ฉันยอมรับผิด การปลดปล่อยทุกข์จากความผิดหวังในความรัก
ฉันยอมรับผิด การปลดปล่อยทุกข์จากความผิดหวังในความรัก
ความผิดหวังในความรักนั้นสร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ที่หลงติดหลงยึดในความหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นอย่างนั้นและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
คนที่ผิดหวังมักจะกอดเก็บทุกข์เอาไว้ พร้อมด้วยกิเลสที่คอยเผาใจ คือความโกรธ ผูกโกรธ อาฆาต พยาบาท ฯลฯ จองเวรจองกรรมอยู่กับผู้ที่ทำให้ต้องพบกับความผิดหวังในความรัก
แต่ถ้าหากเรากลับมาทบทวนดีๆแล้ว ไม่มีใครเลยที่เราสมควรจะโกรธ หรือไปโทษเขา ความผิดหวังที่เราได้รับทั้งหมดนั้นเกิดจากตัวเราเอง เกิดจากกรรมที่เราทำมาเอง มันถูกต้องแล้วที่เราจะต้องได้รับความผิดหวังนั้น มันเป็นผลของกรรมที่เราจะต้องรับ มันสมเหตุสมผลและยุติธรรมที่สุดในโลกแล้วกับสิ่งที่เราได้รับมา
การยอมรับผิด คือการปลดปล่อยตัวเองออกจากความโกรธเกลียดและความผิดหวังทั้งหลาย ผู้ที่เข้าใจเรื่องกรรมอย่างถ่องแท้จะไม่โทษใครเลย เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ตนเองทำมา เมื่อเข้าใจเช่นนั้นก็จะสามารถยอมรับสิ่งที่ตนเองทำมาได้ด้วยความเต็มใจ ยอมรับผลกรรมนั้นด้วยใจที่เป็นสุข ไม่คิดแค้น ไม่โกรธ ไม่โทษใครอีก
การที่เรายังทุกข์เพราะความผิดหวังในความรักนั่นก็เพราะเราไม่ยอมรับผิด เรามักจะโยนปัญหาออกไปนอกตัวเสมอ พยายามหาคนผิดที่ไม่ใช่เรา บอกกับตัวเองว่าฉันไม่ได้ทำมา คนที่มาทำฉันคนนั้นผิด หรือฉันทำมาแต่ฉันก็ไม่ได้ขนาดนั้น แม้จะคิดและเข้าใจเช่นนั้นแต่ก็ไม่สามารถสลัดทุกข์ออกจากใจได้ แม้จะโยนความผิดบาปให้กับคนอื่นแต่ก็ไม่ทำให้จิตใจสงบและเป็นสุขได้ เพราะความจริงแล้วเรากำลังโกหกตัวเองอยู่
การโกหกว่าเราไม่ใช่ต้นเหตุของความผิดหวังเหล่านั้นคือสิ่งที่ขวางกั้นไม่ให้จิตใจหลุดพ้นจากความทุกข์ ถึงแม้จะโยนความผิดบาปให้กับผู้อื่น แทนที่ปัญหาจะหมดไป แต่กิเลสข้างในกลับโตขึ้น สร้างความโกรธ รังเกียจ พยาบาท สร้างโทสะต่างๆขึ้นมาเผาใจตัวเองให้ทุกข์ซ้ำเข้าไปอีก
ดังนั้นการแก้ปัญหาความทุกข์จากความผิดหวัง ไม่ใช่การหาสาเหตุว่าใครผิด หาไปก็เท่านั้น แม้ว่าเหตุการณ์ในชีวิตจะดูเป็นบทละครที่สร้างให้มีตัวเอกและผู้ร้ายอย่างชัดเจน แต่ความจริงแล้วผู้ร้ายที่สุดก็คือตัวเราเอง เพราะเป็นกรรมของเราเอง ถ้าเราไม่เคยทำชั่วไว้ ก็ไม่มีทางที่ผลของกรรมชั่วนั้นจะกลับมาหาเราได้เลย
เหตุการณ์จะล่อหลอกให้คนที่ไม่เข้าใจกรรมและผลของกรรมอย่างแจ่มแจ้งให้หลงผิดไปโทษคนนั้นที คนนู้นที ที่ทำให้ตนผิดหวังช้ำรักต้องประสบทุกข์ มันเป็นเพียงฉากหน้าของละครที่กรรมได้ลิขิตไว้ หากเราพิจารณาเรื่องกรรมและผลของกรรมให้ถ่องแท้ ก็จะพบว่า เรานี่เองที่เป็นส่วนหนึ่งในการเขียนบทละครนั้น เป็นผลกรรมของเรา เกิดจากสิ่งที่เราเคยทำมา ไม่มากไม่น้อย ไม่ขาดไม่เกิน
ผู้ที่จะสามารถหลุดพ้นจากนรกแห่งทุกข์ได้ คือผู้ที่ยอมรับผิด ยอมรับว่าเป็นกรรมที่ตนเองนั้นทำมาจริงๆ แม้จะสืบสาวราวเรื่องในอดีตไม่ได้ แม้จะเป็นผลกรรมจากชาติปางก่อน แต่ด้วยปัญญาที่เกิดจากความเข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรมจะทำให้ไม่สงสัยแม้แต่นิดเดียวว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราทำมาหรือไม่ เพราะมีเพียงคำตอบเดียวว่าสิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา เราไม่มีทางได้รับสิ่งที่เราไม่ได้ทำมา
ดังนั้นการยอมรับผิดด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง จึงทำให้หลุดพ้นจากทุกข์ หลุดพ้นจากกิเลสที่คอยเผาใจ หลุดพ้นจากการสร้างบาปและอกุศลกรรมจากความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นความผิดของผู้อื่น หลุดพ้นจากบ่วงเวรบ่วงกรรมที่คอยผูกมัดไว้ หลุดพ้นจากความหลงผิดที่เคยเป็นมารกัดกร่อนจิตใจมานานแสนนาน
– – – – – – – – – – – – – – –
28.7.2558
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)