ศัตรูชีวิตก็คือสตรี
ศัตรูชีวิตก็คือสตรี
ความเจ้าชู้ ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ก็เป็นภัยแก่ความผาสุกทั้งสิ้น หลายครั้งที่ได้เห็นข่าวเกี่ยวกับคนที่คนรักไปมีชู้ แล้วเขาก็แก้ปัญหาในทางที่ผิด คือแก้ด้วยความโกรธ แค้น อาฆาต มุ่งร้าย ทำลาย ฯลฯ คือมีแต่พากันให้เป็นทุกข์ ตัวเองก็ทุกข์เพราะโทสะ คนอื่นก็ทุกข์เพราะผลแห่งการบันดาลโทสะ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะชวนกันมาศึกษาว่า เรื่องเหล่านี้ควรจะแก้ไขอย่างไรหนอ? ชีวิตจึงจะเป็นสุข ลองมาอ่านความตอนหนึ่งจากพระไตรปิฎกกัน
“บัณฑิตจะพึงวางใจอย่างไรได้ว่า หญิงนี้เรารักษาไว้ดีแล้ว วิธีที่จะป้องกันรักษาหญิงผู้มีหลายใจ ไม่พึงมีโดยแท้ เพราะว่าหญิงเหล่านั้นมีอาการคล้ายก้นเหวที่เรียกกันว่าบาดาล บุรุษผู้ประมาทในหญิงเหล่านั้นย่อมถึงความพินาศทั้งนั้น
เพราะเหตุนั้นแหละ ชนเหล่าใดไม่เที่ยวคลุกคลีกับมาตุคาม(ผู้หญิง) ชนเหล่านั้นมีความสุขปราศจากความโศก ความประพฤติไม่คลุกคลีกับมาตุคามนี้เป็นคุณนำความสุขมาให้ บุคคลผู้ปรารถนาความเกษมอันอุดมไม่พึงทำความเชยชิดสนิทสนมกับมาตุคามเลย (พระไตรปิฎก เล่ม ๒๗“สมุคคชาดก” ช้อ ๑๒๙๙)
ในชาดกตอนนี้ท่านว่า ไม่มีหรอกที่จะรักษาผู้หญิง(ผู้ชาย) ที่หลายใจ เราจะวางใจไม่ได้เลย เพราะหญิงหรือชายหลายใจเหล่านั้นไม่เคยพอ ไม่เคยเต็ม ดังเนื้อเพลงฮิตสมัยก่อนว่า “เติมใจเธอไม่เคยเต็ม เติมใจเธอไม่เคยพอ” คนหลายใจก็เป็นเช่นนี้แหละ ไม่เคยเต็ม ไม่เคยพอแบบนี้ จะทุ่มโถมทุ่มเทเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็ม เพราะกิเลสนั้นคือความเสพไม่เคยอิ่ม คนที่ประมาท ชะล่าใจ ไว้ใจ ว่าตนเองเอาอยู่ ตนเองควบคุมได้ รักษาไว้ได้ คนที่ประมาทอย่างนี้ก็ต้องพบกับทุกข์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในย่อหน้าที่สองยังสรุปไว้อย่างหนักแน่นว่า คนที่ไม่ไปยุ่งหรือวนเวียนอยู่กับผู้หญิง คนเหล่านั้นจะมีแต่ความสุข ไม่มีเศร้าหมอง ถ้าดำรงชีวิตไม่คลุกคลีกับผู้หญิงจะนำความสุขมาสู่ชีวิต คนที่หวังจะมีชีวิตผาสุกอย่างยิ่งยวด ไม่ควรไปสนิทสนมกับผู้หญิงเลย
ถ้าอ่านรู้แล้วสึกว่า มันอะไรกันนักกันหนากับผู้หญิง จะยกเนื้อหาเพิ่มเติมให้ศึกษา คือตอนที่แม่ที่เลี้ยงเจ้าชายสิทธัตถะมาตั้งแต่ยังเด็ก จะมาขอบวช แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ทรงอนุญาต ขอแล้วขออีก น้ำตานองหน้า โกนหัว นุ่งผ้าฝาด เดินจนเท้าพองมาขอ ท่านก็ยังไม่ให้บวช จนพระอานนท์ต้องตื้อแล้วตื้ออีก จนพระพุทธเจ้ายอมแบบมีข้อแม้ คือนักบวชหญิงต้องปฏิบัติคุรุธรรม 8 ประการ ตลอดชีวิต เป็นข้อธรรมที่หนัก และทำได้ยาก ทำลายอัตตาผู้หญิงแบบสุด ๆ ผู้หญิงที่ยอมทำตามเท่านั้นจึงจะให้บวชได้
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าได้สอนว่าถ้ารับผู้หญิงเข้าบวชมาในศาสนา อายุศาสนาจะสั้นลงเท่าหนึ่ง เช่น จาก 1,000 ปี ก็เหลือ 500 ปี ท่านเปรียบไว้เช่นว่า “เปรียบเหมือนเพลี้ยที่ลงในไร่อ้อยที่สมบูรณ์ ไร่อ้อยนั้นไม่ตั้งอยู่ได้นาน” สุดท้ายพระพุทธเจ้าสรุปว่าคุรุธรรม 8 ประการนั้นแหละ จะเป็นตัวกั้นไม่ให้เสื่อม เหมือนกับทำขอบสระให้ใหญ่พอที่จะกั้นไม่ให้น้ำไหลออกได้ ดังนั้นความเสื่อมจะเกิดน้อยที่สุด เท่าที่นักบวชหญิงทั้งหลายยังถือปฏิบัติคุรุธรรม 8 ประการ
เรื่องเหล่านี้นี่เอง คือความรู้ของพระพุทธเจ้าที่เห็นโทษภัยแม้เล็กแม้น้อยที่มีในผู้หญิง และยังมีอีกหลายสูตรเกี่ยวกับความเป็นภัยของผู้หญิง ดังนั้น ผู้ชายอย่างเราก็ควรจะรักษาตนให้เป็นโสด ไม่คลุกคลีกับผู้หญิงโดยไม่จำเป็น ชีวิตก็จะเป็นอยู่ผาสุก ห่างไกลบาปกรรมและการทำสารพัดเรื่องชั่วได้นั่นเอง
19.2.2563
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์