Tag: คำสาป
ความรักไม่เที่ยง
ความรักไม่เที่ยง
เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าความรักในวันนี้จะเป็นเหมือนกับเมื่อวาน ความรักในวันพรุ่งนี้จะยังคงเป็นเหมือนในวันนี้ และในอนาคตต่อไปอีกหลายเดือนหลายปีข้างหน้าความรักที่เรารู้จัก จะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ไหม?
ความไม่เที่ยงนั้นคือความเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งสภาพที่เพิ่มขึ้น ลดลง จนกระทั่งดับไป และมันจะไม่อยู่คงที่เหมือนเดิมตลอดกาล
สำหรับคนที่ประมาทต่อพลังของกิเลสที่ซ่อนอยู่ในภาพของความรัก ก็อาจจะปล่อยให้ความรักที่ปนด้วยกิเลสนั้นเติบโตขึ้นโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เช่นเดียวกับการที่ใครสักคนก้าวเข้ามาในชีวิต เข้ามามีความสัมพันธ์หรือกระทั่งเข้ามาจีบ ในตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะหลงรัก แต่พอเขาเข้ามาดูแลเอาใจ เข้ามาบำรุงบำเรอกิเลส ซึ่งสุดท้ายกว่าจะรู้ตัวก็มักจะสายไปเสียแล้ว หลงรักหมดตัวหมดใจไปแล้ว เหมือนกับโดนคำสาปให้ต้องหลงงมงายอยู่กับความรักจนถอนตัวไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้คงอยู่เช่นนั้นตลอดไป เมื่อมีเกิดมันก็ต้องเสื่อมและดับลงสักวันหนึ่ง ไม่มีความรักใดที่เหมือนเดิมทุกวัน มันมีความเปลี่ยนแปลง แต่เราจะสามารถเห็นและเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของมันได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้ที่เข้าไปหลงยึดมั่นถือมั่นว่าการมีความรัก การมีคนรัก การมีคู่รักนั้นดี เป็นสิ่งมีคุณค่า เป็นประโยชน์ เป็นความสุข จะไม่สามารถมองเห็นความจริงตามความเป็นจริงได้ แต่จะเห็นตามที่ตนเองอยากเห็นเท่านั้น คือเห็นว่ารักนั้นเที่ยง เห็นว่าเรานั้นสามารถรักษาความรักได้ยืนนาน เห็นว่ารักนั้นจะคงอยู่ยั่งยืนตลอดไป
…เมื่อความจริงไม่เป็นดังความฝัน เมื่อรักทั้งหลายนั้นย่อมเสื่อมและดับลงไปตามกาลเวลา ผู้ที่ยังหลงติดหลงยึดจึงต้องเจ็บปวดกับการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา
ถ้าความรักนั้นดีจริง มันก็คงจะดีอยู่เช่นนั้นตลอดกาล แต่ในความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ความรักนั้นมักจะต้องมีการดูแลเอาใจใส่ เพื่อเป็นอาหารให้ความรักนั้นคงอยู่ได้ แต่ความรักเช่นนี้ไม่มีวันอิ่ม ไม่มีวันเต็ม ต้องให้อาหารตลอด ต้องเติมต้องเพิ่มตลอด เสพไม่รู้จักอิ่ม เมื่อไม่ได้เสพสมใจก็เกิดความไม่พอใจ หงุดหงิดรำคาญใจ เรียกร้องขออาหาร หากยังไม่ได้ก็จะทำให้เกิดทุกข์ยิ่งขึ้น ส่วนจะทุกข์มากทุกข์น้อยก็แล้วแต่ว่าเคยหล่อเลี้ยงความรักกันมาอย่างไรถ้าบำเรอกิเลสมากก็ทุกข์มาก บำเรอกิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
ความหลงจะหลอกให้เราหาข้ออ้างในการมีคู่ หลอกให้เราเข้าไปคว้าสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน โดยจะมีความเห็นและเข้าใจว่าการเป็นคู่รักนั้นสามารถหาประโยชน์ได้แม้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่มีตัวตน ไม่มีจริง ไม่มีสาระตั้งแต่แรก ดังนั้นผู้ที่เห็นสิ่งที่ไม่มีสาระว่าเป็นสาระ จึงเป็นสภาพที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสตั้งแต่แรก
ผู้ที่เข้าใจความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่มีสาระใดๆในความรักเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่เอาตัวเข้าไปคลุกคลีกับความรักที่มากกว่าการเป็นเพื่อน เพราะไม่มีประโยชน์ใดเลยที่เราจะเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข ในสิ่งที่ไม่มีสาระ ว่าเป็นสาระ เป็นสิ่งสำคัญเป็นของจริง เป็นตัวตน
– – – – – – – – – – – – – – –
3.9.2558
ทุกข์ของคนอยากมีความรัก
ทุกข์ของคนอยากมีความรัก
ก็คือ “ความอยาก” มีความรัก
= = = = = = = = = = =
ความอยากมีความรักนั้นเหมือนคำสาป
ทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอด
ใครที่เผลอตัวเข้าไป ก็มักจะหลงทาง
ทั้งที่ทางออกนั้นก็คือทางเข้า แต่กลับมองไม่เห็น
พากันแก้ปัญหาความรักด้วยการแสวงหามาเติมให้เต็ม
ยิ่งแก้ก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งแก้ก็ยิ่งหลง ยิ่งแก้ก็ยิ่งไกล
หาคนนั้น หาคนโน้น ชอบแบบนั้น ชอบแบบนี้
ปรึกษาคนนั้น ปรึกษาคนนี้ ตามหาศิราณีไปทั่ว
พบรัก สมหวัง คบหา เลิกรา เป็นอย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น
โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว…
วิธีแก้ปัญหาความรักมันก็ไม่ได้หายากอะไรมากมาย
มันก็แก้กันที่ “ความอยากได้อยากมี” เท่านั้นเอง
…
การแก้ปัญหาความอยากได้รับความรัก
ไม่ได้ง่ายเพียงแค่กดข่มใจให้ “ไม่อยาก”
แต่เป็นการค้นให้ลึกลงไปถึงรากของปัญหา
คือเรา “อยาก” ได้รับอะไรจากความรัก
เราอยากได้ อยากมี อยากเสพอะไร
เราต้องการสิ่งใดหนอ ที่ทำให้เราต้องลำบาก
ที่ทำให้เราต้องทนทุกข์กับการแสวงหาความรัก
– – – – – – – – – – – – – – –
16.4.2558