สังคม สิ่งแวดล้อม

โอกาสในการ่วมกันทำความดี

November 28, 2016 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,225 views 0

โอกาสในการทำดี

ในช่วงเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา หลายคนก็คงจะได้เห็นผู้คนออกมาร่วมทำความดีกันในหลายรูปแบบ ซึ่งผมเองก็ได้ไปเก็บข้อมูลในพื้นที่แถวสนามหลวง และพบว่าที่นี่มีงานหลากหลายที่เอื้อให้คนทุกวัยทุกฐานะได้ทำความดีร่วมกัน

คิดดี นั้นก็ดีอยู่ พูดดีนั้นก็ยิ่งดี แล้วถ้าทำดีตามที่คิดและพูดยิ่งจะดีเข้าไปใหญ่ การที่เราจะลุกออกมาทำดีนั้นไม่ง่าย ต้องมีกำลังใจที่มากพอจะผลักดันเราออกจากชีวิตเดิม ๆ ลุกออกมาทำสิ่งใหม่ คือสิ่งที่ดีมากยิ่งขึ้น ในภาษาธรรมะเรียกว่า “อธิศีล” คนที่ยังไม่เคยทำดี ก็หันมาทำดี คนที่ทำดีอยู่แล้ว ก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก นี่คือลักษณะของคนที่จะไม่เสื่อมไปจากความดีงามและธรรมทั้งหลาย

ผมเองได้ลองสัมผัสงานจิตอาสาหลาย ๆ แบบ และพบว่าแต่ละงานนั้นมีรายละเอียด ใช้ทุน ใช้ความสามารถต่างกันไป แต่งานที่ทำได้ง่ายก็คือการช่วยกรอกข้าวสารที่ทำเนียบรัฐบาล ผมลองไปแล้วพบว่าบรรยากาศผ่อนคลายเหมือนครอบครัวพากันไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะ คนเฒ่าคนแก่ก็นัดมาเจอกัน กรอกข้าวไปก็พูดคุยกันไป มีอาหารเลี้ยง มีห้องน้ำสะดวก เหมาะสำหรับจิตอาสามือใหม่

ถ้ากำลังใจแข็งกล้าแล้วก็มาลุยงานกันต่อที่สนามหลวง มีงานอาสามากมายที่นี่ เป็นเหมือนสวรรค์ของนักบำเพ็ญความดีทั้งหลาย มีงานเช่น เดินเก็บขยะ ช่วยคัดแยกขยะ แจกยา แจกอาหาร แจกน้ำ ช่วยให้คำแนะนำต่าง ๆ ฯลฯ ก็เป็นงานที่ต้องใช้แรงกันมากขึ้น ใครสนใจก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่หรือจิตอาสารุ่นพี่กันได้

หรือถ้ารู้สึกว่าแรงยังเหลือ กำลังใจยังมีมาก อยากทำงานหนักมากขึ้น ต้องการทำดีในส่วนที่คนขาด ในตอนนี้ก็มีหลายโรงทานที่เปิดพื้นที่เอื้อให้ช่วยกันทำความดี โดยงานหลักก็จะเป็นงานครัวตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการ ล้างวัตถุดิบ หั่น ปรุง ยก เสริฟ ล้างภาชนะ .. ซึ่งในส่วนนี้อาจจะต้องเข้าไปสอบถามในแต่ละโรงทานว่าเขาต้องการกำลังคนไหม

หรือถ้าเป็นผู้มีทุนทรัพย์ มีกำลัง จะทำอาหารมาแจกก็ได้ หลายคนเขาก็ทำอาหารมาแจกเป็นครั้งคราว หรือจะเป็นของใช้จำเป็นบางอย่างเช่น ยาดม ผ้าเย็น ฯลฯ รวมถึงของอื่น ๆ  ที่ช่วยให้ระลึกถึงบุคคลที่ควรบูชาก็มีผลดี เกิดผลดีเหมือนกัน

หรือจะเป็นงานจิตอาสาจำพวกขับรถมอเตอร์ไซค์รับส่งคนก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เพราะหลังออกจากวัง จะเดินกลับไปขึ้นรถเมล์ที่สนามหลวงมันก็ไกล คนหนุ่มสาวก็พอเดินไหว แต่ถ้าคนแก่นี่ท่าจะลำบาก งานรับส่งคนก็ช่วยกันได้มาก ใครที่ชอบขับรถก็เอาความสามารถตรงนี้มาทำดีได้

จริง ๆ ก็มีงานจิตอาสาที่หลากหลาย แต่เอาเท่านี้ก่อน จะสรุปว่า ตอนนี้มีพื้นที่ที่เอื้อให้ทุกคนได้ร่วมกันทำความดี ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นสนามหลวงก็ได้ ผมยังเคยเจอวัยรุ่นไปถือถุงช่วยเก็บขยะที่ตลาดนัดจตุจักรด้วยซ้ำ คือใครทำดีที่ไหนได้ก็ทำไป นั่นแหละดีแล้ว แต่ถ้ามาร่วมกันทำ เราจะมีกำลังใจเพิ่ม คนที่เริ่มทำงานจิตอาสาใหม่ ๆ ทำพร้อม ๆ กับเพื่อนกับรุ่นพี่จะมีกำลังใจดีขึ้น ไม่โดดเดี่ยว แถมยังได้เพื่อนใหม่ ชวนกันมาทำดีเรื่อย ๆ

ถ้าอยู่ห่างไกลสนามหลวง ก็รวมตัวกันทำ หรือแบ่งงานแยกกันไปทำแล้วค่อยมารวมกัน เช่นการพับกระทงกระดาษไว้ใส่อาหาร เป็นการสร้างวัฒนธรรมเพื่อลดการใช้โฟม แม้มันจะไม่สมบูรณ์แบบในเชิงการใช้งาน แต่มันสวยงามในเชิงของจิตใจ เพราะคนที่แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ใจเวลาพับก็จะระลึกถึงเพื่อนที่ร่วมกันทำดี จิตตรงนี้แหละที่มันสวยงาม มันมีคุณค่า มันประเมินค่าไม่ได้ พอทำเสร็จเอามาส่ง ที่โรงทานเขาก็ได้ใช้ประโยชน์ ได้ลดใช้โฟม ได้ร่วมกันทำความดี

การร่วมทำความดีนี่แหละ ที่จะหลอมรวมคนดีให้พบเจอกันในทุกชาติ เป็นการประกันชีวิตที่ดีที่สุด เพราะทำความดีกับคนดีแล้วก็จะได้พบเจอกับคนดี ได้เจอกับสิ่งดี พอชีวิตพบเจอกับคนดี มีน้ำใจ เสียสละ หวังประโยชน์เกื้อกูลกันและกัน ชีวิตก็จะมีความผาสุก

ถ้าไม่อยากได้ความผาสุก ชีวิตไม่อยากเจอคนดี ก็ไม่ต้องทำอะไร ใช้ชีวิตไปเหมือนเดิม ปล่อยวาง อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ไม่ต้องรีบร้อน ไม่วุ่นวาย ไม่ลำบาก ปล่อยไปตามเวรตามกรรม สุดท้ายก็จะได้ประกันชีวิตอีกชุดหนึ่ง คือประกันเลยว่าชีวิตหนึ่งเกิดมาจะพบกับคนดียาก เพราะไม่เคยทำกรรมดีร่วมกันมา ย่อมไม่พบเจอกัน ก็เลือกพิจารณากันไปตามแต่จะเห็นประโยชน์

สุดท้ายนี้ก็ชักชวนกันตรง ๆ ว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตหนึ่ง ๆ  ซึ่งอาจจะมีแค่ครั้งเดียวที่มีโอกาสอันยิ่งใหญ่แบบนี้ก็ได้ คือโอกาสข้างหน้าน่ะมี… แต่จะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้นหรือไม่ก็ไม่รู้ ดังนั้นเราไม่ควรประมาทกับเวลาที่ผ่านไป เราควรใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่นให้มากที่สุด เพราะนั่นคือหลักประกันแห่งความผาสุกในชาตินี้ ชาติหน้าและชาติอื่น ๆ สืบไป

โอกาสและอิสระ ในการทำความดี

November 17, 2016 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,340 views 0

โอกาสและอิสระ ในการทำความดี

โอกาสและอิสระ ในการทำความดี

ในแต่ละช่วงชีวิตของเรา โอกาสพิเศษนั้นไม่ได้มีบ่อย ๆ เหมือนกับเรือใบที่ต้องอาศัยคลื่นลมในการเคลื่อนที่ ความดีก็เช่นกัน แม้ปกติเราจะทำความดีตามแบบของเราเองได้ แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่สร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่นั้น ก็จะทำให้เราสร้างสิ่งดีได้มากยิ่งขึ้น

การจะมีอิสระนั้นไม่ง่าย ยิ่งการจะมีอิสระในการทำความดีนั้นยากยิ่งกว่า ซึ่งจะต้องสั่งสมเหตุปัจจัยที่เอื้อให้ทำความดีได้โดยไม่มีสิ่งผูกมัด ไม่มีคนผูกมัด ไม่มีงานผูกมัด และถึงที่สุดคือไม่มีกิเลส หรือไม่มีความโลภโกรธหลงใด ๆ ที่เป็นเหตุขวางกั้นไม่ยอมให้เราลุกออกไปทำดี มาผูกมัดเราไว้

…..

วันก่อนผมได้ไปหัดพับกระทงกระดาษ เป็นโอกาสในการทำความดีที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ใครเลยจะคิดว่าการพับกระทงไว้ใส่อาหารจะมีประโยชน์กับสังคมขนาดนี้ ทั้งช่วยลดขยะที่ย่อยสลายยากและสร้างวัฒนธรรมแห่งความพอเพียง คือใช้วัสดุสิ่งของที่หาได้ง่าย เช่น ใบตอง ใบไม้ต่าง ๆ หรือถ้าหาไม่ได้ก็ใช้กระดาษที่เขาผลิตไว้เผื่อห่ออาหาร

เป็นความดีเล็ก ๆ ที่หลายคนนำมารวมกันในโอกาสหนึ่งตามความสามารถของแต่ละคน บางคนมีทุนมีเงินก็เอาอาหาร เอาสิ่งของมาแจก มีรถก็เอามาช่วยขนส่ง มีความรู้ก็เอามาช่วยกันสร้างสรรค์ มีเวลามีแรงก็เอามาช่วยกันไปตามความถนัดของแต่ละคน

ถ้าเราไม่มีโอกาสและอิสระ เราก็คงจะไม่ได้ออกมาทำความดีกันมากมายขนาดนี้ นั่นเพราะเรามีทั้งเหตุการณ์ที่เป็นโอกาส และความพยายามหลุดพ้นจาก “สิ่งผูกมัดเราไว้ไม่ยอมให้เราออกมาทำดี” ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเรามีแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ มีความดีที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับมีคลื่นลมที่ผลักดันเราออกไปจากจุดที่เราเคยอยู่ ผลักดันเราไปสู่จุดที่ดีกว่า

เพียงแค่เราพิจารณาให้เห็นความสำคัญในความสำคัญของโอกาสนี้ ว่านี่แหละคือโอกาสทำความดีที่ยิ่งใหญ่ ตอบสนองต่อคลื่นลมที่ได้เกิดขึ้น คือเราใช้โอกาสนี้ทำความดีพัฒนาตัวเองไปข้างหน้า ให้เป็นคนดีมากยิ่งขึ้น ให้เจริญมากยิ่งขึ้น ไม่ทำตัวเป็นเหมือนก้อนหินในทะเลที่ไม่หวั่นไหวต่อคลื่นลมใด ๆ การไม่หวั่นไหวนั้นควรใช้กับสิ่งชั่ว ส่วนสิ่งดีนั้นเราควรโอนอ่อนน้อมตามความดีนั้นไป หากมีคลื่นลมและกระแสแห่งความดีงาม เราก็ควรเกาะกระแสนั้นไป

เพราะโอกาสในการทำความดีนั้นหาได้ไม่ง่าย และความดีนั้นทำได้ยาก ความชั่วทำได้ง่ายกว่า ถ้าไม่ใช้โอกาสนี้แล้วปล่อยผ่านไป ก็เหมือนเรือใบที่ไม่กางใบรับลมในตอนที่ลมมา พอลมสงบก็ลอยคว้างอยู่กลางมหาสมุทรที่ไม่มีลมพัด จะพายไปให้ถึงฝั่งก็เหนื่อยหนักหนาสาหัส พาลจะท้อและล้มเลิกที่จะทำสิ่งดีนั้น

การที่คนมากมายออกมาทำดีร่วมกันในโอกาสนี้ ผมเชื่อว่าพวกเขารู้ได้ด้วยตนเองว่า “การทำดี คือสิ่งที่ดี” ไม่มีอะไรดีกว่าการทำดี นั่นเพราะเขาได้เห็นตัวอย่างของการพากเพียรทำความดี และเห็นผลของการทำดี ที่ดีแท้และยั่งยืนยาวนานมากว่า ๗๐ ปี

และคุณค่าสูงสุดของการทำดี ก็คือ  “การทำดี และอยู่เหนือดีนั้น” หรือ “การทำดี โดยไม่ติดยึดความดี” คือทำดีแล้วไม่เสพผลแห่งความดี คือทำแล้วไม่หลงตนว่าฉันเป็นคนดี ไม่หลงยึดว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นดีที่สุด หรือ ฉันทำดีให้เธอนะ, ฉันทำดีมากกว่าเธอนะ, ฉันทำดีขนาดนี้เชียวนะ ฯลฯ คือ ไม่แสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ สุขใด ๆ เพราะสิ่งเหล่านั้นคือมลทินที่จะลดทอนคุณค่าของความดี จนกระทั่งทำลายคุณความดีที่เคยทำทิ้งทั้งหมดไปเลยก็ได้

เมื่อความดีที่ทำนั้น ไม่มีเงื่อนไข ไม่อยู่ภายใต้การบงการของใคร และไม่มีกิเลสใดซุกซ่อนอยู่ภายใน ความดีนั้นก็จะเป็นความดีที่บริสุทธิ์ และเกิดผลดีสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นในโลกนี้

16.11.2559

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

เกมลวงใคร?

August 17, 2016 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,369 views 1

เกมลวงใคร

เกมลวงใคร? : ความสนุก ความสุข ความน่าสนใจ ที่ถูกออกแบบมาให้ถูกต้องตรงใจตามกิเลส

คนเรานั้นเกิดมากับกองกิเลสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และโลกที่หมุนวนไปด้วยกิเลสก็มักจะสร้างสิ่งที่ยั่วเย้ามอมเมาขึ้นมาเรื่อยๆ เช่น การเล่น การแสดง การท่องเที่ยว การแข่งขัน ฯลฯ และเกมคือสิ่งที่รวมทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน

โดยธรรมชาติของกิเลส มันจะทำหน้าที่สร้างสิ่งที่จะดึงเราให้ลงต่ำ ดึงเราลงนรก ดึงลงอบายภูมิให้ลึกลงไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ทำให้เรารู้ตัว และให้เราเสียเวลา เสียเงิน เสียพลังงาน เสียสติปัญญาให้กับมันไปเรื่อยๆ

เกมในสมัยก่อน เราแค่นั่งเล่นอยู่หน้าจอ ปิดเครื่องก็จบกันไป แต่เกมสมัยนี้ดูดพลังของเรามากขึ้นไปอีก การนั่งเล่นหน้าจอเพียงแค่มอง คิดแล้วใช้มือกด ไม่ใช่สิ่งที่จะสาสมใจคนในยุคนี้อีกต่อไป เราต้องจ่ายมากขึ้น เพื่อเสพมากขึ้น นั่นคือเราต้องขยับ เดิน หรือทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งรางวัลที่เกมได้สร้างล่อกิเลสเราไว้

เกมแต่ละเกมนั้นถูกออกแบบมาเพื่อที่จะยั่วกิเลสของเราในทุกเหลี่ยมทุกมุม เพื่อที่จะให้ผู้เล่นเกิดความลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในโลกลวงที่เขาสร้างขึ้นมา เกมในปัจจุบันนั้น ต้องจ่ายทรัพยากรเป็นอย่างมาก ทั้งเวลา เงิน สุขภาพ สติปัญญา สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้เล่นต้องเสียไปเพื่อแลกกับการได้เสพสุขจากเกม ไปตามลำดับที่เขาออกแบบมาให้ โดยที่เขาจะสร้างสิ่งลวงในโลกของเกมมาแลกเช่น ไอเทมใหม่ๆ ฉากใหม่ๆ ระบบใหม่ๆ ศัตรูใหม่ๆ ฯลฯ เพื่อที่จะล่อให้คนหลงติดตามมาเรื่อยๆ

ผู้ออกแบบจะจับจุดว่าคนเรานั้นมีความต้องการในอะไร แล้วก็สร้างสิ่งนั้นขึ้นมา เพื่อให้คนหลงว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่มีคุณค่า เป็นสิ่งที่ควรได้ เรียกว่าล่อกิเลสในคนให้ออกมาแสวงหา เช่น สร้างโอกาสได้ความร่ำรวยลวงๆ สร้างโอกาสในการได้อำนาจบารมีลวงๆ สร้างโอกาสในการได้ความเก่งลวงๆ ฯลฯ

แล้วเขาก็ออกแบบได้เก่งจริงๆนะ ออกแบบเกมได้น่าเล่นน่าลอง หลายคนเห็นก็เข้าไปตะครุบเลย บางคนเห็นเพื่อนเข้าไปตะครุบก็เข้าไปตะครุบบ้าง บางคนไม่สนใจแต่ก็โดนพลังของคนที่หลงตะครุบชักชวนให้ไปตะครุบตาม บางคนติดสังคม ก็ต้องเกาะตามกระแสกับเขาแล้วเมาไปด้วยกัน

ทีนี้เมื่อคนเล่นได้เสพสมกิเลสก็จะเกิดความสนุก จนกระทั่งเต็มใจที่จะจ่ายเงิน สุขภาพ เวลา สติปัญญาให้กับเกม ถ้าเปรียบกับทาสนี่ก็ยังไม่ใช่ เพราะทาสต้องโดนบังคับหรือเฆี่ยนตีและต้องทำงานที่ไม่อยากทำ แต่เกมนี่สร้างคนให้ยิ่งกว่าทาสอีก คือให้คนยอมเล่น ให้ยินดียอมเสียทรัพยากรเพื่อแลกมาซึ่งสิ่งลวงๆ ให้รู้สึกว่ามีอิสระในการเสพแต่จริงๆ ก็ถูกโซ่แห่งความอยากคล้องไว้อยู่

สิ่งลวงๆ คืออะไร? สิ่งลวงเหล่านั้นก็คือสิ่งที่เกมได้สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคน เพราะเขารู้ว่าคนนั้นอยากได้อยากมี แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงก็ตามที เพื่อแลกกับความสุขเพียงชั่วครู่ ที่คนนั้นได้เสพ ได้มี ได้ครอบครองอยู่ แต่สุขนั้นตั้งอยู่ไม่นานก็หายไป แม้ได้เสพแบบเดิมก็จะไม่สุขเหมือนอย่างเดิม เหมือนอย่างที่เราเอาเกมเก่าๆ มาเล่น มันจะไม่สุขเหมือนครั้งแรกๆ ถึงจะสุขแต่มันก็จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว สุขนั้นไม่สามารถตั้งอยู่ได้นาน สุดท้ายก็จะเกิดอาการเบื่อ ซึ่งเป็นการเบื่อหน่ายแบบโลกๆ ซึ่งเกิดจากการเสพสิ่งเดิมจนเบื่อ

เมื่อเล่นเกมจนเบื่อก็พบว่า เล่นไปสุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ได้แต่ความสุขจากการเสพชั่วครั้งชั่วคราว ดีไม่ดีไม่สุขเลยก็ว่าได้ และได้ความรู้มาอีกนิดหน่อย คือเกมนั้นเป็นอย่างนั้น เกมนี้เป็นอย่างนี้ แต่ก็เป็นความรู้ที่ไม่ได้พาให้ตนพ้นจากทุกข์ เป็นความรู้ที่ไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิต

ถึงแม้คนจะรู้ว่าเกมทุกเกมเล่นแล้วก็จบดับไป แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าตนเองหลงเข้าไปเล่น หลงเข้าไปพัวพันยึดติดมันจนเสียทรัพยากรมากมายนั้นเพราะเหตุใด ทำไมตนเองจึงต้องเข้าไปเสพสิ่งนั้น ทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายมันก็ไม่ได้ให้คุณค่าหรือมีสาระแท้อะไรในชีวิตเลย

แต่ก็อาจจะมีหลายคนแย้งว่า ฉันเล่นเกมแล้วได้ประโยชน์นะ ได้ฝึกสมอง ได้ออกกำลังกาย ฯลฯ มันก็จริงตามที่เขากล่าวอ้าง ซึ่งนี่เองคือความร้ายของกิเลส เพราะมันจะเอาประโยชน์บางอย่างมาล่อ เอาข้อดีมากลบข้อเสีย เอาเหตุผลต่างๆนาๆ มาอ้างอิงว่าเสพแล้วดี ถึงจะมีโทษบ้างแต่ก็มีประโยชน์อยู่มาก เหล่านี้คือลักษณะทั่วไปของกิเลสที่จะหลอกให้คนหลง คือเอาประโยชน์ลวงมาเคลือบโทษจริงไว้

ถ้าเราเอาข้อดีข้อเสียมาเปรียบเทียบกับกิจกรรมอื่น จะรู้เลยว่าประโยชน์ที่ได้นั้นน้อย ประโยชน์ที่เสียไปมีเยอะและโทษที่ได้ก็มีมากมาย เพียงแต่เราอยากเล่นเกม เราก็เลยหาข้อดีของมันมาเพื่อให้ได้เล่นเท่านั้น ซึ่งเรื่องข้อดีข้อเสียนี่ถ้าเอาไปเถียงกันก็ไม่จบ คนหลงเขาก็จะมองแต่ข้อดี ไม่มองข้อเสีย คนไม่หลงเขาก็เห็นข้อดีข้อเสียชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องนำไปพิจารณากันเอง

ส่วนคนที่ไม่ติดนั้นก็ดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปแขวะคนที่เขาติดได้ เพราะกิเลสมันก็มีหลายเหลี่ยมหลายมุม เขาอาจจะติดเกมของเขา แต่เขาไม่ได้ติดเหล้า บุหรี่ พนัน หวย หุ้น กิน เกียรติ กาม ก็มีเหมือนกัน คนที่ไม่ติดเกมแต่ยังติดอบายมุขอื่นๆ มันก็เมาพอๆ กับติดเกมนั่นแหละ แต่มันเลือกเมากันคนละอย่าง ดังนั้นไม่ต้องไปยุ่งกันมาก มุ่งล้างความหลงติดหลงยึดของตัวเองให้ได้ก็พอ พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้หมั่นทำนาของตน อย่าไปทำนาของคนอื่น

เราควรจะมองคนด้วยความเมตตาว่า เขาหลงติดหลงยึดเขาก็เป็นทุกข์นะ เขาต้องแสวงหามาเสพ หามาครอบครอง นี่มันทุกข์แต่เขาไม่รู้ เราบอกดีๆ ได้ก็บอกเขา ถ้าบอกแล้วจะโกรธกันก็ปล่อยวางไปก่อน แต่ไม่ใช่เอาอัตตาไปอัดเขาหรือไปข่มเขา ทำเหมือนได้ทีขี่แพะไล่ เห็นเขาหลงผิดก็รีบซ้ำเติมเขาเลย อันนี้มันจะเป็นคนพาลไปเสียเปล่าๆ

….

ลักษณะเด่นของเกมส่วนใหญ่นั้นคือการแข่งขัน การหาทางเอาชนะภารกิจต่างๆ ซึ่งในชีวิตจริง โลกก็มอมเมาให้เราวนอยู่แต่กับการแข่งขันอยู่แล้ว แต่คนก็ยังไม่สะใจ ไม่สาสมใจ ไม่ถูกใจ ต้องแสวงหาการแข่งขันอย่างอื่นมาเสพ ให้ชนะ ให้ได้ ให้มี ให้ดี ให้เลิศกว่าเขา ทั้งที่จริงเกมก็ไม่ใช่ชีวิตจริง แต่เรากลับไปจริงจังกับมัน ไปให้เวลาและทรัพยากรต่างๆ แก่มัน เป็นเหมือนโลกอีกโลกหนึ่ง ที่ซ้อนอยู่กับโลกนี้ เป็นกิเลสที่ลวงซ้อนกิเลสไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งนี่ก็คือหนทางแห่งความมัวเมาที่หนักหนาที่สุดทางหนึ่ง

ใครที่หลงเข้าไปแตะไปเสพแล้ว ก็เรียนรู้โทษของมันแล้วก็ค่อยๆ ถอยออกมา อย่าให้ถึงขั้นหมกมุ่นมัวเมา เสียเวลา เสียงาน เสียเงิน เสียสุขภาพ เสียชีวิตกันไป

สรุปแล้วเกมนั้นก็ลวงตั้งแต่คนออกแบบเกม ให้หลงว่าการทำเกม การหาเลี้ยงชีพด้วยการทำสิ่งที่พาให้คนหลงมัวเมานั้นเป็นสิ่งดี ก็เลยออกแบบเกมที่น่าเล่น น่าสนใจ น่าสนุกมาลวงคนอีกทีหนึ่ง แล้วคนเล่นก็ลวงตัวเอง ลวงกันเอง พากันมัวเมาไปอีกต่อหนึ่ง ซึ่งเวลาที่เกิดปัญหาจากเกมขึ้นมา ในสังคมก็จะมีการโทษกันไปโทษกันมา คนเล่นผิดบ้าง เกมผิดบ้าง แต่ตัวการจริงๆ กลับลอยนวลพ้นข้อกล่าวหาเสมอ ตัวการที่ว่านั้นคือ…กิเลส

17.8.2559

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรักและความคาดหวัง

February 15, 2016 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,778 views 0

14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรักและความคาดหวัง

เมื่อความรักนั้นหมายถึงการบำเรอด้วยวัตถุสิ่งของจนถึงการกระทำใดๆ ก็ตามจนกว่าอีกฝ่ายจะสาสมใจและจะต้องมากเป็นพิเศษในวันแห่งความรัก (สมมุติ) … แด่ความรักโลกีย์

ผ่านไปอีกวัน กับวันแห่งความรักและความคาดหวังแห่งปี

ผมมาอ่านย้อนดูเรื่องราวในหลายๆสื่อ ก็พบแต่ความคาดหวัง การบำเรอกันด้วยวัตถุสิ่งของ ซึ่งผมคิดว่าการแสดงออกถึงความรักด้วยวัตถุสิ่งของนี่มันเป็นอะไรที่หยาบและฉาบฉวยนะ (แต่คนเขาก็ชอบกัน)

แต่มันก็เป็นไปตามที่แต่ละคนยึดมั่นถือมั่นละนะ คนที่ต้องใช้วัตถุมาสร้างความสุขก็ลำบากหน่อย แม้จะเป็นคนที่ใช้การดูแลเอาใจใส่มาสร้างความสุขนี่มันก็ลำบากอยู่ดี

ผมคิดว่ารักที่ต้องคอยเสพสุขจากอีกฝ่าย หรือต้องมีอีกฝ่ายเป็นเหตุปัจจัยในการสร้างสุขนั้น มันเป็นความลำบาก เป็นทุกข์ ไม่เป็นอิสระ ต้องผูกเรากับไว้กับเขาเสมอ

แต่เราก็ไม่ไปค้านอะไรกับเขาหรอกนะ เราค้านแต่กิเลสในตัวเราก็พอ กิเลสเขาก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ต้องไปแหย่ ไปเหน็บ หรือไปยุ่งอะไรกับเขาหรอก ก็ปล่อยเขาเรียนรู้ไปนั่นแหละ

ส่วนคนโสดที่ทุกข์เพราะอยากมีคู่แล้วไม่มีสักที ถ้าไปอิจฉาคนอื่นที่เขามีคู่ มันก็จะทุกข์มากขึ้นไปอีก เพราะไปดูเขารักกัน มอบคำหวานให้กัน มอบสิ่งของให้กัน ให้คำมั่นสัญญากัน ประกาศว่าคบหากัน จดทะเบียนสมรสกัน ฯลฯ แล้วก็หลงว่าอย่างเขาเป็นสุข …มันไม่เป็นอย่างนั้นจริงๆหรอก ธรรมชาติของกิเลสมักจะขี้อวด ก็อวดความเห็นผิดกันนั่นแหละ ที่นี้คนไม่รู้ก็หลงว่ามันเป็นสิ่งดีเลยอยากได้บ้าง … แต่หารู้ไม่ว่า ตอนที่เขาลำบากทุกข์ทรมานกัน ทะเลาะกัน ทำร้ายกัน จนถึงฆ่ากันนี่ เขาไม่เอาเรื่องราวมาอวดมาบรรยายให้เรารู้หรอกนะ

อย่าไปมองแต่ด้านสุข ลองศึกษาด้านทุกข์ด้วย มีคนแต่งงานกันมากมายก็จริง แต่ก็มีคนมากมายที่เลิกรากันหลังจากคบหาแต่งงานแล้วเช่นกัน แล้วคนที่เลิกกันนั้นเอง ก็คือคนที่เคยมั่นหมายว่าจะรักกันไปจนตายทั้งนั้นแหละ

คนเรามีปากก็พูดกันไปตามที่คิด มันก็เป็นเพียงสิ่งที่คิดละนะ ไม่จำเป็นว่าเรื่องนั้นจะต้องเป็นจริง เกิดขึ้นจริง หรือมีจริงสักหน่อย ส่วนใครจะหลงเชื่อก็เรียนรู้กันไป ว่าสิ่งนั้นมันจริงหรือลวง เป็นสุขหรือทุกข์ พาให้เจริญหรือเสื่อมลง