การขึ้นคานอย่างเป็นสุข

May 15, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,232 views 1

การขึ้นคานอย่างเป็นสุข

ดาวน์โหลดภาพขนาดเต็ม | Download full size image

การขึ้นคานอย่างเป็นสุข

สรุปปัญหาวุ่นๆของคนใกล้คาน เพื่อนำไปสู่วิธีขึ้นคานอย่างเป็นสุขด้วยกันทั้งหมด 9 ข้อ

1). เฝ้าคานอย่างว้าเหว่: คนโสดที่เต็มไปด้วยความอยากมีคู่ จะรู้สึกว่าชีวิตเหมือนขาดอะไรสักอย่างไป ความรู้สึกขาดนั้นเองจึงนำมาซึ่งการแสวงหา

2). ใครหนอจะมาเป็นคู่: มีความต้องการหาใครสักคนมาเติมเต็มความพร่อง ก็จะเริ่มมองหาคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้ามาเติมชีวิตให้เต็มได้

3). ใครสักคนจะพาลงคาน: ในจำนวนผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามา น้อยคนนักที่จะมีคุณสมบัติที่เราจะยอมให้เขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงสถานะของเรา คุณสมบัติที่ว่านั้นคือความสามารถของเขาที่จะสนองกิเลสของเราได้นั่นเอง

4). หนีคานไปหาคู่: เมื่อเจอกับคนที่ว่าใช่แล้ว ก็มักจะยินดีสละคานซึ่งเป็นที่มั่นแห่งความสุขและสงบที่สุดไป เพราะเข้าใจว่าการขึ้นคานนั้นทุกข์ การลงจากคานนั้นสุข จึงได้ทิ้งคานไปแสวงหาความสุขเอาข้างหน้า

5). เข้าง่ายออกยาก: ชีวิตคู่นั้นมักจะมีรสสุขโลกีย์มาเป็นตัวล่อ แต่พอนานวันไปสุขนั้นกลับลดลง เสื่อมลงหรือไม่มีอีกเลย ซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นสิบๆปีก็ได้ และถึงวันนั้นก็ไม่ง่ายแล้วที่จะหลุดออกมาได้ เพราะได้หลงเสพติดรสสุขในกิเลสหลายอย่างไปแล้ว

6). คู่กัด คู่กรรม: พออยู่กับคู่ไปสักพักก็จะเริ่มเอาแต่ใจกัน แม้แรกๆจะยอมกันได้ แต่หลังๆก็เริ่มจะไม่ยอมกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง มีปากเสียงกันบ้าง ลงไม้ลงมือกันบ้าง กลายเป็นคู่กัดที่รักกันไปกัดกันไป สร้างหนี้บาปหนี้กรรมให้ต้องมารับวิบากบาปที่พาให้ชีวิตเป็นทุกข์กันอีกมากมาย

7).หนีคนมาหาคาน: พอทุกข์จากเรื่องคู่จนทนไม่ไหวก็จะหนีคน กลับไปหาคาน เกลียดคน รักคาน กลายเป็นคนเกลียดความรักได้ ในขั้นตอนนี้มีโอกาสที่จะวนกลับไปเริ่มที่ข้อหนึ่งใหม่ หรือพัฒนาต่อไปที่ข้อแปดก็ได้ ถ้ายังมีความอยากมีคู่อยู่ก็จะไปเริ่มที่ข้อหนึ่งใหม่ แต่ถ้าเริ่มรู้สึกเอือมระอากับ “ความอยากมีคู่” แล้วก็อ่านกันต่อไป

8).ยกบันไดให้ไกลคาน: ความทุกข์ที่เกิดขึ้นมานั้น เกิดเพราะความอยากมีคู่ การที่เรายังมีบันไดแห่งความหวังว่าใครสักคนหนึ่งจะเข้ามาในชีวิต เพื่อให้เราได้เสพสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากเขาอยู่นั้น คือความอยากที่เป็นเชื้อทุกข์นั่นเอง ดังนั้นเมื่อเห็นโทษภัยของความอยากแล้วจึงควรศึกษาเรียนรู้เพื่อหาทางทำลายความอยากนั้นๆ

9).ขึ้นคานอย่างเป็นสุข: เมื่อทำลายความอยากนั้นได้ ก็ไม่ต้องรู้สึกว้าเหว่, เปลี่ยวเหงา, ซึมเศร้าเมื่อต้องอยู่ผู้เดียวบนคาน ไม่รู้สึกทุกข์ใดๆแม้จะต้องใช้ชีวิตอย่างคนโสด แต่กลับเห็นว่าความโสดนี้เองเป็นสุขแท้ เป็นความหลุดพ้นจากความอยากที่คอยผลักดันให้เราสร้างทุกข์ที่มากมายขึ้นมาในชีวิต เมื่อเห็นคุณค่าของความโสดนี้เอง ก็จะเป็นผู้ที่ขึ้นคานอย่างเป็นสุข เกาะคานไว้เป็นที่พึ่งจนวันสุดท้ายของชีวิต

– – – – – – – – – – – – – – –

15.5.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

Related Posts

  • 30+ โสดก็ทุกข์ ไม่โสดก็ทุกข์( โลกธรรม ) 30+ โสดก็ทุกข์ ไม่โสดก็ทุกข์( โลกธรรม ) เมื่ออายุล่วงเลยเข้าไปถึงสามทศวรรษ สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนแปลงไป ทั้งร่างกาย ความคิด […]
  • โสด ไม่เบียดเบียน โสด ไม่เบียดเบียน สัตว์โลกนั้นเบียดเบียนกันด้วยความอยากเป็นธรรมดา เพื่อที่เราจะเบียดเบียนกันได้อย่างสบายใจ เราจึงสร้างความลวงขึ้นมาบดบังความจริง ดังเช่นว่าการมีครอบครัวเป็นสุข เพื่อปิดบังความจริงที่ว่าการมีครอบครัวนั้นเบียดเบียน […]
  • Happy ending เมื่อตอนจบกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่ไม่มีอยู่จริง Happy ending เมื่อตอนจบกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่ไม่มีอยู่จริง คำว่า “Happy ending” มักจะเป็นคำที่เราได้เห็นในหนังในละครมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก เรื่องราวหลายเรื่องมักจะจบด้วยความสมหวังด้วยการครองคู่ […]
  • เจ็บแล้วไม่จำ เจ็บแล้วไม่จำ ...แม้จะไม่สมหวังในความรัก แต่ก็ยังจะพยายามเพื่อให้ได้รักมา ผู้คนมากมายต่างแสวงหาความรัก โหยหาคนรัก คนดูแล คนเอาใจ คนที่จะมาครองคู่ คนที่จะมาอยู่ร่วมกัน แม้ว่าเส้นทางนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก […]
  • แฟนคนไหนดี แฟนคนไหนดี แฟนในอดีตก็ผ่านไปแล้ว แฟนในอนาคตก็ยังไม่มาสักที แฟนในปัจจุบันก็ดูจะไม่ไหว หรือจริงๆแล้วไม่มีแฟนจะดีกว่า? เรื่องของการมีคู่เป็นหนึ่งในปัญหาโลกแตกที่วนเวียนกันไม่จบไม่สิ้น […]

Comments (1)

  1. ที่เรา “อยากมีคู่” นั้นเพราะมี อวิชชา คือ”ไม่รู้ว่าการมีคู่เป็นทุกข์” (มีแต่ทุกข์ สุขไม่มีเลย สุขที่เห็นนั้นเป็นสุขลวงที่เกิดจากอุปาทาน ล้างอุปาทานถอนตัณหาในเรื่องคู่ได้ จะค้นพบความจริงว่ามีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ และทุกข์เท่านั้นที่ดับไปในเรื่องคู่…เอาจริงๆมันก็มีแต่ทุกข์นั่นแหละ)

    ดังนั้นคนที่ไม่รู้จริง โสดอยู่บนคานก็เป็นทุกข์เพราะความอยาก มีคู่ก็เป็นทุกข์เพราะวิบากบาปต่างๆนาๆ ก็วิ่งขึ้นวิ่งลงคานสลับกันไปชาติแล้วชาติเล่า ไม่จบเสียที

ฝากความคิดเห็น : Leave a Reply