Tag: ชื่อเสียง
ฉันดีพอ..กับเธอแล้วหรือยัง?
ฉันดีพอ..กับเธอแล้วหรือยัง?
คนเราเมื่ออยากจะได้บางสิ่งบางอย่าง ก็ต้องพยายามแสวงหามา ถ้าเป็นวัตถุสิ่งของก็คงจะง่าย มีรูปร่าง ขนาด ที่รู้ว่าจะต้องหยิบจับอย่างไรเพื่อจะให้ได้มา ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ถึงจะได้ครอบครอง แต่ถ้าเป็นเรื่องของคน เรื่องของจิตใจ สิ่งที่ไม่มีรูปร่าง มองไม่เห็น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไรจึงจะได้มา ต้องจ่ายเท่าไหร่ ต้องทำดีแค่ไหน ถึงจะมีสิทธิ์ครอบครอง…
คงจะเหมือนสภาพที่ยิ่งทำเท่าไหร่ก็ยิ่งไกล ระยะห่างที่ดูเหมือนจะไม่ไกลแต่ก็ไม่มีวันไปถึง คือช่องว่างของจิตใจระหว่างคนสองคนที่ไม่สามารถวัด ไม่สามารถคาดคะเนได้ว่า เท่าไหร่ถึงจะพอ…
ใจของคนเราคงเหมือนหลุมของกิเลส ถ้ามีใครสักคนไปเติมจนเต็มก็คงจะได้โอกาสครอบครอง แต่ใครจะรู้ล่ะว่าหลุมแห่งกิเลสนั้นกว้างยาวลึกเท่าไหร่ ต้องใส่อะไรลงไปถึงจะเต็ม
หลุมกิเลสต้องใส่อะไรลงไปบ้าง? ความสนุกสนาน ความสวยงาม ความดูดี ความมั่นคง ความอบอุ่น มีฐานะ เงินทองของมีค่า ชื่อเสียง อุดมการณ์ ความเป็นผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์ การเอาใจใส่ …ฯลฯ แค่คิดว่าจะต้องใส่อะไรลงบ้างไปก็ปวดหัวแล้ว ปัญหาต่อมาคือต้องใส่ไปมากเท่าไหร่ และต่อเนื่องขนาดไหน จนกว่าจะเติมกิเลสให้เขาพอใจกับสิ่งที่เราหยิบยื่นให้จนเขาคิดว่าเราดีพอสำหรับการสนองกิเลสของเขา
…บางคนใส่แค่ ความสวยงาม หน้าตาดี ก็ยินยอมให้ครอบครองกันแล้ว
…..บางคนใส่ คำพูดหวานๆ คำโกหก คำหลอกลวง ก็ยินยอมให้ครอบครองกันแล้ว
…….บางคนต้องใส่ เงินทองของมีค่า ฐานะ ความมั่นคง ถึงจะยินยอมให้ครอบครองกัน
………บางคนต้องใส่ ความมีชื่อเสียง มีหน้าตาในสังคม ความเป็นที่ยอมรับ ถึงจะยินยอมให้ครอบครองกัน
…………และบางคนอาจจะต้องใส่ อุดมการณ์ ความเห็นที่ตรงกัน ความเข้าใจที่เสมอกัน จึงจะยินยอมให้ครอบครองกัน
แค่คิดว่าเราจะต้องหาอะไรมาเติมให้อีกฝ่ายยอมรับ และเห็นว่าตัวเราดีพอสำหรับเขา ก็เหนื่อยสุดแสนจะเหนื่อย เพราะบางคุณสมบัติ อาจจะไม่ได้มีมาแต่กำเนิด ไม่ได้หน้าตาดี ไม่ได้มีฐานะ ไม่ได้มีความรู้ ชื่อเสียง สุดท้ายก็ต้องลำบากพัฒนาตัวเอง โดยมีกิเลสที่มีชื่อเรียกเล่นๆแบบไพเราะเสนาะหู ว่า “ความรัก” เป็นตัวนำ
แต่ขึ้นชื่อว่ากิเลส ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก เรียนรู้ได้ยาก กำจัดได้ยาก หลุมแห่งกิเลสที่เราเคยเข้าใจว่าต้องเติมแค่นั้นแค่นี้ถึงจะเต็ม ไม่ได้คงสภาพอยู่อย่างนั้นตลอดกาล ทุกครั้งที่เราใส่ความเสพสมใจให้กับเขา หลุมกิเลสจะเปิดกว้างและลึกขึ้น ขยายตัวขึ้นเพื่อที่จะรองรับกิเลสที่มากกว่า แม้ว่าเราจะพยายามถมมันลงไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือสุขลวงๆ สักเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรู้สึกว่า เราห่างไกลออกไปจากความรักมากขึ้นเรื่อยๆ
และคนที่โชคร้าย ก็จะสามารถเติมกิเลสกันจนเต็มได้ครอบครอง ได้เสพสมอารมณ์ ได้แต่งงานกัน สมรสกัน ได้โอกาสในการมีลูก มีครอบครัวร่วมกัน เป็นการหนีจากทุกข์แห่งความเหงา เปล่าเปลี่ยว ความใคร่อยาก ไปเจอทุกข์อีกแบบ คือทุกข์แบบคนคู่ ทุกข์แบบมีครัวมาครอบไว้ กรงขังที่ยากจะหลุดออกมาได้ และบ่วงที่มีชื่อว่าลูก เสพสมอยู่กับสุขลวง ที่ให้สุขนิดหน่อย แต่ทุกข์มากมาย
ส่วนคนที่โชคดีก็จะเรียนรู้ว่า หลุมแห่งกิเลสของเขาหรือเธอเหล่านั้น ไม่มีวันที่จะถมเต็ม เขาก็มีกิเลสของเขา เราก็มีกิเลสของเรา และหันมามองว่าจริงๆ เราเองนั่นแหละ ที่จะเอาเขามาเติมเต็มกิเลสของเรา เราจะต้องได้เขามาครอบครองถึงจะเสพสมใจ ปัญหาก็คือเราเองก็ไม่เคยจะเติมตัวเองจนเต็มเสียที ยังเป็นคนที่ขาดที่พร่องอยู่เสมอ และถึงแม้ว่าจะได้ครอบครองเขาแล้วมันยังไง? มันสุขเหมือนวันแรกไหม? มันจะค่อยๆลดลงใช่ไหม?
แค่หลุมกิเลสในตัวเราก็ใหญ่มากพอแล้ว ยังต้องลำบากไปยุ่งวุ่นวายกับกิเลสของคนอื่นอีก แล้วไปหวังว่าเขาจะมาเติมเต็มกิเลสให้กับเรา เป็นฝันลมๆแล้งๆ คนที่เราหวังไม่มีวันจะสวยงามคงทนได้ตลอดไป ไม่มีวันมีฐานะร่ำรวยมั่นคงได้ตลอดไป ไม่มีวันมีชื่อเสียง เกียรติยศได้ตลอดไป ไม่มีวันที่ความฝันหรืออุดมการณ์ของเขาจะไม่สลายหรือเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีวันจะดูแลเราหรืออยู่ให้เราแลดูได้ตลอดไป ทุกอย่างเสื่อมไปตลอดเวลา
เราเองก็เป็นหลุมกิเลสที่มีแต่จะลึกและกว้างขึ้นทุกๆวัน ถ้ามัวแต่ไปยุ่งกับกิเลสของคนอื่น ก็ไม่มีวันได้จัดการกิเลสของตัวเอง หลุมกิเลสที่กว้างและลึกไม่มีวันเติมเต็มด้วยการหามาเสพ แต่ต้องใช้การพิจารณาความจริงตามความเป็นจริงว่า กิเลสนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เป็นทุกข์ เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และให้เห็นลึกลงไปถึงราก ว่าจริงๆแล้วเราต้องการเสพอะไรกันแน่ อยากได้มาเพื่ออะไร เรายึดเราติดเราหลงในอะไร หากเราเห็นตามจริงแล้วว่าเราหลงยึดอะไร ก็เหมือนได้เห็นประตูสู่การปลดเปลื้องกิเลสเหล่านั้น ที่เหลือก็แค่พยายามเดินไปให้ถึงประตู เปิดมันและเดินออกไป เท่านั้นเอง
– – – – – – – – – – – – – – –
26.8.2557