Tag: ประพฤติตนเป็นโสด

วิธีป้องกันนารีพิฆาต(เท่าที่รู้)

June 26, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,264 views 0

จะว่ากันถึงวิธีการที่จะกันตัวเองร่วงลงไปถึงขั้นลงหลักปักฐานแต่งงานแต่งการ สำหรับชายที่ตั้งใจประพฤติตนเป็นโสด ต้องการแสวงหาทางเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมให้กับตนเอง ก็จะมาแบ่งปันเท่าที่ได้ศึกษามา

สรุปกันง่าย ๆ ก่อนว่า ถ้าจะกันให้ได้ 100 % นั้นก็ต้องล้างกิเลสในหมวดความอยากมีคู่ให้เกลี้ยง ถ้าเกลี้ยงก็จบ แต่มันก็ไม่ง่าย จึงต้องมีลำดับการปฏฺิบัติ

1.จนเข้าไว้

พระพุทธเจ้าตรัสถึงชาดกตอนหนึ่งว่า ” หญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวัง เห็นทรัพย์ของบุรุษที่ควรจะถือเอาได้ เมื่อนั้น ก็ใช้วาจาอ่อนหวานชักนำบุรุษไปได้ เหมือนชาวกัมโพชลวงม้าด้วยสาหร่ายฉะนั้น เมื่อใด หญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวัง ไม่เห็นทรัพย์ของบุรุษที่ควรถือ เอาได้ เมื่อนั้น ย่อมละทิ้งบุรุษนั้นไป เหมือนคนข้ามฟากถึงฝั่งโน้นแล้วละทิ้งแพไป ฉะนั้น” (กุณาลชาดก)

ความจนจะคัดผู้หญิงขี้โลภที่มุ่งหวังทรัพย์ของเราออกไปก่อน เรียกว่าตัดตัวเวรตัวกรรมออกไปได้เยอะ เขาอาจจะชอบเรา แต่เขาจะไม่ลงเอยกับเรา ความจนจึงเป็นเกราะชั้นต้น ซึ่งผู้ชายโดยมากมักจะทำตัวรวยเพราะสามารถดึงผู้หญิงมักมากเข้ามาหาตนได้เช่นนั้นเอง

จากประสบการณ์ ความจนจะกันได้ประมาณหนึ่ง แต่สุดท้ายจะมีผู้ท้าชิงที่ไม่สนใจความจนความรวยหลุดมาได้อยู่ดี

2.ถือศีล ๕ ให้เข้ม

ศีลจะเป็นเกราะคุ้มกันอย่างดี คำว่า “เข้ม” ในการถือศีล คือมีการยกระดับของศีลให้ละเอียด เบียดเบียนน้อยลงไปเรื่อย ๆ เช่นข้อ ๑ ไม่ฆ่าแล้วก็ยังเลิกกินเนื้อสัตว์ สนับสนุนให้เลิกฆ่าเลิกกิน ก็จะคัดคนร้าย ๆ ออกไปได้เยอะ ข้อ ๒ ก็อย่าไปขโมยโอกาสของใครมา คือเจอหญิงแล้วอย่าออกอาการ แบบหมากระดิกหาง อย่าไปทำตัวเด่น แย่งความสนใจจากใคร ให้คนอื่นเขาเล่นบทของเขาไป

ข้อ ๓ คือไม่วิสาสะ คือไม่ทำตัวสนิทสนิมกับหญิงที่มีคู่อยู่แล้ว เพราะเขาจะชักนำผู้ท้าชิงหรือปัญหาอื่น ๆ เข้ามา ก็จะลดโอกาสพลาดได้เยอะ หญิงมีคู่นี่เขาจะรู้มาก เขาจะจับจุดอ่อนเราได้ไว เราจะพลาดได้ง่าย ข้อ ๔ คือไม่พูดหยอกล้อ ไม่เกี้ยวพาราสี ไม่จีบเขา เพราะเป็นคำเพ้อเจ้อ ล่อลวง ข้อ ๕ ในระดับหยาบ ๆ ก็ไม่ไปที่อโคจรให้ต้องเจอคนที่จัดจ้านเกินไป

แม้ถือศีลได้แค่ควบคุมกาย ก็จะป้องกันได้มากแล้ว นับประสาอะไรกับศีลถึงใจ แต่เอาจริง ๆ ศีล ๕ ทั่วไปก็กันนารีพิฆาตไม่อยู่หรอก

3.หามิตรดี มีศีล ๘

จะเอาตัวรอดได้ ต้องมีพันธมิตร คือมิตรดี คอยช่วยยกระดับปัญญาและกำลังใจของเรา เพราะฐานคนโสดที่ปฏิบัติได้อย่างผาสุกจริง ๆ จะเป็นฐานศีล ๘ ขึ้นไป ศีล ๕ จะยังรุ่มร้อนจากไฟรักเผาใจอยู่

การคบมิตรดี คือคอยปรึกษา ถามปัญหา เกื้อกูล ช่วยเหลือ ตั้งใจปฏิบัติตาม เพื่อสร้างปัญญา กำลังใจและวิบากดีสะสมไปเรื่อย ๆ

ถ้าจะพอคบได้คือคนที่พยายามปฏฺิบัติตนเป็นโสด จะไม่ทำให้ตกร่วงไปมากกว่าฐานเดิม จะให้ดีคือคบหาคนที่เป็นโสดได้อย่างผาสุกจะทำให้เจริญขึ้น ส่วนคนที่หมกมุ่นในเรื่องคู่ หรือมีทัศนคติไปในทางที่ไม่เห็นโทษภัยในการมีคู่ ไม่ต้องไปคบ เพราะจะทำให้เสื่อมลงกว่าเดิม

4.รู้ทันมารยาหญิง

ถ้าเราโดนนารีพิฆาต หรือตกหลุมรักผู้หญิง แสดงว่าเราไม่ทันมารยาของเขา บางทีเขาไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่สวย เราก็ยอมตกหลุมนรกรักแล้ว

รูปสวยคืออาวุธอย่างหนึ่งของผู้หญิงที่จะใช้ปราบผู้ชาย รูปคือสิ่งที่เห็น สวยคือ ดีงามตรงตามอุปาทานที่เรายึดไว้ เอาง่าย ๆ ก็ที่เขาโชว์รูปสวยกันทุกวันนี้นี่แหละ ไม่ได้มีสาระอะไรเลย นอกจากจะโชว์ “รูป” ของเขา ก็เป็นการหว่านแบบกว้าง ๆ ไม่ได้เจาะจง อันนี้ด่านต้น ๆ มารยาหญิงยังมีอีกมาก

นิสัยดี คืออาวุธอีกอย่าง นิสัยคือสิ่งทีแสดงออก ดี คือดีงามตามอุปาทานที่เรายึดไว้ เขาก็จะแสดงสิ่งที่เขาว่าดีนั่นแหละ เดี๋ยวเราก็ตกหลุมลงไปเอง ไม่โดนคนนั้น ก็โดนคนนี้ โลกนี้มีผู้หญิงมากมาย เดี๋ยวมันจะต้องเจอนิสัยดีตรงใจมาลากลงหลุมไปสักคนนั่นแหละ

เราจำเป็นต้องรู้จักการรุกและรับของผู้หญิง รู้ว่าตอนนี้เขาเข้ามาแล้วนะ รู้ว่าตอนนี้เขากำลังต้อนเราเข้าคอกของเขานะ วิธีป้องกันก็ไม่มีอะไรมาก แค่ไม่เล่นไปตามเกมของเขา เดี๋ยวเขาหมดความมั่นใจ เขาก็ไปยุ่งกับคนอื่นแทนเรา ถ้าเราพลาดเขาก็จะยิ่งรุก รับ ล่อ หนักข้อขึ้น มันจะพันใจ หลุดยากขึ้นไปเรื่อย ๆ

ความอ่อนของผู้หญิงคือธาตุที่อันตราย โดยค่ารวม ๆ ผู้ชายคือความแข็ง ผู้หญิงคือความอ่อน สิ่งที่ผู้หญิงส่วนมากถนัดที่สุดคืออ่อน ออดอ้อน อ่อนแอ ออเซาะ พึ่งพิง ไม่ชัดเจน ไม่หนักแน่น โลเล และยอมแพ้ กระตุ้นต่อมอัตตาของผู้ชายที่เป็นสายแข็ง หลงกลเขา เหมือนไปเจอลูกแมวน่าเอ็นดูแล้วไปเก็บมาเลี้ยง

สุดท้ายจะแพ้เขา ตรงที่เขาทำเป็นแกล้งยอมแพ้นี่แหละ เราก็จะหลงไปว่าเป็นผู้ชนะ ที่ไหนได้ ตกหลุมตามแผนเขาเป๊ะ ๆ

ข้อนี้พักไว้แค่นี้ ถ้าจะขยายจริงมันจะยาวมากกกกกก ย่อไว้เท่านี้แล้วกันครับ

5.รู้ทันตัวเอง

ก็รู้จักกิเลสตัวเองนั่นแหละ ให้ศึกษากิเลสตัวเอง หลงติดหลงยึดอะไร เรื่องไหน ประเด็นไหนที่ทำให้อยากมีคู่ หรือประเด็นอะไรที่ทำให้รู้สึกใจอ่อน พลาดพลั้งได้ หรือเห็นด้วย เห็นดีกับความพลาดท่าเสียทีด้วยลีลาต่าง ๆ

จับได้ก็พิจารณาเหตุของมันให้ชัด ๆ แม่น ๆ เจาะลงไป อยากได้อยากเสพอะไร จับให้ชัดประเด็น เป็นเรื่อง ๆ ทีละเรื่อง แล้วก็ใช้ธรรมที่ศึกษามา ปรับใจให้มันถูก โดยปกติแล้วจิตมันจะไปตามกิเลส ต้องใช้ธรรมะพระพุทธเจ้าหรือครูบาอาจารย์มาเทียบ มันจะเห็นส่วนเกิน นั่นคือกิเลสที่ต้องกำจัด การกำจัดคืออบรมจิตให้เห็นโทษชั่ว ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ความไม่มีสาระหรือตัวตนของสิ่งนั้น อุดรูรั่วไปเรื่อย ๆ สักวันปัญญามันจะเต็มของมันเอง ถ้ารู้จักตัวเองหมด จะป้องกันมารยาหญิงทั้งหมดได้

…ถือว่าเรื่องนี้พิมพ์แบบ sketch กันไปก่อน ร่างกันไว้คร่าว ๆ แต่คิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์กับหนุ่ม ๆ ทั้งหลายครับ ผู้หญิงก็อ่านแล้วไปปรับใช้กันเอา มีประเด็นไหนสนใจก็ถามเพิ่มได้ครับ

คู่ดี ให้ฟรี แถมเงิน บ้าน รถ ยังไม่เอาเลย

June 19, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 641 views 0

พอปัญญามันเต็มรอบในเรื่องใด ๆ เนี่ย เราจะเห็นโทษของมันชัดเจน ขนาดที่ว่าเอาสินบนมาล่อขนาดไหนก็จะไม่ยอมทำตามกิเลส

เรื่องคู่ก็เช่นกัน คนเขาก็อยากได้คู่ดีนะ ยอมเสียเงินเสียเวลา ทุ่มเทให้กับเรื่องคู่

แต่ถ้าคนที่มุ่งประพฤติตนเป็นโสดจนได้มรรคผลตามลำดับ จะเริ่มเข้าใจได้ว่า การที่จะไปแสวงหาคู่ที่ดีหรือไม่ดีนั้นมันเป็นทุกข์ เพราะแค่ป้องกันผู้ท้าชิงที่เข้ามาก็เมื่อยหัวมากพออยู่แล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาจีบหรือเกี้ยวพาราสีใครหรอก ป้องกันให้อยู่ก็พอ

คนทั่วไปเขายอมสารพัดเสียเพื่อให้ได้คู่มา แต่ถ้าเราปฏิบัติธรรมได้ดีมันจะกลับหัวเลย คือต่อให้เขายัดเยียดให้เราได้สารพัดได้ แถมคู่ดีให้ด้วย เราก็ยังไม่เอาอยู่ดี

พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีรัก 100 ทุกข์ 100 มีรัก 1 ทุกข์ 1 ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย และคนไม่มีรักนี่แหละสุขที่สุด

คนที่ไม่ล้างกิเลสจะไม่เข้าใจระยะห่างระหว่างทุกข์ 1 กับไม่มีทุกข์ ซึ่งความจริง มันทุกข์มาก มากขนาดที่ว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยแนะนำให้ใครไปมีคู่เลย มีแต่แนะนำให้เห็นทุกข์จากคู่ เพราะแม้ว่าจะเป็นทุกข์ 1 มันก็เป็นทุกข์ที่มากอยู่ดี

คนที่ไม่รู้เขาก็ประมาทตรงนี้แหละ เขาเข้าใจว่า ก็แค่รัก 1 หน่วย คงไม่ทุกข์อะไรมาก แต่สาวกจะเข้าใจอีกอย่างคือ ทุกข์ตั้ง 1 ทำไมต้องไปแบกมาใส่หัวให้โง่ด้วย

ดังนั้นทิศทางของพุทธสาวก คือการสลัดออกไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่การเอาเข้ามา แม้จะทำไม่ได้ในทีเดียวก็จะค่อย ๆ เฉือนความเห็นผิด เอาความหลงผิดออกไปเรื่อย ๆ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ตั้งใจปฏฺิบัติจนหมดทุกข์ ไม่ใช่เหลือทุกข์ไว้ให้หนักหัว

เรียนรักให้ถูกสัมมาทิฏฐิ

May 19, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 576 views 0

กิเลสคืออำนาจที่เลวร้ายที่สุด ครอบงำ บิดเบือน สร้างความเข้าใจกลับหัวกลับหาง อยากผาสุกแต่กลับทำทุกข์ พาให้ฉลาดในทางโลก คือหาทางเสพให้ดูดีดูน่ายกย่อง คือทำคนให้เป็นคนโง่ที่ดูฉลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ความรักก็เช่นกัน ในยุคปัจจุบันนี่ก็เรียกว่าเละเทะแล้ว มีธรรมประยุกต์มากมาย แต่ก็ไม่ได้อ้างอิง ไม่ได้เข้ากันกับหลักฐานในพระไตรปิฎก ไม่ได้ไปในแนวทางเดียวกัน เรียกว่ากล่าวกันแล้วเหมือนธรรมที่ดูเท่ ดูปล่อยวาง ดูฉลาด แต่กลับหัวกลับหางกับพุทธะโดยสิ้นเชิง

เป้าหมายของพุทธไม่ใช่ความหยุดอยู่ ความตั้งอยู่ ความดำรงอยู่ แต่เป็นการชำระโดยสิ้นเชิง นั่นหมายความว่า จะไม่มีคำสอนใด ๆ ที่ให้หยุดชีวิตไว้ที่ความรัก หรือให้หยุดพักที่การมีคู่

คำตรัสที่ว่ามีรักร้อยก็ทุกข์ร้อย ไม่มีรักเลยไม่ทุกข์เลย คำความเหล่านี้คือตัวบอกจุดหมายของการปฏฺิบัติธรรมในศาสนาพุทธ คือให้เข้าถึงความพ้นทุกข์สูงสุด มีธรรมสูงสุดเป็นเป้าหมาย

คือให้ปฏิบัติสู่ความไม่มีทุกข์เลย ไม่ใช่หยุดอยู่ในสภาพเทวดา สภาพทาสที่คอยเสพสมใจตามกิเลสที่ได้มุ่งหมาย หรือสภาพที่ไร้อำนาจต่อต้านเพศตรงข้ามต้องยอมสยบไว้ใต้เท้าเขา

ดังนั้นเป้าหมายของสาวกที่จะเจริญ คือควรจะประพฤติตนเป็นโสดให้ได้สำเร็จ สมบูรณ์ทั้งรูปและนาม ส่วนจะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง คือพยายามแล้วมันไปไม่ถึงก็ยังดีกว่าไม่พยายาม

ไม่ใช่ว่าให้ความสำคัญกับการมีคู่ การมีคู่จะพาเจริญ หรือการมีคู่ดีจะขัดเกลากัน อันนี้ไม่ใช่ มันคือเฉโก ความลามกของกิเลสคือพาให้คนหลงเสพโดยมีความคิดเท่ ๆ มาแปะป้ายไว้ให้ดูดี ดูฉลาดปราดเปรื่อง แต่จริง ๆ กลิ่นกามนี่เหม็นคลุ้งเลย

การมีคู่มันจะมีอะไรดี มันก็มีแต่เรื่องเบียดเบียนกันเท่านั้นแหละ คนมีปัญญาเขาจะเข้าใจได้ง่าย ๆ เลยนะ ดังเช่นว่ามีคู่แล้วก็ต้องไปนอนเตียงเดียวกันให้มันนอนลำบากทำไม? ให้มันเบียดกัน ให้มันหลับยาก อันนี้คือความโง่ของกิเลสที่พาให้คนหลงยึด ผูกกันไว้ เข้าใจว่านอนเตียงเดียวกันคือความสุข จริง ๆ นอนเตียงใครเตียงมัน ห้องใครห้องมันนี่จะหลับสบายกว่า จริง ๆ ไม่มีอะไรหรอกนอกจากเรื่องการสมสู่ การมีคู่ก็มีเหมือนซื้อบริการทางเพศแบบเหมานั่นแหละ เอาไว้ใกล้ ๆ ตัว จะได้เสพง่าย ๆอยากเมื่อไหร่ก็เสพได้เลย ก็เป็นการขายตัวอย่างถูกจารีตแบบหนึ่ง แต่ไม่ถูกธรรม คือไม่พาพ้นทุกข์

เรื่องพวกนี้คนเขาก็ไม่พูดกันหรอก เขาก็พูดกันแต่มุมพาเจริญ ส่วนมุมสกปรก ที่มันเน่า ๆ เละ ๆ เขาก็เก็บมันไว้ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร เป็นเรื่องธรรมดา

มันก็ใช่ถ้าจะบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติสู่ความพ้นทุกข์หรอก ไม่ได้ศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่ได้มุ่งหวังมรรคผลใด ๆ ก็อยากแค่ใช้ชีวิตบำเรอกามตนอย่างเต็มที่ ใครจะว่าอย่างนั้นก็คงจะไม่ขัดศรัทธากัน

แต่ถ้าจะมาบอกว่าการมีคู่คือเรื่องดี พาเจริญอะไรนี่ ก็บอกตรง ๆ ว่าต้องวิจารณ์ไว้ เพราะเห็นใจคนอื่นที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วมาเจอธรรมลามกพวกพาหลงในรสรัก เขาจะเสียเวลามาก อุตส่าห์เกิดมาเป็นคน ได้มีพระพุทธศาสนาประกาศอยู่ ยังจะมาเจอพวกมิจฉาดักตีหัว เหมือนไปเที่ยวต่างประเทศแล้วโดนทัวร์โจรดักตีหัวพาเที่ยวนรกยังไงอย่างนั้น

ทุกวันนี้มิจฉาธรรม มันก็เยอะมากพออยู่แล้ว ใครรู้ตัวก็อย่าพยายามเพิ่มอีกเลย แค่เจอสารพัดนักเขียนชื่อดังประกาศธรรมที่ยินดีในคู่ก็พาคนฉิบหายมากอยู่แล้ว ไม่ต้องเพิ่มหรอก เพราะมันไม่พาเจริญ

พระพุทธเจ้าตรัสไว้มิจฉาทิฏฐิ ปิดบังไว้จะเจริญ เปิดเผยไม่เจริญ ดังนั้นถ้ายิ่งพยายามเผยแพร่มิจฉาทิฏฐิในเรื่องคู่มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ความเสื่อมเกิดมากเท่านั้น ทั้งตนเองและผู้อื่นนั่นแหละ

มาจับที่มีหลักฐานกันชัด ๆ ไปขยายดีกว่า เอาอันนี้ “ไม่มีรัก ไม่มีทุกข์” ไปขยายกัน ไปทำความเข้าใจกันดี ๆ อย่าไปเอาเป้าหมายที่มันนอกกรอบ นอกขอบเขตพุทธ ถ้าไปเอาที่มันนอกรีตมันจะไม่พ้นทุกข์ เอาที่มันอยู่ในกรอบ ในจารีต ในวิถีพุทธมันจะเจริญ

พระอริยะชั้นสูง ๆ ท่านไม่เอาเรื่องคู่ทั้งนั้นแหละ เธอไปทาง ฉันไปอีกทาง พระมหากัสสปะเถระเป็นอีกท่านที่บำเพ็ญบารมีตามพระพุทธเจ้า เรื่องราวที่ท่านปฏิบัติในเรื่องคู่นี่ลอกพระพุทธเจ้ามาชัด ๆ เลย บทเดียวกันแต่เปลี่ยนคนแสดง พอท่านรู้ตัวว่ามีสิ่งเจริญกว่าท่านก็ให้เมียไปทาง ท่านก็ไปอีกทาง ไม่มีหรอกจะมามัวปะปนกันอยู่ อย่างคนโลก ๆ อันนั้นบางทีเขาก็มั่วนิ่ม จริง ๆ ก็ยึดมาก แต่ฉลาดในการพูด มันก็ดูเหมือนจะดี แต่ถ้าจะเทียบสภาวะจริง ๆ ก็มีพระพุทธเจ้ากับพระมหากัสสปะอยู่แล้ว ก็เทียบจากตัวอย่างที่ดีไป อย่าไปทำตามตัวอย่างที่ไม่ดี

ประพฤติตนเป็นโสด ทั้งรูป ทั้งนาม

May 19, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 598 views 0

บทความก่อนมีคำว่าโสดทั้งรูปทั้งนาม ก็นึกถึงตัวเองสมัยศึกษาธรรมใหม่ ๆ บางทีก็งงศัพท์ ว่าไอ้คำที่ว่า มันหมายความว่ายังไง มันเป็นยังไง ก็เลยเอามาลองพิมพ์ให้อ่านกัน

โสดทั้งรูป

คืออยู่เป็นโสดนั่นแหละ ตั้งตนอยู่เป็นโสดให้ได้ ให้นิ่งเลยเลย ไม่แสดงท่าทีหวั่นไหว ไม่ไหวติง มีสาวมาอ่อย มีหนุ่มมาเกี้ยวก็ไม่ออกอาการหวั่นไหว อันนี้คือทำรูปให้เป็นโสดได้

ไม่ใช่ว่าเป็นโสดแล้วแส่หานะ ไปแจกขนมจีบเขาไปทั่วอันนี้ไม่ใช่ มันต้องนิ่งพอจะทน ถ้ามีหนุ่มสาวเขามาทักทาย มาหยอกล้อ ก็ไปเล่นกับเขา ไปยุ่งกับเขาแบบล้น ๆ เกิน ๆ คือมีอาการดีใจ เหมือนหมากระดิกหางเวลาเห็นคนให้อาหาร อันนี้ไม่ดี อาการเหล่านี้ต้องเก็บให้อยู่ ให้รูปสวยไว้ก่อน ถ้ายั่วขึ้นรูปไม่สวย ถ้ายั่วแล้วยังไม่ออกอาการเรียกว่ารูปสวย

ส่วนคนมีคู่นี่รูปเขาไม่สวยอยู่แล้ว เป็นวิบากกรรมของเขาที่ต้องแบก บางคนมีคู่มาก่อนเจอธรรมะ มันก็ช่วยไม่ได้ มันก็ต้องยอมรูปไม่สวย แต่สามารถทำนามให้สวยได้

โสดทั้งนาม

นาม คือ นามธรรม คือใจนั่นแหละ เอาใจให้เป็นโสดให้ได้ แม้โสดโดยรูปธรรมเราจะเก๊ก ๆ อยู่บ้าง แม้ไม่ออกอาการแต่ใจยังหวั่นไหว ก็ยังดี แต่จะดีกว่าถ้าใจไม่หวั่นไหว

การที่ใจไม่หวั่นไหว ในการไปชอบคนนู้น ไปรักคนนั้น มันก็ต้องล้างกิเลส อันคือความอยากในการมีคู่เสียให้หมด ถ้าล้างหมดมันจะไม่มีอาการอยากแล่บออกมา

ซึ่งอาการอยากนี่แหละที่ทำให้รูปไม่สวย ถึงแม้จะกดไว้ อดทนไว้ แต่กิเลสมันเต็มอก วันหนึ่งมันก็จะล้นทะลักออกมาเป็นอาการล้น ๆ เกิน ๆ ในการปฏฺิบัติต่อบุคคลที่ชอบอยู่ดี

การเป็นโสดโดยนามนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนและศึกษากับผู้รู้จริง เพราะถึงขั้นล้างกิเลส มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำเก๊กกันได้ มันต้องรู้ ต้องเข้าใจ ต้องขุดรากของความหลงออกมา ให้หมดแบบถอนรากของโคน มันถึงจะเป็นโสดได้อย่างผาสุก

โสดโดยนามธรรมนี่ ก็สามารถปฏิบัติได้ทั้งคนโสดและคนมีคู่ ก็ล้างกิเลสหมวดเดียวกันนั่นแหละ คือความอยากมีคู่ ความยินดีในการมีคู่ การเห็นความสำคัญในการมีคู่ การให้คุณค่าในการมีคู่จนสร้างตัวตน หรืออัตตาขึ้นมาว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้จริง สิ่งนี้สุข สื่งนี้เท่านั้นคือเป้าหมาย เราก็ต้องทำลายตัวนี้

ถ้าโสดโดยนามได้จริง คู่จะไม่มีความสำคัญอีกต่อไป จิตมันจะไม่ให้ความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นคุณค่า เป็นสิ่งดี แต่จะเป็นเพียงสมมุติโลก เป็นคนคนหนึ่ง ไม่พิเศษ คนโสดก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะโสดอยู่แล้วก็เบาสบายต่อไป ส่วนคนคู่ก็เลือกปฏิบัติเอาเท่าที่เป็นกุศล เพราะถ้าบาปไม่มีแล้ว ที่เหลือก็แต่ประมาณกุศลเท่านั้นว่า กุศลอันไหนดีกว่า

คือจะเลิกหรือไม่เลิกตอนไหนก็ได้ มีอิสระในการตัดสินใจ ให้เลิกเดี๋ยวนั้นก็เลิกได้เลย โดยเฉพาะอีกฝ่ายเปิดทางนี่จะไม่ขัดเลย จะยินดี ยอมเป็นหม้าย ยอมให้เขาทิ้ง ยอมให้มีคนอื่นมาพรากไปอย่างสบายใจ แม้จะยังอยู่ในสถานะคู่ ก็จะคิดอยู่นั่นแหละว่าจะทำยังไงหนอ ถึงจะพ้นสถานะนี้ได้อย่างไม่เป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่นมาก จิตจะมีอิทธิบาทในการทบทวนเพิ่มปัญญาในการออกจากสถานะคู่ไปเรื่อย ๆ ไม่แช่อยู่ ไม่หยุดหรือจมอยู่ แต่จะพยายามออกเพราะรู้ว่าเป็นสถานะที่เป็นอกูศล เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี พอวิบากร้ายที่เคยทำมาหมด ปัญญาถึงรอบ ก็จะมีวิธีการพูด มีกุศโลบายที่จะอธิบายเขาให้เข้าใจ หรือ มีคนมาเจาะช่องให้ออกได้เอง ถึงตอนนั้นก็วิ่งออกอย่างเริงร่าเหมือนคนวิ่งเข้าเส้นชัยได้คนแรกได้เลย

สุดท้ายก็จะกลายเป็นคนโสดอย่างผาสุกทั้งรูปทั้งนามได้ในที่สุด