยู่แล้ว มันเลยต้องอาศัยอบายมุข กาม โลกธรรม อัตตา นี่แหละ เป็นเหยื่อล่อ

ถ้าไม่มีพฤติกรรมเหล่านี้ มันก็จบ ก็ปล่อยคนเขาอยู่ของเขาไป ให้หลงไปตามธรรมของเขาไป แต่อย่าให้เขามาหลงเพราะเราเป็นเหตุ

เราก็อยู่ให้เขาดู เป็นสมบัติของชาติ เป็นของสาธารณะ เป็นอิสระ ไม่ผูกมัด เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นอย่างแท้จริง เพราะไม่เบียดเบียนใคร และไม่ล่อลวงให้ใครมาเบียดเบียนเรา

เอาเวลาไปช่วยเหลือเกื้อกูลผู้คนจะดีกว่า คิดดู ถ้าตั้งใจบำเพ็ญตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว แก่ไปบารมีจะมากขนาดไหน คนดี คนมีน้ำใจ สังคมเขาไม่ปล่อยให้อดอยากแห้งตายไปเปล่า ๆ หรอก เขาจะรักษาไว้ เพราะเขาได้ประโยชน์จากการทำดีของเรา

ถ้าเขาปล่อยตายก็ดีเหมือนกัน จะได้ทำเป็นตัวอย่างให้โลกเห็น จะได้แสดงธรรมในหมวดการปล่อยวาง ว่าการทำดีที่จริงนั้น ไม่ได้หวังให้ใครมาตอบแทน ไม่ได้หวังให้ใครมาเข้าใจ ผาสุกทั้งตอนทำ และมีความผาสุกเป็นผลสืบเนื่องต่อไป

อย่าไปแต่งงานเลย อยู่เป็นโสดเป็นสมบัติแก่โลกนี้เถอะ บัณฑิตในยุคนี้มีน้อยเหลือเกิน พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า คนที่เขาประพฤติตนเป็นโสด เขาก็รู้กันว่า ก็มีแต่บัณฑิตนั่นแหละ