Tag: คู่รัก
ทุกข์เกิดจากสิ่งที่เป็นที่รัก
ทุกข์เกิดจากสิ่งที่เป็นที่รัก
ในบทความนี้จะชี้ให้เห็นเลยว่าการมีสิ่งที่รักนั้นคือความทุกข์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีสุขเลยแม้น้อย แต่กระนั้นคนที่หลงในสุขลวงยังพยายามยกสุขลวงเหล่านั้นขึ้นมาเป็นสาระ เป็นประโยชน์ ให้ตนได้เสพสุขในสิ่งที่รักเหล่านั้น
ในปิยชาติกสูตร มีเรื่องราวว่า บุตรของคฤหบดีคนหนึ่งตาย จึงทำให้คฤหบดีเกิดความทุกข์มาก ว่าแล้วก็ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เล่าความตามที่เป็น พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ความโศก ความพิไรรำพัน ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ เป็นของเกิดจากสิ่งที่เป็นที่รัก
แต่คฤหบดีกล่าวว่า ความยินดี ความดีใจก็เกิดจากสิ่งที่เป็นรักด้วย แล้วก็เดินจากไป ไปพบกับกลุ่มนักเลงอยู่ไม่ไกล เข้าไปเล่าความที่กล่าวโต้ตอบกับพระพุทธเจ้า นักเลงก็เห็นด้วยกับคฤหบดี เมื่อคฤหบดีเห็นว่าความเห็นของตนนั้นตรงกับพวกนักเลง จึงจากไป
– – – – – – – – – – – – – – –
จะสังเกตได้ว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่กล่าวถึงสุขเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านตรัสถึงแต่เรื่องทุกข์ เพราะจริงๆแล้วมันมีแต่เรื่องทุกข์ ทีนี้คฤหบดีก็ยังมีกิเลส ยังมีความหลงติดหลงยึด ยังมีความไม่รู้อยู่มาก เห็นว่าในทุกข์เหล่านั้นยังมีสุขอยู่ เห็นสุขลวงเป็นสุขจริง จึงได้เผยความเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)ออกมา ซ้ำยังไปหาคนที่เห็นตรงกันกับตนเพื่อยืนยันความถูกต้องในความเห็นของตนอีก
คนที่เห็นผิด ไปคุยกับคนที่เห็นผิด มันก็เห็นผิดเหมือนกันหมด ถึงแม้คนอีกร้อยล้านคนทั่วโลกจะเห็นตามคฤหบดี แต่ก็ใช่ว่าความเห็นเหล่านั้นจะเป็นความเห็นที่ถูก ถึงจะไปเห็นตรงกับคนที่มีชื่อเสียง คนที่ได้รับการเคารพนับถือ แต่ถ้ายังมีความเห็นที่ขัดกับพระพุทธเจ้า ก็ยังเรียกว่าเห็นผิดอยู่ดี
ทีนี้เราลองกลับมาสังเกตตัวเองดูว่าเราเห็นตามพระพุทธเจ้าหรือคฤหบดี เห็นตามบัณฑิตหรือคนพาล ความเห็นเราไปในทิศทางไหน ไปทางเห็นทุกข์หรือไปทางเห็นสุขในสิ่งที่รัก เรายังจะหาเหตุผล หาหนทาง เจาะช่อง เว้นที่เหลือไว้ให้ความเห็นผิดเหล่านั้นทำไม ถ้าพระพุทธเจ้าตรัสความจริงสู่การพ้นทุกข์ ดังนั้นผู้ที่เห็นต่างจากพระพุทธเจ้าคือผู้ที่หันหัวไปในเส้นทางทำทุกข์ทับถมตน
ในเรื่องนี้กล่าวถึงสิ่งที่รัก ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดและกินความกว้างมาก เพราะหมายถึงทุกสิ่งที่เข้าไปผูกพัน เข้าไปเสพสุขจากสิ่งนั้นก็ยังต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น แล้วเรื่องของการมีคู่ การเป็นคู่รัก การแต่งงาน เป็นเรื่องหยาบๆ ที่เห็นได้ชัด เจาะจงชัดเจนเลยว่ามีการเข้าไปรัก เข้าไปผูกพัน เข้าไปเสพ เข้าไปยึดมั่นถือมั่น คงไม่ต้องบอกกันเลยว่าเป็นการแสวงหาทุกข์มาสู่ชีวิตตนเองขนาดไหน
เพราะขนาดสิ่งที่รักในทุกวันนี้ก็เยอะมากยากเกินจะสลัดออกแล้ว ยังโหยหา ยังแสวงหาสิ่งอื่นเพื่อที่จะรักอีก มันมีทิศทางที่พอกหนาขึ้นเรื่อยๆ กิเลส ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่นที่พอกชั้นหนาขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข เมื่อถูกความหลงผิดครอบงำจึงไม่ง่ายที่จะรู้ว่าสิ่งใดคือความเห็นที่ถูก สิ่งใดคือความเห็นที่ผิด
ในยุคสมัยนี้ เรายังโชคดีที่ยังมีธรรมที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้ ยังมีแนวทางปฏิบัติ ยังมีความเห็นที่ถูกตรงที่ท่านได้กล่าวไว้ให้เป็นหลักฐานในการเทียบว่า เรามีความเห็นถูกต้องถูกตรงสู่การพ้นทุกข์หรือไม่ ถ้าใครยังมีความเห็นไปในแนวทางของคฤหบดีว่า “ รักมันไม่ได้มีแต่ทุกข์ มันมีสุขด้วย” ก็ควรจะเพียรศึกษาให้มาก เพราะทิศทางของท่านนั้นยังไม่ตรงไปสู่การพ้นทุกข์ หากใช้ชีวิตต่อไปบนทางที่ไม่ตรงเช่นนั้น ก็จะเสียเวลาไปเปล่าๆ เนิ่นช้าไปเปล่าๆ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ธรรมใด วินัยใด เป็นไปเพื่อความเนิ่นช้า ธรรมนั้น วินัยนั้น ไม่ใช่ของเราคถาคต” ดั้งนั้นการจะอ้างว่า มีคู่เพื่อเรียนรู้ มีคู่เพื่อพัฒนาจิตใจ มีคู่เพื่อเจริญไปด้วยกัน ฯลฯ ซึ่งเป็นเหตุผลของกิเลสที่แนบเนียนที่สุด จึงต้องถูกแย้งด้วยคำตรัสนี้อย่างชัดเจน
นั่นหมายถึง การจะไปมีคู่เพื่อประโยชน์ใดๆนั้น ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ มีแต่พาให้หลงทาง พาให้เสียเวลา สร้างทุกข์และบาป เวร ภัย ให้กับตนเองและผู้อื่น ให้หลงวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้
ดังนั้นการแสวงหาสุขในรักและการมีคู่จึงไม่ใช่สิ่งที่สมควรกระทำ ผู้แสวงหาสุขในรักและการมีคู่ คือผู้ที่มีความเห็นตามคฤหบดี และเมื่อไม่ได้เห็นตามบัณฑิต การพ้นทุกข์ย่อมไม่มี
– – – – – – – – – – – – – – –
4.8.2558
อะไรเป็นสาเหตุให้คนเคยรัก หมดรัก?
(จากกระทู้ : อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเคยรักกันมากๆ จู่ๆก็หมดรักกันได้คะ http://pantip.com/topic/33996161)
เพราะได้เสพสิ่งเดิมจนเบื่อ จึงไม่จำเป็นต้องดูแลเอาใจกันอีกต่อไป เมื่อไม่ต้องการเสพสิ่งเดิมแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงทำอะไร เพราะไม่อยากได้สิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป ให้ฟรีก็ยังไม่เอา อยากไปเสพสิ่งใหม่
เพราะรักนั้นลวงตั้งแต่แรก ลวงให้เห็นว่าเป็นความรัก แท้จริงแล้วการดูแลเอาใจที่เคยเป็นมานั้นเป็นเพียงวิถีทางที่จะทำให้ได้เสพ สุขตามที่ต้องการ
คนมีคู่รักระวังไว้เถอะ การที่เขาดูแลเอาใจ เขาแค่อยากได้อยากเสพอะไรเรารึเปล่า เรากำลังเป็นเครื่องบำเรอกาม สนองกิเลสเขาอยู่รึเปล่า ลองสังเกตุกันดีๆ
คู่รักไม่ยั่งยืน เป็นเพื่อนสิยาวนาน
คู่รักไม่ยั่งยืน เป็นเพื่อนสิยาวนาน
….
แม้ว่าเราจะรู้ความจริงดังนี้กันแล้ว
แต่เราก็มักจะแสวงหาสิ่งที่ไม่ยั่งยืน
เมื่อเจอกับคนที่ถูกอกถูกใจเมื่อไหร่
ก็มักจะจับจ้องเอามาเป็นคู่ครองให้ได้
ไม่สนใจว่าจะยั่งยืนหรือไม่ยั่งยืน
ขอเพียงให้ตนได้เสพสิ่งที่ตนชอบใจก็พอ
….
เรามักจะแบ่งว่าอันนี้คู่รัก อันนี้เพื่อน
จัดสรรปันส่วนให้สองสถานะนี้ไม่มาปนกัน
กันขอบเขตพิเศษไว้สำหรับคู่รักเท่านั้น
ส่วนเพื่อนก็แค่เพียงคบหากันทั่วไป
เลือกเอาสิ่งที่ไม่ยั่งยืนมาเป็นหลัก
แต่กลับปล่อยสิ่งที่ยาวนานเป็นรอง
เพื่อที่จะได้รับความชอบธรรมในการมีคู่
คิดเอาเองว่าเรื่องดีๆในชีวิตทำได้เฉพาะกับคู่
ทั้งที่จริงแล้วความต่างก็คงมีแค่เรื่องสมสู่
กับการสร้างครอบครัวมีลูกมีเต้าเท่านั้น
เมื่ออยากเสพสิ่งเหล่านั้น จึงหาประโยชน์ในการมีคู่
ละทิ้งประโยชน์ของการเป็นเพื่อน หรือลดความสำคัญลง
….
ผู้ที่กำลังออกเดินทางและมีทิศทางสู่การพ้นทุกข์
ความเป็นเพื่อนกับคู่รักจะมีสภาพที่ไม่ต่างกันนัก
เพราะสามารถใช้เพื่อนแทนคู่รักได้ในหลายๆเรื่อง
โดยที่ไม่ต้องไปคิดเรื่องสมสู่ หรือการมีครอบครัว
แต่ถ้าจะให้เลือกก็จะเลือกรับมาเป็นเพื่อน
ซึ่งมีความยั่งยืน ยาวนานกว่าการเป็นคู่รัก
เพราะเพื่อนสามารถ พากันสร้างกุศลกันได้
โดยที่ไม่ต้องมีบาปใดๆมาปะปนให้เสียเวลา
ต่างจากคู่รัก ที่ต้องคอยบำเรอกิเลสกันและกัน
สร้างบาป สร้างอกุศลให้แก่กันและกัน
เป็นตัวขัดขวางการพ้นทุกข์ของกันและกัน
….
เมื่อเห็นจริงดังนั้นเราก็ควรพิจารณาตามความจริง
ให้เข้าถึงคุณประโยชน์ที่แท้จริงของเพื่อน
ให้รู้ถึงโทษภัยของการครองคู่เป็นครอบครัว
ให้ชัดเจนว่าสิ่งใดไม่ยั่งยืน สิ่งใดที่ยาวนานกว่า
ให้ปราศจากอคติ ลำเอียงใดๆในสถานะเหล่านั้น
ให้เว้นขาดจากสิ่งที่เป็นภัย เข้าถึงสิ่งที่มีประโยชน์
เพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น ชั่วกาลนาน
– – – – – – – – – – – – – – –
25.7.2558
ข้าคือเหตุผลที่นางต้องทรมานและเจ็บปวด
ข้าคือเหตุผลที่นางต้องทรมานและเจ็บปวด
ประโยคหนึ่งจากละครซีรี่พระพุทธเจ้า ตอนที่ 40 เป็นประโยคสั้นๆที่สรุปรวมความทรมานและเจ็บปวดที่ยาวนานมากกว่า 4 อสงไขย . . .
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่พระนางยโสธราได้ผูกพันกับพระพุทธเจ้า แม้จะเป็นการผูกกันด้วยความดีงาม ความเสียสละอย่างที่สุด แต่ก็ยังเป็นเหตุให้ต้องทนทุกข์ ทรมานและเจ็บปวดอยู่
นับประสาอะไรกับคนทั่วไปที่ผูกกันด้วยกิเลส พันกันด้วยตัณหา เหนี่ยวรั้งกันด้วยความยึดมั่นถือมั่นจะไม่มีความทุกข์ เป็นไปไม่ได้เลย
ทางที่ทุกข์น้อยที่สุดก็คือไม่ต้องผูกพันกันด้วยความเป็นคู่รัก อย่าพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองได้เป็นทุกข์ เพราะข้ออ้างเหล่านั้นนั่นแหละคือข้ออ้างของกิเลส
คู่ของพระพุทธเจ้าไม่ใช่คู่รัก แต่เป็นคู่ที่จะเข้ามาเพื่อให้เรียนรู้ ทุกเหลี่ยมทุกมุมของทุกข์ ทุกอย่างในจักรวาลนี้ โดนทิ้งโดนพรากไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เป็นเหตุให้อีกคนต้องเสื่อมและตายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ไม่ใช่คู่ที่พากันเสพสุขอย่างที่หลายคนเข้าใจ คนที่จะมาบำเพ็ญบารมีคู่กับพระพุทธเจ้าต้องยอมทรมานและเจ็บปวดอย่างที่สุด ไม่มีธรรมใดงอกงามบนความสุข มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่จะทำให้ธรรมะบังเกิด