ตึงจนเครียด?
ก็เห็นโพสที่เขาแสดงความเห็นกันแบบตึงจนเครียด ก็เลยมาตรวจตัวเองว่าทำให้ตัวเองเป็นทุกข์เช่นนั้นรึเปล่า
งานที่ผมทำ ที่คนอื่นจะพอเห็นได้ คือบทความ และส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องโสดและคนคู่ ซึ่งถ้าเลื่อนดู บางทีก็จะมีติดกันหลายวันหลายตอนจนบางคนอาจจะเข้าใจว่าผมจริงจังมาก
จริง ๆ ก็ไม่ใช่หรอก งานหลักของผมคือทำสวน งานรองทำงานสื่อจิตอาสา ถ้าเหลือเวลาว่างอีกคิดอะไรออกก็เอามาพิมพ์ เรียกว่าใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์นั่นแหละ
ส่วนที่พิมพ์ติด ๆ กันบ้าง เพราะมันเป็นประโยชน์ไง บางทีพิมพ์บทแรกไป ก็คิดบทสองได้ เอ้อ มันก็น่าจะเป็นประโยชน์นะ ก็พิมพ์ไปซะหน่อย คนเขาสนใจ เขาก็อ่าน ไม่สนใจเขาก็ผ่าน เฟสบุ๊คมันดีตรงนี้นี่แหละ คือคนเขามีอิสระในการอ่านหรือไม่อ่านก็ได้ เราก็ไม่ได้บังคับใครมาอ่านซะหน่อย
ส่วนตัวผมสบายมาก ทั้งใจทั้งกาย สบายใจเพราะได้แบ่งปันสิ่งดี สบายกายเพราะส่วนใหญ่จะใช้เวลาพักเหนื่อยจากงานมาพิมพ์หรือไม่ก็ตอนค่ำ ๆ ที่มีเวลาผ่อนคลายค่อนข้างเยอะ
ถ้าความตึงมันไม่ได้เกิดที่เรา แล้วมันจะเกิดกับคนอื่นได้ไหม? ก็ตอบว่าได้ ถ้าเขามีความชังมาก ๆ หรือเขาอินทรีย์พละอ่อน พระพุทธเจ้าเคยตรัสเกี่ยวกับพวกอินทรีย์พละอ่อนหรือพวกภูมิธรรมอ่อนแอว่า สอนอะไรก็ไม่ทำ สอนอะไรก็ว่ายาก สอนอะไรก็แย้ง ซึ่งก็แสดงถึงความเป็นธรรมดาในโลก เก่งสุดอย่างพระพุทธเจ้ายังมีคนหาว่าตึงเลย อันนี้มันก็เป็นเรื่องของโลกไป
เรื่องโสดนี่ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนอกจากแบ่งปันสิ่งดีนะ ใครเห็นประโยชน์เขาก็มาเอาเอง เพราะรู้ว่าจริง ๆ มันยาก มันยากกว่าฐานศีล ๕ อีก แค่ถือศีล ๕ ละอบายมุข หมั่นทำดี ก็ใช่ว่าจะมีกำลังที่จะพาตนเองเป็นโสดได้ เพราะการจะปฏิบัติตนเป็นโสด มันก็ต้องฝืนกิเลสมากกว่า แต่คนจะมาถือศีล ๕ ละอบายมุขได้เขาก็ดีมากแล้วแหละ ดีกว่าคนทั่วไป แต่เรื่องเป็นโสดนี้บางทีมันก็ไม่ใช่ฐานเขา
แต่ถึงมันจะยาก มันก็ยังเป็นดี ที่ควรประกาศไว้ เพราะทุกวันนี้ในสังคมส่วนใหญ่จะมีความรู้ตันอยู่แค่ มีคู่ดีอย่างไร ใช้ชีวิตคู่ปล่อยวางอย่างไร มันติดเพดานตรงนี้ ผมก็คิดว่าเราน่าจะขยายแนวคิดไปให้ครบจบถึงการพ้นทุกข์อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ไม่ใช่มาติดอยู่ที่เสพกามอย่างผาสุก อันนี้ไม่เจริญ
คนที่มีภูมิธรรม มีของเก่ามา หรือตั้งใจปฏิบัติเขาจะได้มีทางเดินต่อ ไม่ใช่ไปหลงอยู่กับการหาคู่ดีคู่ไม่ดี มันเสียเวลาชีวิตมาก แทนที่จะได้เอากำลังที่มีไปทำสิ่งที่มีประโยชน์กว่า ก็ต้องเสียเวลาเพราะไม่รู้ว่าอะไรมันดีกว่าการมีคู่ที่ดี
อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ที่พิมพ์ไปเยอะ ๆ นั่น พิมพ์แบบไม่มีหวังเลย เพราะขนาดผมเจอคนที่เขาศรัทธามากเลยนะ เกื้อกูลมากด้วย คือมีทั้งศรัทธาและสร้างวิบากดีร่วมกัน ยังไม่รอดเลย
การจะมาหวังให้พิมพ์ ๆ กันแค่นี้แล้วอ่านจนโสดอย่างผาสุกได้นี่ก็เก่งเกินคนไปแล้ว เพราะที่ให้ไปก็มีแค่ความรู้กับสภาวะ แต่ถ้าไม่มีวิบากดี ที่ทำดีมามาก หรือเคยเกื้อกูลกันมา นี่มันจะไม่มาไม่ไปหรอก แต่อย่างน้อยก็จะไม่เสื่อมไปมากกว่าที่ตนเองเป็น
การตั้งจิตปฏิบัติตนเป็นโสด คือ อยู่คนเดียวให้ได้อย่างผาสุก การอยู่คนเดียว อยู่เป็นโสดนั่นแหละคือโจทย์ ว่าเราจะแส่หาความไม่โสดหรือเปล่า
คนโสดอยู่คนเดียวก็เป็นสุข อยู่กับเพื่อนก็เป็นสุข เพราะขนาดคู่ยังไม่เอา แล้วจะไปเอาอะไรกับเพื่อน ไม่ใช่ว่าไม่มีคู่แล้วไปติดเพื่อน ไปหวั่นไหวกับเพื่อนนะ ถ้าโสดได้จริงมันจะแกร่งขนาดไม่ติดเพื่อน แต่ก็จะอาศัยเพื่อนในการสร้างความเจริญ จะไม่มีหรอกทะเลาะกันหรืออาการง้องอน ซึ่งเป็นธาตุแห่งความเป็นคนคู่เช่นนั้น ก็เป็นเพื่อนแค่ร่วมงาน ปรึกษา ร่วมพัฒนากันไป แต่ไม่ได้ผูกกัน ไม่ได้ยึดกัน แค่อาศัยกันเท่านั้น
จะว่าไปคนอินทรีย์พละอ่อน นี่ถ้าเขาไปอ่านพระไตรปิฎก เขาจะรู้สึกตึงเครียดมากเลยนะ มีแต่ประโยคย่ำยีกิเลส มันจะอึดอัดในใจเพราะกิเลสไม่ชอบธรรมะ มันก็เป็นธรรมดาของมันแบบนี้แหละ