Tag: คู่ครองไม่ดี
จะหลีกเลี่ยงผู้ชายที่ไม่ดี ป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาในชีวิตได้อย่างไร?
คำถาม : จะหลีกเลี่ยงผู้ชายที่ไม่ดี ป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาในชีวิตได้อย่างไร?
คำตอบ : ผู้ชายที่เข้ามาหวังจะมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว เข้ามาคบหาเป็นแฟน หวังจะเป็นคู่ชีวิต ไม่ดีทุกคนนั่นแหละ ถ้าจะป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเข้ามาในชีวิตก็ให้อยู่เป็นโสด
ขยายคำตอบ : ผู้ชายดีที่จะพาไปสู่ความผาสุก ผู้ชายที่ไม่ดีจะพาไปสู่ความเป็นทุกข์ ตามหลักศาสนาพุทธ การเข้าไปรักสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การมีคู่ การแต่งงาน ไม่ใช่เรื่องน่าสรรเสริญของบัณฑิต เพราะการที่ใครคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตแล้วพาให้เกิดความรัก นั้นก็ว่าเป็นทุกข์แล้ว ยังไม่รวมสิ่งที่พากันหลงมัวเมาทำสิ่งที่เบียดเบียน ทำสิ่งที่ไร้สาระ ทำสิ่งที่ชั่วกันโดยไม่รู้ตัวอีกมากมาย
กิเลสจะหลอกให้เราเห็นว่าสิ่งที่เราหรือเขาทำนั้น เกิดผลเป็นสุขในเบื้องต้น และหลอกเราว่าสิ่งชั่วที่เราทำนั้นเป็นสุขตลอดไปตราบเท่าที่เรายังไม่มีปัญญา แต่เมื่อเราได้เห็นทุกข์จนเกินจน เราจึงจะสามารถเห็นธรรมได้ชัดขึ้นเช่น คนที่เคยรักกันเปลี่ยนไปจากเดิม คนที่เคยรักกันนอกใจกัน คนที่เคยรักกันทำร้ายกัน คนที่เคยรักกันฆ่ากัน ฯลฯ เราก็จะเห็นความจริงได้เองว่า แท้จริงแล้ว เขาเป็นสิ่งที่สร้างทุกข์ให้กับเรา ทีนี้หลายคนผูกพันไปแล้วมันออกไม่ได้ บางคนมีลูกเป็นบ่วงเวรบ่วงกรรมยิ่งแล้วใหญ่ ก็ทั้งรักทั้งเกลียดต้องทนอยู่ในสภาพทุกข์ที่ต้องยอมจำนน
การที่เราจะหวังว่าจะคัดผู้ชายที่ดีที่สุดไม่ทำให้เราทุกข์ เข้ามาเป็นคู่ชีวิตนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แม้ว่าเราจะพยายามหลอกตัวเองว่าที่เราเลือก จะเป็นทุกข์น้อย เป็นสุขมากกว่า มันก็ไม่ใช่ เพราะความจริงแล้วเมื่อเทียบทุกข์น้อยกับไม่ทุกข์เลย ความไม่ทุกข์ย่อมเป็นสิ่งที่น่าได้น่ามีกว่า นั่นหมายถึงอยู่เป็นโสดจะไม่ต้องทุกข์เพราะคู่ที่ไม่ดีเลย
แต่ถึงกระนั้นก็ยากที่คนจะยอมทิ้งสุขลวงที่โลกหลอก เพราะตนเองหลงสุขในการมีคู่ จึงอยากได้คู่มาบำเรอตนในมุมต่าง ๆ ที่ตนเองหลงติดหลงยึด และหลงว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นโทษน้อย เป็นคุณประโยชน์มาก ซึ่งการอยากมีคู่นี้เองคือสภาพของการเห็นกงจักรเป็นดอกบัวโดยสมบูรณ์ คือเห็นสิ่งที่เป็นโทษภัยเป็นประโยชน์สุข เห็นสิ่งที่ไร้สาระเป็นสาระ เป็นความกลับหัวกลับหางในความถูกต้อง หรือที่เรียกว่ามิจฉาทิฎฐิ
ดังนั้นเมื่อเรายังเห็นผิดว่าการมีคู่นั้นดี เห็นว่าเป็นประโยชน์อยู่ เราก็จะแสวงหาสิ่งนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งดึงใครสักคนเข้ามาในชีวิต นั่นคือเราเลือกเราว่าจะให้เขาคนนั้นเข้ามาทำร้ายเรา เข้ามาทำให้เรารักเราหลงจนงมงาย ให้เราเป็นทุกข์แสนสาหัสเพราะคนคนนั้น จึงสรุปได้ว่า ถ้าเราอยากจะพ้นไปจากคนไม่ดีที่จะเข้ามาเป็นคู่ เราก็จะต้องทำลายความอยากมีคู่ ซึ่งเป็นพลังหลักที่ผลักดันให้เราไปมีคู่นั่นเอง
22.7.2560
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์
คู่ครองกับกรรมเก่า
เจอคู่ครองไม่ดี อย่ามัวโทษแต่กรรมเก่า
กิเลสตัวต้นเหตุ มันซ่อนอยู่ในกรรมนั้น
………….
เมื่อเราได้รับทุกข์จากคนที่คบหากัน แล้วมีทีท่าว่าจะจับมือใครดมไม่ได้ว่าต้นเหตุมันมาจากใคร สุดท้ายก็โยนความผิดทั้งก้อนไปให้กรรมเก่าของเรานั่นแหละ เพราะเราเคยทำกรรมมาก็เลยต้องมารับผลกรรม
การยอมรับกรรมที่ตนเองทำมานั้นก็เป็นเรื่องดีเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ยังดีไม่สุดถ้ายังไม่สืบสาวไปถึงต้นเหตุว่าเราทำกรรมอะไรมา เช่นการที่เราต้องมาทุกข์เพราะเรื่องคู่ นั้นก็เพราะเราเอาเขาเข้ามาในชีวิตเอง เราอยากได้อยากเสพเขาเอง ไม่ใช่กรรมเก่าแต่ปางก่อนที่ไหน กรรมในชาตินี้ของเราเองที่ตามใจกิเลสจนให้เขาเข้ามามีบทบาทในชีวิตจิตใจ เพราะเราหลงยึดเขาไว้เอง
เราไม่สามารถโทษกรรมเก่าได้เลยหากเราไม่โดนบังคับให้คบ ไม่โดนคลุมถุงชน หรือโดนเอาปืนกรอกปากบังคับให้แต่งงาน แต่เราโดนกิเลสมันหลอกให้หลงไปคบหา ไปแต่งงาน เพราะหวังจะได้เสพสุข
ผู้ร้ายตัวจริงมันคือกิเลสนี่เอง ถ้าเราเอาแต่โทษกรรมและยอมรับกรรมให้มันจบไป แน่นอนว่าผลของกรรมนั้นจะหมดไปในวันใดวันหนึ่ง แต่กิเลสตัวบงการมันไม่ได้หายไปกับผลของกรรมนั้นๆ มันอยู่กับเราตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังรอคอยโอกาสล่อลวงเราด้วยสุขหลอกๆ และทำให้เราเป็นทุกข์อยู่เสมอ
ดังนั้นถ้าโยนปัญหาทุกอย่างให้กรรมแล้วรู้ไม่ทันว่ากิเลสอยู่เบื้องหลัง ก็เหมือนกับการจับผู้ร้ายผิดตัว สุดท้ายกิเลสก็ลอยนวล และเราก็ต้องรับผลของกรรมนั้นไปโดยไม่รู้ไม่เห็นเหตุ รู้ได้แต่ผลของกรรมทำให้ทุกข์ รู้ได้แค่ทำไม่ดีกับคนนั้นคนนี้มาเลยต้องมารับกรรม แต่ไม่รู้ว่าเหตุอะไรที่ผลักดันให้ทำสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น นั่นหมายถึงไม่รู้กิเลส ไม่รู้ไปถึงเหตุแห่งทุกข์ สุดท้ายก็ไม่รู้จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร
– – – – – – – – – – – – – – –
2.7.2558