Tag: โสด

จงเป็นโสดเป็นโสดเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

August 7, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,224 views 0

จงเป็นโสดเป็นโสดเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

จงเป็นโสดเป็นโสดเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

เราไม่สามารถหวังให้ใครทำอะไรอย่างใจเราได้ทุกอย่าง เช่นเดียวกับที่เราไม่สามารถหวังว่าใครจงอย่ามาเบียดเบียนเราเลย แต่เราสามารถทำตัวเราไม่ให้เบียดเบียนผู้อื่นได้ ดังนั้นการแผ่เมตตาคือการแผ่ธรรมะให้จิตที่โลภ โกรธ หลงของเรา ทำให้ตนเองไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่นนั่นเอง

กิเลสมักจะนำพาให้เราไปเบียดเบียนผู้อื่น นำเสนอให้เขาอยากมีคู่ พูดแต่ข้อดีของการมีคู่ พูดแต่ข้อเสียของความโสด และด้วยการบำรุงบำเรอกิเลสให้เขาหลงในสุขลวง ให้เขาหลงมัวเมาในสิ่งที่เราหยิบยื่นให้ไม่ว่าจะเป็น หน้าตา ฐานะ การงานมั่นคง มีชื่อเสียง คำหวาน คำสัญญา ความฝัน อุดมคติ ฯลฯ ซึ่งเราใช้สิ่งเหล่านี้ล่อลวงให้เขารับรัก เบียดเบียนเขาด้วยความผูกพัน ด้วยความยึดมั่นถือมั่น ด้วยการผูกภพผูกชาติ ก่อเวรก่อกรรมซึ่งกันและกัน

การพยายามไม่เบียดเบียนเช่นนี้อาจจะดูไม่มีความหมายสำหรับคนที่กำลังลุ่มหลงในความอยากมีคู่ แต่ถ้าลองพิจารณาดีๆ หากมีใครสักคนหนึ่งล่อลวงเราด้วยสิ่งยั่วกิเลสทั้งหลาย เช่น เขาหน้าตาดี มีฐานะดี มีการงานมั่นคง มีชื่อเสียง พูดแต่คำหวาน ผูกมัดเราด้วยคำสัญญา พาให้เราฝัน หลงในอุดมคติที่เขาสร้าง ในตอนแรกเราก็เป็นโสดอยู่ดีๆ มาเจอเขามายั่วกิเลสหนักเข้า โสดก็เริ่มจะกลายร่างเป็นสมรส คืออยากมีคู่ อยากคบหา อยากแต่งงาน

ทีนี้ชีวิตจริงมันไม่ได้จบเหมือนในละคร เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่เขามายั่วกิเลสของเรา มาพรากความโสดของเราไป เขาอยากเสพอะไร พอเขาได้เสพสมใจแล้วเขาจะทำอย่างไรต่อ เขาจะยังดีกับเราเหมือนเดิมไหม เขาจะทิ้งเราไปเมื่อไหร่ ในเมื่อเรามีความเสื่อมเป็นธรรมดา ความรักนั้นหมดอายุได้เป็นธรรมดา ซึ่งหมายถึงเราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เราเคยได้สุขได้เสพเป็นธรรมดาเช่นกัน

ไม่ว่าจะจบลงอย่างไรเราก็จะต้องถูกเบียดเบียนอยู่ดี การที่เขาหมดรัก หรือถูกเขาทิ้ง ก็เห็นการเบียดเบียนที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ถ้ารักกันไปจนแก่ รักกันจนตาย ก็จะเบียดเบียนกันด้วยการผูกภพผูกชาติ ผูกเวรผูกกรรม ที่จะต้องไปแก้กันในภายภาคหน้า แล้วมันจะดีหรือที่เรายังคิดจะไปเบียดเบียนผู้อื่นด้วยความหลงสุขของเรา ในเมื่อปลายทางนั้นมีแต่ทุกข์ ควรแล้วหรือที่เราจะปล่อยตัวปล่อยใจให้เบียดเบียนผู้อื่นเช่นนั้น

เราจึงควรสำรวมตนให้อยู่ในความโสด ป้องกันตนไม่ให้ไปเบียดเบียนใครด้วยความหลงสุขของเรา ไม่ให้เขาต้องลำบากเพราะเรา ไม่ให้ใครต้องมาทุกข์เพราะเรา

– – – – – – – – – – – – – – –

4.8.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

ช่วงนี้พิมพ์แต่เรื่องโสดๆ

August 4, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,055 views 0

ช่วงนี้พิมพ์แต่เรื่องโสดๆ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ผมก็ทำตามหลักปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ละนะ

คือ…

งดเว้นจากการมีคู่ ชักชวนผู้อื่นเพื่องดเว้นจากการมีคู่ด้วย กล่าวสรรเสริญคุณแห่งการโสดด้วย

ก็เป็นหลักปฏิบัติทั่วๆไปคล้ายๆกับศีล ๕ เช่น งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ชักชวนผู้อื่นเพื่องดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นปาณาติบาตด้วย

….ไม่ฆ่าไม่เบียดเบียนสัตว์ ชักชวนคนอื่นให้ไม่ฆ่าไม่เบียดเบียนสัตว์ และชมคนที่ไม่ฆ่าไม่เบียดเบียนสัตว์ ก็จะพ้นทุกข์ประมาณนึง

แต่ถ้าเป็นโสดก็จะพ้นทุกข์อีกประมาณนึง คือรวมๆกันแล้วก็มีเรื่องไม่ต้องทุกข์เพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง

ดีนะ

ที่นี้การจะตั้งใจอยู่เป็นโสดนี่ก็ว่ายากแล้ว ยังต้องชักชวนคนอื่นให้เป็นโสดนี่ยากขึ้นไปอีก แถมยังต้องพูดถึงข้อดีของความโสดอีกยากสุดๆ

นี่ถ้ายังมีความอยากในเรื่องคู่อยู่นี่มันชักชวนคนอื่นไม่ไหวนะ มันจะชวนเขาไปมีคู่ท่าเดียวเลย ยิ่งพูดข้อดีของความโสดนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใจมันจะไม่เอาเลย มันจะไม่ยอมโสด หาไปเถอะข้อดีของความโสด หาไม่เจอหรอก กิเลสบังตาหมด

โสดไม่สุข มักมีข้อแม้

August 4, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,169 views 0

จากกระทู้ในพันทิพ : 90% ของคนที่ยังโสด . . . (http://pantip.com/topic/32689273)

ต้องขอบคุณที่เขารวบรวมข้อมูลให้ ลองอ่านกันดูก่อนก็ได้นะ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เป็นข้อมูลทางโลกที่เอาไว้ใช้ศึกษาตนเองได้ดีนะ ว่าเราโสดแบบไหน มีข้อแม้แบบไหน

ที่ต้องเรียนรู้ตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่หลงกลกิเลส บางคนคิดว่าตัวเองโสดแล้วจะสุขตลอดไป ทั้งๆที่จริงยังมีข้อแม้ ยังมีเงื่อนไขบางประการให้ใจเป็นทุกข์อยู่

เมื่อไหร่ก็ตามที่ยังดับสารพัดข้อแม้ในการจะไปมีคู่ไม่ได้ ก็เรียกว่าโสดไม่จริง โสดรอนรก รอที่วันใดวันหนึ่ง หรือชาติใดชาติหนึ่งจะได้กลับไปเสพสุขลวงเหล่านั้น

นั่นเพราะความอยากไม่ได้ถูกกำจัด ความยึดมั่นถือมั่นยังมี จึงมีการอาศัยการมีคู่เป็นหลักชัย มีการแสวงหาคู่ มีความเสื่อมจากคู่ มีความพลัดพรากจากคู่ จึงเกิดความทุกข์ เศร้าโศก เสียใจ คับแค้นใจจากการมีคู่ในที่สุด

ผู้ที่มีปัญญารู้แจ้งในโทษชั่วของการมีคู่ รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดถือไว้ มันเป็นทุกข์ และมันไม่มีสุขจริงเลย มีแต่สุขลวง จึงจะละหน่ายคลายจากความอยาก ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น ดับภพ ดับชาติ

กลายเป็นคนโสดอย่างเป็นสุข เป็นโสดที่ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาหรือต้องทนทุกข์จากการมีคู่ใดๆอีก

โสดเพราะไม่มีใครเอา?

August 3, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,504 views 0

จากกระทู้ : ทำไมผู้ชายหลายคนถึงไม่เชื่อว่าผู้หญิง(หลายๆคน)เลือกที่จะโสด ไม่ใช่ไม่มีใครเอา (http://pantip.com/topic/34000287)

จริงๆแล้วไม่ว่าเขาจะว่าอย่างไร ถ้าเราเลือกโสดด้วยใจที่เป็นสุขจริงๆ มันก็จะเป็นจริงไปอย่างนั้น

ถึงเขาจะว่าเราหน้าตาไม่ดี นิสัยไม่ดี ไม่มีใครเอา หรือหาปัจจัยใดๆที่พยายามจะเข้าใจเหตุของความโสด มันก็เป็นไปตามความเข้าใจของเขา แต่ก็อาจจะไม่ใช่ความจริงของเราอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปสนใจเสียงของใครต่อใครว่าเขาจะว่าอย่างไร

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

คนที่โสดเพราะไม่มีใครเอาก็มีอยู่จริง คนที่โสดเพราะเลือกคนที่ถูกใจไม่ได้ก็มีอยู่จริง คนที่โสดเพราะไม่รู้จะมีคู่ไปเพื่อประโยชน์อะไรก็มีอยู่จริง

แต่กระนั้นความโสดก็ใช่ว่าจะเป็นสถานะที่รักษากันได้ง่ายๆ

ทุกคนมีความโสดเป็นสมบัติแต่อาจจะถูกพรากมันไปเมื่อไหร่ก็ได้ วิบากกรรมจะสร้างอวตารมารเข้ามาในคราบของเทวดา เป็นชายหรือหญิงในฝัน แต่ถึงจะไม่ชวนฝันแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้กระหายใคร่อยากจะมีคู่ และวันนั้นอาจจะเป็นวันที่คนโสดได้พ่ายแพ้ต่อกิเลสอีกครั้งหนึ่ง จากในหลายๆการพ่ายแพ้ที่ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน

คนที่มุ่งมาโสดนั้นคือคนที่พยายามเข้าสู่ความเห็นที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” พอตนเลือกที่จะพึ่งตนมันก็เลยหันหัวไปในทิศทางแห่งการพ้นทุกข์

ส่วนคนที่เลือกที่จะไม่พึ่งตน เลือกใช้คนอื่นมาบำเรอกาม ก็หันหัวออกจากเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ ไปสู่ความหลง อย่างน้อยๆก็หลงว่าการมีคู่เป็นสุข

ทั้งๆที่จริงแล้วการมีคู่นี้เองเป็นเรื่องที่ไร้สาระเรื่องหนึ่งในชีวิต ซึ่งจะมีก็ได้ ไม่มีก็ไม่ตาย ไม่ใช่ปัจจัย ๔ ด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าไม่มีก็ไม่ตาย ก็เลยไม่รู้จะเอามาเป็นสาระสำคัญในชีวิตทำไม

คนที่จะหาเหตุผลดีๆในการมีคู่เขาก็ทำเพื่อที่จะให้ได้เสพเท่านั้นแหละ ให้สิ่งที่เขาเสพเป็นสิ่งที่ดูดี มีคุณค่า คนให้การยอมรับ มันก็เป็นไปตามวิถีแห่งโลกีย์ทั่วไป เป็นเรื่องธรรมดา