Tag: ความรัก
เมฆกับความรัก
เมฆกับความรัก
ลูกหมู : โอ๊ะ!! นั่นเมฆรูปหัวใจโชคดีจังที่ได้เห็น ความรักครั้งใหม่ของฉันจะต้องดีแน่เลย
หมูเด็ก : แต่เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนไปเป็นรูปอื่นนะ
ลูกหมู : เมฆเปลี่ยนแต่ความรักของฉันจะไม่เปลี่ยนไปนะ
หมูเด็ก : ความรักก็เหมือนเมฆนั่นแหละ ตอนแรกมันก็ไม่มีหรอก ต่อมามันก็ก่อตัวให้เห็น ให้เรารัก ให้เราหลงว่ามันจะดี แต่สุดท้ายมันก็สลายหายไป
ลูกหมู : ฉันจะพยายามทำให้ความรักอยู่กับเราไปนานๆ
หมูเด็ก : ถึงจะพยายามอย่างไร แต่สุดท้ายมันก็จะเปลี่ยนไป แม้อย่างนั้นเธอก็ยังอยากจะพยายามเพื่อสิ่งนั้นอยู่อีกหรือ?
ลูกหมู : ใช่แล้ว เพราะฉันจะพยายามรักษาความรักให้คงอยู่ ดูแลกันไป ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปเป็นคู่กันไป
หมูเด็ก : แบบนั้นก็พอจะทำให้ครองรักกันไปนานๆได้นะ แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงก็ต้องทุกข์อยู่ดี
ลูกหมู : ฉันจะมีความรักโดยไม่ยึดมั่นถือมั่น ฉันพร้อมจะปล่อย ฉันจะได้ไม่ต้องทุกข์เพราะความเปลี่ยนแปลง
หมูเด็ก : ก็ปล่อยตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ ตอนที่ความสัมพันธ์ยังไม่ลึกซึ้ง ยังไม่ผูกพันกันมาก
ลูกหมู : …
ลูกหมู : …(a. ถ้าคุณเป็นลูกหมู จะตอบว่าอย่างไร?)
หมูเด็ก : …
– – – – – – – – – – – – – – –
*เนื้อหาในตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขและมีเนื้อหาต่อเนื่องไปเรื่อยๆตามที่เหตุปัจจัยจะอำนวย เช่นมีคนมาเสนอความคิดเห็น ผมก็จะลองพิมพ์ต่อไปเรื่อยๆ ตามที่เห็นว่าเหมาะสม เข้ากับเนื้อหาและเป็นประโยชน์
– – – – – – – – – – – – – – –
3.9.2558
ความรักไม่เที่ยง
ความรักไม่เที่ยง
เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าความรักในวันนี้จะเป็นเหมือนกับเมื่อวาน ความรักในวันพรุ่งนี้จะยังคงเป็นเหมือนในวันนี้ และในอนาคตต่อไปอีกหลายเดือนหลายปีข้างหน้าความรักที่เรารู้จัก จะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ไหม?
ความไม่เที่ยงนั้นคือความเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งสภาพที่เพิ่มขึ้น ลดลง จนกระทั่งดับไป และมันจะไม่อยู่คงที่เหมือนเดิมตลอดกาล
สำหรับคนที่ประมาทต่อพลังของกิเลสที่ซ่อนอยู่ในภาพของความรัก ก็อาจจะปล่อยให้ความรักที่ปนด้วยกิเลสนั้นเติบโตขึ้นโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เช่นเดียวกับการที่ใครสักคนก้าวเข้ามาในชีวิต เข้ามามีความสัมพันธ์หรือกระทั่งเข้ามาจีบ ในตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะหลงรัก แต่พอเขาเข้ามาดูแลเอาใจ เข้ามาบำรุงบำเรอกิเลส ซึ่งสุดท้ายกว่าจะรู้ตัวก็มักจะสายไปเสียแล้ว หลงรักหมดตัวหมดใจไปแล้ว เหมือนกับโดนคำสาปให้ต้องหลงงมงายอยู่กับความรักจนถอนตัวไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้คงอยู่เช่นนั้นตลอดไป เมื่อมีเกิดมันก็ต้องเสื่อมและดับลงสักวันหนึ่ง ไม่มีความรักใดที่เหมือนเดิมทุกวัน มันมีความเปลี่ยนแปลง แต่เราจะสามารถเห็นและเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของมันได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้ที่เข้าไปหลงยึดมั่นถือมั่นว่าการมีความรัก การมีคนรัก การมีคู่รักนั้นดี เป็นสิ่งมีคุณค่า เป็นประโยชน์ เป็นความสุข จะไม่สามารถมองเห็นความจริงตามความเป็นจริงได้ แต่จะเห็นตามที่ตนเองอยากเห็นเท่านั้น คือเห็นว่ารักนั้นเที่ยง เห็นว่าเรานั้นสามารถรักษาความรักได้ยืนนาน เห็นว่ารักนั้นจะคงอยู่ยั่งยืนตลอดไป
…เมื่อความจริงไม่เป็นดังความฝัน เมื่อรักทั้งหลายนั้นย่อมเสื่อมและดับลงไปตามกาลเวลา ผู้ที่ยังหลงติดหลงยึดจึงต้องเจ็บปวดกับการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา
ถ้าความรักนั้นดีจริง มันก็คงจะดีอยู่เช่นนั้นตลอดกาล แต่ในความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ความรักนั้นมักจะต้องมีการดูแลเอาใจใส่ เพื่อเป็นอาหารให้ความรักนั้นคงอยู่ได้ แต่ความรักเช่นนี้ไม่มีวันอิ่ม ไม่มีวันเต็ม ต้องให้อาหารตลอด ต้องเติมต้องเพิ่มตลอด เสพไม่รู้จักอิ่ม เมื่อไม่ได้เสพสมใจก็เกิดความไม่พอใจ หงุดหงิดรำคาญใจ เรียกร้องขออาหาร หากยังไม่ได้ก็จะทำให้เกิดทุกข์ยิ่งขึ้น ส่วนจะทุกข์มากทุกข์น้อยก็แล้วแต่ว่าเคยหล่อเลี้ยงความรักกันมาอย่างไรถ้าบำเรอกิเลสมากก็ทุกข์มาก บำเรอกิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
ความหลงจะหลอกให้เราหาข้ออ้างในการมีคู่ หลอกให้เราเข้าไปคว้าสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน โดยจะมีความเห็นและเข้าใจว่าการเป็นคู่รักนั้นสามารถหาประโยชน์ได้แม้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่มีตัวตน ไม่มีจริง ไม่มีสาระตั้งแต่แรก ดังนั้นผู้ที่เห็นสิ่งที่ไม่มีสาระว่าเป็นสาระ จึงเป็นสภาพที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสตั้งแต่แรก
ผู้ที่เข้าใจความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่มีสาระใดๆในความรักเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่เอาตัวเข้าไปคลุกคลีกับความรักที่มากกว่าการเป็นเพื่อน เพราะไม่มีประโยชน์ใดเลยที่เราจะเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข ในสิ่งที่ไม่มีสาระ ว่าเป็นสาระ เป็นสิ่งสำคัญเป็นของจริง เป็นตัวตน
– – – – – – – – – – – – – – –
3.9.2558
ตรวจใจ ในเรื่องคู่ : ความรักบนทางสายกลาง
ตรวจใจ ในเรื่องคู่ : ความรักบนทางสายกลาง
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรากำลังมีความรักที่อยู่บนความเป็นกลาง ไม่โต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง หากปราศจากหลักธรรมที่จะเข้ามาใช้ตรวจและชี้วัดสภาพของจิตใจในขณะนั้นก็คงยากที่จะรู้
การใช้หลักทางสายกลางเข้ามาประยุกต์จะเป็นเครื่องมือที่ชี้วัดได้ง่าย ว่าสภาวะที่เราเป็นอยู่นั้นกำลังไปในทิศทางของกุศลหรืออกุศล เป็นบุญหรือเป็นบาป เพิ่มกิเลสหรือลดกิเลส โดยการทำความเข้าใจกับทางโต่งทั้งสองด้าน
1). โต่งไปด้านกาม
กามคือสภาพดูดดึง ด้วยความหลงสุข เข้าไปรัก เข้าไปเสพ เข้าไปหลงใหล เข้าไปผูกพัน …
แม้จะยังเป็นคนโสด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเหล่านั้นจะอยู่บนทางสายกลาง หากเขาอยู่ลุ่มหลงอยู่ในกาม ยังอยากมีความรัก ชอบคนนี้ อยากได้คนนั้น แอบปลื้มคนโน้น และยังเห็นว่าการครองคู่เป็นสุข ยังเห็นว่าชีวิตจำเป็นต้องมีคู่ เห็นการมีคู่เป็นสิ่งที่น่าหลงใหล อยากได้อยากมีคู่ครองด้วยความหลงสุขใดๆก็ตาม ก็ถือว่ายังเป็นโสดที่หลงอยู่กับกาม
ในส่วนของคนคู่ คือสภาพของการหลงในคู่ของตน หลงเสพ หลงสุข หลงติด หลงยึด สิ่งใดๆก็ตามในคู่ครองของตน ในความเป็นคู่ของตน ไม่ยอมห่าง ไม่ยอมวาง ไม่ยอมคลายความสัมพันธ์ เกาะเกี่ยวแนบแน่นเป็นของกันและกันอยู่แบบนั้น คู่ที่จะพ้นจากกามได้ จะมีความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปสู่ความเป็นเพื่อนไปโดยลำดับ ละเว้นการแตะเนื้อต้องตัว การสมสู่ และอยู่กันแบบเพื่อน จนกลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ ปฏิบัติต่อกันเหมือนเพื่อนทั่วๆไป ไม่เหลือสัญลักษณ์ใดๆของความเป็นคู่อีกเลย
2). โต่งไปด้านอัตตา
อัตตาคือสภาพของการผลัก ด้วยความยึดดี เกลียดรัก เกลียดคนชั่ว เกลียดคนเจ้าชู้ เกลียดการมีคู่…
คนโสดที่โต่งไปทางด้านอัตตาจะมีความชิงชังในการมีความรัก การมีคู่รัก ซึ่งอาจจะเกิดได้จากสองประเด็น กรณีแรกคือเห็นโทษชั่วของกาม ปฏิบัติเพื่อออกจากกามได้จริง จึงมาติดอัตตา มายึดดีถือดี ไม่ยอมมีคู่เพราะเห็นว่าเป็นทางชั่ว ในกรณีนี้เป็นความเจริญเพราะออกจากกามได้ ซึ่งจะต้องล้างความยึดดีในลำดับต่อไป
ในอีกกรณีที่สองเกิดจากความผิดหวังช้ำรัก จนเกลียดคู่ เกลียดการมีคู่ เป็นการผลักเพราะไม่ได้เสพสมใจ ในกรณีนี้จะทำให้คนหลงไปว่าตนนั้นหลุดพ้นจากความรัก ทั้งที่จริงๆแล้วยังอยากมีความรักดีๆอยู่ เพียงแค่ไม่อยากทุกข์เพราะความรัก มักจะมีความเห็นในกรณีที่ว่า ถ้ารักไม่ดีไม่มีดีกว่า ถ้าไม่สุขกว่าอยู่คนเดียวจะไม่มี ลักษณะนี้จะมีทั้งกามและอัตตาปนอยู่ จึงตั้งกำแพงอัตตาไว้เพื่อให้ได้เสพกามที่มากกว่าเป็นทางเสื่อม
อัตตาในมุมของคู่รักคือสภาพที่อยู่กันไปทั้งรักทั้งชัง หรืออยู่อย่างไม่มีความสุขเพราะยึดดีเกลียดชั่ว ในกรณีแรกคือคนที่ทั้งรักทั้งชัง คือกามก็มี อัตตาก็จัด คือยังอยากเสพสุขจากคู่ แต่ก็พบกับความไม่ถูกใจหลายอย่างในการมีคู่ ในอีกกรณีคือคนที่ยึดดีเกลียดชั่ว อาจจะเกิดจากการได้ฟังข้อปฏิบัติใดๆมาแล้วเกิดอาการรังเกียจการมีคู่ รังเกียจความเป็นคู่ รังเกียจกิจกรรมใดๆของคนคู่ จึงทำให้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ มองทุกอย่างไม่ดีไปหมด เพราะเขานั้นเกลียดชั่ว ยึดดี ไม่ยอมให้เกิดสิ่งชั่ว จะเสพแต่ดี จึงทำให้เกิดสภาพของการโต่งไปในด้านอัตตา
. . . จากที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นการตรวจใจโดยภาพกว้าง ซึ่งการที่เราจะมีความรักบนทางสายกลางได้นั้น เราต้องเว้นขาดจากทางโต่งทั้งสองทาง คือไม่โต่งไปในด้านหลงสุขในกาม และไม่โต่งจนทรมานตนเองและผู้อื่นด้วยความยึดดี
– – – – – – – – – – – – – – –
27.8.2558
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
การที่เราจะตัดสินความรักว่าดีนั้น เราดูกันสั้นๆไม่ได้หรอก จะดูกันแค่ปีเดียว 5 ปี 10 ปี 20 ปี หรือทั้งชีวิตก็อาจจะไม่สามารถรู้ได้
แต่เราจะรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ดีตรงที่มันทุกข์ และที่มันทุกข์เพราะมันมีความชั่วอยู่ในนั้น เมื่อมันชั่วก็เป็นสิ่งไม่ดี เมื่อเรารับรู้ว่ามันทุกข์ก็อย่าไปหลงมัวเมากันให้มันนาน วิบากบาปมันจะหนัก
***เคสนี้ผมแนะนำให้อ่านเลยนะ แต่ยาว น่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
อ่านแล้วยิ่งกว่าดูละครนะ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันสุดๆ นึกว่าอ่านนิยายอยู่ แต่เอาเถอะ เราก็พิจารณาประโยชน์ไป เพราะถึงเรื่องนี้จะจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สังคมกึ่งพุทธกาลก็ชั่วแบบนี้แหละ …แต่อันนี้ยังน้อยนะ
ปล.ลิงก์นี้อ่านแต่เรื่องราวอย่างเดียวไม่มีคอมเม้นนะ
อ่านต่อกันได้ในกระทู้ : 15 ปีกับรักที่ไม่เคยระแวง..เมื่อรู้ความจริงวันนี้ถึงกับจุก จนไม่มีน้ำตา
ขยาย หน่อยนะ… การที่เราจะตัดสินความรักด้วยเวลาไม่ได้นั้นเพราะความหลงมันจะบังไว้หมด จะกี่ปีกี่ชาติถ้ามันยังหลงอยู่มันก็เมารักกันไปแบบนั้นแหละ มองไม่เห็นความจริงหรอก
ส่วน คนที่เห็นทุกข์ในความรัก เห็นความรักว่าเป็นทุกข์นั้นคือคนที่สามารถเปิดตาได้แล้ว ที่เหลือคือหาเหตุแห่งทุกข์และปฏิบัติตามมรรควิถี
สองย่อหน้านี้ต่างกันตรงอันหนึ่งเป็นโลกียะ อีกอันหนึ่งเป็นโลกุตระ