คู่มือคนโสด

ไม่รักคนอื่นแล้วไม่รักตัวเองล่ะ จะพ้นทุกข์ไหม?

February 8, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 656 views 0

มีคำถามในประเด็นของ “การไม่รักใครคือที่สุดของความสุข ไม่มีความเศร้า” ว่า มันต่างอย่างไรกับคนที่รักหรือไม่รักตัวเอง เขาน่าจะหมายความว่า “แล้วทีนี้คนไม่รักตัวเองจะพ้นทุกข์ไหม” ล่ะนะ ก็เดา ๆ เอา

คำของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ผู้ใดไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักในโลกไหนๆ ผู้นั้นเป็นผู้มีความสุข ปราศจากความโศก

คำว่า อันเป็นที่รักนั้น คือสภาพของอุปาทาน เป็นความยึดมั่นถือมั่น สำคัญมั่นหมายว่านี่คือฉัน นี่ของฉัน เพราะหลงว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นประโยชน์แท้

ถ้าเรายึดไปว่าสัตว์ เช่นสัตว์เลี้ยงจะเชื่องกับเราตลอด แล้ววันหนึ่งเขากัดเรา เราก็เจ็บ และเราก็ยังจะต้องเป็นทุกข์จากความผิดหวังอีกด้วย ถ้าเราไม่ยึดอะไร โดนกัดก็แค่เจ็บ แต่จะไม่ผิดหวัง เพราะไม่ได้ตั้งความหวัง

เช่นกันกับคนที่เรารัก ถ้าเราไปยึดว่าเขาจะดีกับเราตลอด แล้ววันหนึ่งมันมีเหตุปัจจัยให้เขาฉุนเฉียวใส่เรา เราก็จะผิดหวัง เศร้าหมอง เพราะเราไปยึดว่าเขาจะดีกับเราตลอด เราจะผิดหวัง เพราะเราไปตั้งความหวังไว้ผิด

เรื่องสังขารร่างกาย เช่น เราไปยึดว่าเรามีสุขภาพดี เราไม่เคยป่วย เรารักสังขารนี้ แต่พอวันหนึ่งมันป่วยขึ้นมา มันจะทุกข์มากกว่าที่ควรจะเป็นเพราะใจมันผิดหวัง มันไม่เป็นไปตามความยึดที่มี ใจมันก็ดิ้น ปฏิเสธความจริงในปัจจุบัน รำพึงรำพัน เช่นว่า เนี่ย เราไม่เคยป่วยเรา เราก็แข็งแรงมาตลอด ฯลฯ

เรื่องสังขารความคิดเช่น เรารักความเห็นนี้ของเรา เราชอบใจที่ว่าไม่กินเนื้อสัตว์นี่มันดี ไม่เบียดเบียนสัตว์ แต่พอมีคนมาพูดกระทบสิ่งที่เรารัก ทำให้สิ่งที่เรารักลดค่า โดนดูถูก เหยียดหยาม เหน็บแนม เราก็จะขุ่นเคืองใจ เพราะเราไม่อยากให้สิ่งที่เรารักเป็นอย่างอื่น อยากให้เราคิดแบบนั้น อยากให้คนอื่นเคารพในความคิดเรา อยากให้เขาคิดแบบเรา เราก็ทุกข์

ดังนั้นถ้าเราไปไม่ใส่ความรัก คือไม่ไปยึดสิ่งใดมาเป็นของตน ไม่พยายามทำให้สิ่งใดเป็นดั่งใจตน ไม่นิยมชมชอบสิ่งใดเป็นพิเศษ มันก็จะไม่ทุกข์ อันนี้อธิบายเหตุกันก่อน

ส่วนการที่ว่าคนไม่รักตนเองจะพ้นทุกข์ เป็นสุขไหม? อันนี้มันเป็นปัญหาของการสื่อภาษา จะอธิบายได้ทั้งสองแบบก็ได้ คือพ้นทุกข์กับไม่พ้นทุกข์

เช่น ถ้าไม่รักตนเอง ไม่หลงตน ไม่สำคัญตนในความเป็นตน ยังไงก็พ้นทุกข์ เป็นสุข คือสภาพของการสลายอัตตาทิ้ง จะเหลือแต่ปัญญา ก็ใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์

หรือ ถ้าไม่รักตนเอง ทำแต่บาปและอกุศลกรรม ใช้ชีวิตเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น อันนี้มันก็มีแต่ทุกข์และนรกเป็นที่ไป

รักตัวเองก็เช่นกัน มันก็รักได้ทั้งแบบเพิ่มกิเลสและแบบลดกิเลส ถ้ารักให้ถูกต้องลดกิเลส ทำประโยชน์แก่ตน แต่คนทั่วไปเขาจะเข้าใจว่ารักตัวเอง คือการบำเรอตนเอง หาอาหารแพง ๆ อร่อย ๆ มาให้ตนเสพ พาตนเองไปเที่ยว ไปเสพสุขที่ต่าง ๆ อันนี้เขาก็เรียกว่ารักตนเอง

ภาษามันก็ดิ้นกันได้ มันต้องดูว่าเขามีเจตนาทางกาย วาจาใจอย่างไร ทำแล้วหมายให้เกิดอะไร แต่การจะไม่รักตัวเองให้ได้นั้น จะต้องเลิกรักสิ่งอื่น สัตว์อื่น คนอื่นให้ได้ก่อน เพราะตัวเรานี่เป็นสิ่งที่เรารักที่สุด มันต้องมีลำดับของการถอยออกมา คือเลิกรักสิ่งรอบตัวก่อน แล้วมันจะเหลือแต่ความรักตัว รักในความเห็นตัวเอง สุดท้ายจะไปติดแถว ๆ “มานะ” ซึ่งเป็นสังโยชน์เบื้องสูง นั่นคืออาการรักในความเห็นตน มันรัก มันยึด มันก็เลยไม่ไปไหน ไม่เจริญไปมากกว่านั้น

การไม่รักใครคือที่สุดของความสุข ไม่มีความเศร้า

February 7, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 794 views 0

หามาก็นานกับหลักฐานคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับการอยู่เป็นโสดนี่มันมีแต่สุข ไม่มีทุกข์ เพราะคนทั่วไปเขาเข้าใจไม่ได้ เขาจะเข้าใจว่าโสดหรือมีคู่จะมีสุขทุกข์คนละมุม แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย อันนั้นก็เข้าใจตามมิจฉาทิฏฐิ แต่ถ้าสัมมาจะเป็นว่าโสดนี่ไม่มีทุกข์เลยมีแต่สุข ส่วนการมีคู่นั้นจริง ๆ มีแต่ทุกข์ สุขไม่มีเลย

วิสาขาสูตร “ผู้ใดไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักในโลกไหนๆ ผู้นั้นเป็นผู้มีความสุข ปราศจากความโศก

ธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ละเอียด ลึกซึ้ง เข้าใจได้ยาก รู้ตามได้ยาก ประณีต เดาเอาก็ไม่ได้ รู้ได้เฉพาะบัณฑิต

ถ้าไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างถูกตรงจนถึงผล เขาจะไม่คิดเหมือนพระพุทธเจ้า เขาจะคิดไปอีกทาง เรียกว่าความเห็นต่างกัน ที่เน้นว่า จนถึงผลนั้น เพราะในขั้นของมรรค ก็ยังไม่แนบแน่น 100% ยังมีส่วนของมิจฉา ยังพลาดได้

ที่ยกมานี้ จะได้เป็นเป้าหมายที่ถูกต้องให้คนที่พยายามปฏิบัติธรรม มันไม่มีอะไรดีกว่าความเป็นสุข ไม่มีความโศกเศร้าหรอก ไม่รักใครเลยนี่แหละ สุข เบาสบาย ไม่ต้องแบก ไม่ต้องหาม ไม่ต้องหวง ไม่ต้องเอาใครมาเป็นของเรา

ถ้าเข้าใจไม่ได้ถึงขั้นนี้อย่าเพิ่งสอนหรือบอกใครเลยเรื่องความรัก มันจะเพี้ยนไปทางหาเสพรสรัก นี่บอกตรง ๆ ผมยังเห็นใจนักเขียนดัง ๆ หลาย ๆ คนอยู่เลย ว่าเขาเอาธรรมะไปดัด ๆ ไปแปลงให้มันเอื้อไปในทางมีรัก ให้หมกมุ่นอยู่กับรัก บาปมหาศาลเลยนั่น เขาพาคนหลงมากได้ตามชื่อเสียงของเขา นั่นแหละคือปริมาณของอกุศลวิบากกรรมที่เขาจะได้รับต่อไป

ใช่ว่าเผยแพร่ธรรมะแล้วจะได้บุญกุศลเสมอไปนะ เผยแพร่มิจฉาธรรมนี่นรกกินหัวคูณไปกับปริมาณของความเห็นผิดที่ได้เผยแพร่ไปเลยนะ สรุปคือได้แต่บาปและอกุศล แต่กิเลสมันหลอกว่าได้บุญกุศล เขาก็เลยขยันทำชั่วไปอย่างนั้น …ถ้าที่ทำมันไม่พาพ้นทุกข์ อย่าทำเลยดีกว่า

ก็ตั้งเป้ากันให้ตรง ทำความเข้าใจว่าการไม่มีคนรักกับการมีคนรักนี่มันต่างกันยังกับฟ้ากับเหว สวรรค์กับนรก ไม่เสมอกัน ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน แล้วก็อย่าไปสลับตำแหน่งกันล่ะ ไม่มีรักนี่สวรรค์ มีรักนี่นรก คนหลงเขาจะกลับหัวกลับหาง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไม่เชื่อไปทำโพลดูได้ กลับหัวจากพระพุทธเจ้าเป็นส่วนมากนั่นแหละ ดีไม่ดี ถาม 1000 คน เขาก็ว่ามีรักสุข ไร้รักทุกข์ เศร้าหมองอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วหมดรักนั่นแหละสุขแท้ แถมยังไร้ความเศร้าหมองอีกด้วย โลกมันก็เป็นอย่างนี้แหละ

ตั้งตนเป็นโสด ไม่ล่อลวงให้ใครมารักมาหลง

February 6, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 656 views 0

การปฏิบัติอย่างหนึ่งของการประพฤติตนเป็นโสด คือการสำรวมกาย วาจา ใจ ไม่ให้ไปล่อลวงใคร ในขั้นของมรรคก็จะสังวรในข้อปฏิบัติ ถือเอาสิ่งเหล่านี้เป็นทาง อาจจะไม่ได้รู้โทษชั่วของการล่อลวงชัดเจน แต่ก็พยายามทำไปตามที่ครูบาอาจารย์สอน

แต่เมื่อปฏิบัติจนถึงผล จิตจะเปลี่ยนไป การสำรวมเหล่านั้นจะไม่ได้มีเพื่อตัวเอง แต่ทำไปเพื่อคนอื่น 100% คือ เราจะรู้สึกสงสารเขา ที่เขามาหลงเราในประเด็นที่ไม่ใช่ประโยชน์แท้ ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เราก็จะปิดช่องเหล่านั้นไปเรื่อย ๆ เท่าที่ทำได้

ในขั้นมรรคจะมีหิริโอตตัปปะไม่เต็มรอบ แต่ถ้าขั้นผลจะมีหิริโอตตัปปะเต็มรอบถ้วนสมบูรณ์ จะรู้จักบาปชัดเจน ดังนั้นตัวเองจึงไม่ทำและไม่นำพาให้คนอื่นทำด้วย

เมื่อปฏิบัติตนเป็นโสดจนถึงผล จึงไม่มีเจตนาที่จะสร้างอาการกิริยาใด ๆ ที่จะไปทำให้ใครเขาชอบชื่นใจ รูปก็จะลด แต่งตัวแต่งหน้านี่ไม่มีแล้ว แต่แต่งให้ถูกกาลเทศะก็อีกเรื่อง แต่ใจจะไม่เอาแล้ว กลิ่นนี่ไม่ต้องเติมให้หอมเลย เอาแค่ไม่เหม็นไปเบียดเบียนชาวบ้านก็พอแล้ว เสียงนี่ก็จะไม่ปรุงให้มันเด่น ไม่มีเสียงสองเสียงสาม มีแต่เสียงปกติ กิริยาท่าทางก็ลดลง เท่าที่จำเป็น ไม่ต้องมาทำท่านั้นท่านี้ ผู้ชายปกติจะไม่ค่อยมีอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงจะมีท่ามาก เล่นหูเล่นตา ลีลามาก กรีดกราย มือไม้จะมีท่าเยอะ อาการสะดีดสะดิ้งต่าง ๆ ตรงนี้ก็จะลดลงจนถึงขั้นไม่มีเลยเป็นปกติ คือปกติจะไม่ใช้ ถ้าจะใช้ก็ใช้ทำเพื่อเป็นประโยชน์

เมื่อจิตมีหิริโอตตัปปะ จะสะดุ้งกลัวต่อบาปแห่งการล่อลวง เขาจะร้สึกได้เองว่าการกระทำใด ทางกาย วาจา ใจ มีผลให้คนหลงรัก เขาจะกลัวบาปและเลิกทำสิ่งนั้น มันจะพลาดและเรียนรู้แล้วจะลดลงไปเรื่อย ๆ เป็นลำดับ

ส่วนคนไม่มีธรรมดังกล่าว หรือปฏิบัติไม่ถึงผล อย่างเก่งก็จะได้แค่ภาษา คือเข้าใจธรรมตามที่ครูบาอาจารย์สอน แต่ไม่มีสภาวะ คือจิตไม่ได้เป็นไปตามนั้น มันก็จะไม่รู้สึกผิดบาปอะไร แม้ตนจะจมอยู่กับบาปเหล่านั้นก็ตาม

ใช่ว่าบัณฑิตจะจีบไม่เป็นนะ จริง ๆ เก่งกว่าคนเจ้าชู้เสียอีก

February 6, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 735 views 0

ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่เขาประพฤติตนเป็นโสด คนเขาก็รู้กันว่านั่นคือบัณฑิต … ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจีบไม่เป็นเลยไปเอาดีทางธรรมนะ แต่มันตรงกันข้าม เพราะจริง ๆ เขาเข้าถึงที่สุดของการจีบและพบว่ามันไม่มีประโยชน์ต่างหาก

คนที่ปฏิบัติตนจนเข้าถึงผล ในเรื่องการปฏิบัติตนเป็นโสด จะมีความรู้ที่เกี่ยวกับการจีบ การล่อลวงให้คนรักคนหลงที่มากเป็นพิเศษ เรียกว่าเกินสามัญ เพราะสามัญเขารู้แค่จะทำอย่างไรให้จีบติด แต่ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วจะรู้ไปถึงอะไรเป็นประโยชน์แท้ อะไรเป็นบาป เป็นทุกข์ โทษ ชั่วอีกด้วย

ถ้าจะให้นึกปรุงจิตมันก็ปรุงได้หมดนั่นแหละ จะล่อลวงเขายังไง จะทำให้เขามารักยังไง จะหลอกให้คนมาหลงรักหัวปักหัวปำยังไง มันง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย แต่ปัญหาคือมันทำแล้วไม่พาพ้นทุกข์ ตัวเองก็ต้องลำบาก เพราะทำอกุศล ส่วนคนอื่นก็หลงมัวเมา ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นเลย

ดังนั้นเมื่อรู้โทษชั่วดังนั้น ก็เลยไม่ทำชั่ว ไม่ไปจีบใคร เหมือนกับพระเจ้าอโศกมหาราช เก่งขนาดปราบทั้งแผ่นดิน แต่สุดท้ายก็เลิกการฆ่า สนับสนุนการไม่กินเนื้อสัตว์ ถามว่าท่านฆ่าเป็นไหม? ตอบว่าสุดยอดนักรบเลยก็ว่าได้ จะฟันตรงไหน จะแทงตรงไหนให้ชนะ ท่านรู้หมดนั่นแหละ แต่ท่านก็เลิกทำ เพราะมันเบียดเบียนและไม่เป็นประโยชน์กับใคร

ท่านรู้แล้วว่าการเบียดเบียนมันเป็นโทษแล้วก็เลิก กลับตัวกลับใจ เอาอำนาจที่ตนมีมาทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่พระพุทธศาสนา

ดังนั้น จะเรียนรู้ก็รู้ให้สุด เก่งก็เก่งให้สุด รู้ให้แจ่มแจ้งถึงหมดทุกข์หมดสุข แล้วที่เหลือก็เลือกเอาว่าจะทำอะไร

ผมท้าเลย คนเจ้าชู้ที่จีบเก่ง ๆ เนี่ย เขาไม่มีปัญญาพาคนออกจากวังวนของความรักได้หรอก พาเข้าได้ แต่พาออกไม่เป็นไง อย่างเก่งก็มอมเมาเขาไปเรื่อย ๆ แต่จะให้พ้นทุกข์ พ้นชั่ว พ้นหลงนี่เขาทำไม่ได้หรอก