Tag: กิเลส

ยามศึกเรารบ …กับกิเลส ยามสงบเราล้าง …กิเลส

August 28, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,576 views 0

ยามศึกเรารบ ...กับกิเลส ยามสงบเราล้าง ...กิเลส

ยามศึกเรารบ …กับกิเลส ยามสงบเราล้าง …กิเลส

= = = = = = = = = = =

วันเวลาในชีวิตของเราผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายสิ่งที่เคยวาดฝันไว้ว่าจะทำตั้งแต่ยังเด็กแต่กลับไม่ได้ทำจนถึงทุกวันนี้เหมือนกันกับการแสวงหาสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต เราทำเหมือนกับว่าสิ่งเหล่านั้นยังไม่ควรแก่เวลา เอาไว้ทำทีหลังก็ได้ ไว้ทำตอนแก่ชราก็ได้

ทุกวันนี้คนมุ่งเข้าหาโลก พยายามพาตัวเองให้หมุนวนไปตามโลก แสวงหา ไขว่คว้า ครอบครองโลกียะทรัพย์ทั้งหลายและหมายมั่นว่าสิ่งนั้นคือที่สุดในชีวิต จนกระทั่งหลงลืมว่างานทางธรรมนั้นยังมีอยู่ สิ่งที่เป็นความสุขแท้นั้นยังมีอยู่ แต่เรากลับเพิกเฉย มองข้าม และปล่อยให้มันผ่านไป

แก่นแท้ของศาสนาพุทธจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการหลุดพ้นจากกิเลส แม้ทุกวันนี้ความหมายเหล่านี้จะเลือนหายและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่คนผู้มั่นคงในเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์นี้ก็ไม่ได้ลดละความเพียรเลย แม้จะต้องเจอเหตุการณ์มากมายที่ประดังเข้ามาในชีวิตประจำวันก็สามารถสู้รบทำศึกกับกิเลส ไม่ยอมให้กิเลสเอาชัยชนะแต่ฝ่ายเดียว และแม้ในยามสงบก็ยังหยิบยกเรื่องกิเลสมาพิจารณา เพื่อทำลายเชื้อชั่วที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจให้จางคลายได้โดยลำดับ

คนที่เห็นภัยของวัฏสงสาร จะไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่มัวเมาหลงระเริงกับเรื่องโลก จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับการพัฒนาจิตใจให้เจริญได้ โดยที่โลกกับธรรมนั้นหมุนวนไปพร้อมกัน เรื่องโลกก็ต้องดำเนินต่อไปตามเหตุปัจจัยที่พอจะเอื้อให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ เรื่องทางธรรมก็ต้องเพียรให้ถึงที่สุด ไม่เลิกล้มจนกว่าจะสามารถหลุดพ้นจากกิเลสได้

ดั้งนั้นผู้ที่จะเจริญได้ไวที่สุดคือผู้ที่เพียรพยายามต่อกรกับกิเลสในทุกๆลีลา มันจะเข้ามาเราก็ต่อสู้ ไม่ยอมง่ายๆ ถึงแม้เราจะแพ้แต่เราก็ไม่ย่อท้อ ฝึกฝนจิตใจ เพิ่มกำลังปัญญาเพื่อที่จะกลับไปสู้มันอีกครั้ง เป็นนักรบที่ไม่ก้มหัวให้กิเลส ไม่ยอมให้กิเลสเข้ามาครอบครองจิตใจได้ง่ายๆ ไม่หนีสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เพราะรู้ดีว่า หนีไปก็มีแต่จะแพ้ ยิ่งหนี ยิ่งเพิกเฉย กิเลสก็ยิ่งแกร่งกล้า มันยิ่งสะสมพลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าสู้ก็ยังพอมีเสมอได้บ้าง แม้จะสู้แพ้ก็ยังได้เรียนรู้ว่าแพ้อย่างไร เพราะอะไร จะแก้ทางครั้งหน้าแบบไหน แต่ถ้าชนะได้เลยก็ยิ่งดี จบเรื่องนั้นๆได้เลย ไปลุยกิเลสเรื่องอื่นๆต่อ

– – – – – – – – – – – – – – –

16.8.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

กิเลสงอก ก็นอกใจ…

August 26, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,362 views 0

คบกันมานานก็อย่ามั่นใจนัก เคสนี้คบกันมา 6 ปี กำลังจะแต่งงาน สุดท้ายก็แพ้พลังกิเลส กิเลสนี้มันโตได้นะ อย่าคิดว่าเขาจะเหมือนเดิมตลอด ความอยากมันไม่มีสิ้นสุด

ปัญหามันเยอะมาก มันต้องการมาก ทั้งกาม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มันอยากได้อยากเสพมากขึ้นไปอีก คิดว่าจะหามาบำเรอกันไหวอย่างนั้นหรือ

อ่านต่อได้ที่กระทู้ : เมื่อแฟนบอกว่า เงินได้ซื้อเธอไปแล้ว

STRONGER TOGETHER เราจะเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน

August 18, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,372 views 0

STRONGER TOGETHER เราจะเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน

STRONGER TOGETHER เราจะเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน

ความรุนแรงและการก่อการร้ายนั้นได้ยกระดับและเข้าใกล้กับชีวิตคนเมืองกรุงมากขึ้นทุกขณะ คอยเตือนให้เราได้ระลึกว่าชีวิตนั้นไม่แน่นอนอย่างไร เราจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้จิตใจของเราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะก้าวผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้

เราอาจจะเคยได้ยินข่าวการก่อการร้าย การวางระเบิด ที่มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายในภาคใต้ของไทย ซึ่งสำหรับคนกรุงเทพแล้ว ก็คงจะเป็นอะไรที่ไกลตัว แม้ได้ยินก็ยังไม่เข้าใจ แม้จะเห็นภาพก็ยังไม่ค่อยรู้สึก แต่ในตอนนี้ได้มีเหตุก่อการร้ายขึ้นที่กลางกรุง ในจุดที่ผู้คนพลุกพล่าน เราได้เห็นภาพ ได้รู้สึก และได้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าความรุนแรงของการก่อการร้ายนั้นส่งผลต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร

การระเบิดนั้นไม่ได้สร้างแค่ความเสียหายต่อชีวิตและจิตใจของผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น แต่กระจายออกไปยังคนกรุงเทพ คนไทย และอีกอื่นๆอีกหลายคนบนโลก

ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำลายชีวิตและความปกติสุขในจิตวิญญาณของหลายๆคนไปในทันที หลายคนต้องพบกับความหวาดกลัวในการเดินทาง หลายคนต้องเสียเวลาไปกับข่าวสารที่มากมายมหาศาล โดยไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก หลายคนต้องเสียสติไปกับกระแสของความโลภ โกรธ หลง หรือกิเลส

ซึ่งกิเลสนี้เองคือสิ่งที่ทำให้เราหวาดกลัว ทำให้เราแสวงหาข้อมูลเกินความจำเป็น ทำให้เราเร่งเร้าอยากจะให้จับคนร้ายได้ไวๆทั้งที่หลักฐานและเหตุปัจจัยยังไม่เหมาะสม ทำให้เราโกรธคนร้าย โกรธคนนู้น โกรธคนนี้ โกรธใครก็ตามที่เราคิดว่าผิด ทำให้เราหลงมัวเมาว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งที่จริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สมควรในขณะนั้นก็ได้ ซึ่งกิเลสนี้เอง คือสิ่งที่ทำลายความสามัคคี ทำลายความแข็งแกร่งของจิตใจ ทำให้เราถดถอยและอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

การที่เราจะสามารถเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกันได้ คือการร่วมสร้างสังคมที่มีความเข้มแข็งทางด้านจิตใจ ไม่ตื่นตระหนกต่อสิ่งเร้า ไม่ไหลตามกระแสแห่งกิเลส แต่ก็ไม่ลอยเหนือปัญหาจนไม่เอาภาระบ้านเมือง

ซึ่งสิ่งแรกที่เราควรจะทำคือรับรู้ความจริงตามความเป็นจริง เพียงแค่รับรู้ ยังไม่ต้องรีบวิเคราะห์ เพราะเพียงแค่เรารับรู้ข้อมูลต่างๆที่ประดังเข้ามา กิเลสก็จะสั่งให้เราคิด พูด และทำลงไปตามใจกิเลส เช่นเราเข้าใจว่าคนคนหนึ่งน่าจะเป็นคนสั่งการ เราจึงวิเคราะห์ตามข้อมูลที่เรามี และเผยแพร่ความคิดของเราออกไป นั่นหมายถึงเรากำลังเดาเอาล้วนๆ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความจริงตามความเป็นจริง เพราะเราไม่ได้มีข้อมูลความจริงทั้งหมด เรารู้ความจริงบางส่วน แล้วเอามาผสมกับความจำของเรา ปรุงออกมาเป็นข้อมูลใหม่ที่เราคิดว่ามันน่าจะเป็นจริง และสุดท้ายเราก็เชื่อมั่นว่ามันเป็นจริงเสียด้วย และนั่นคือการทำงานของกิเลสที่สัมฤทธิ์ผล

เชื้อของความอ่อนแอในสังคมไม่ได้เกิดขึ้นจากระเบิด แต่เกิดขึ้นจากกิเลสในจิตใจของเรา หากว่าเราส่งเสริมกันด้วยถ้อยคำของกิเลส พยายามวิเคราะห์ ชี้นำ ชักนำให้เกลียดคนนั้นชอบคนนี้ พยายามหาคนผิดทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน พยายามเสนอความเห็นทั้งที่ไม่รู้จริง พยายามคาดเดาเหตุการณ์ ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินกรรมคนอื่น เป็นผู้พิพากษาคนอื่น ซึ่งเกิดจากความหลงยึดดีในตนเอง อาการเหล่านี้เองที่จะทำลายสังคมได้รุนแรงกว่าระเบิดหลายเท่านัก

ระเบิดหนึ่งลูกอาจจะพรากชีวิตคนได้หลายสิบคน แต่การระเบิดของกิเลสในจิตใจของแต่ละคน ที่แพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น ได้ทำลายจิตวิญญาณแห่งความผาสุก ทำลายสติ ทำลายปัญญา ทำลายความเมตตา ทำลายความดีงามทั้งหลายของตนเองและผู้อื่นได้อีกนับไม่ถ้วน

การเติบโตและความแข็งแกร่งที่แท้จริง คือการทนได้แม้อยู่ในสภาพที่ไม่น่าจะทนไหว ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการกำเริบของกิเลสเช่นนี้ เราสามารถหาความเจริญได้ ใช้โอกาสนี้พัฒนาให้จิตใจของเราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการอดทน ข่มใจ ไม่ปล่อยตัวให้ไกลไปตามกระแสของความโลภ โกรธ หลง ที่จะชักนำให้เราไหลลงสู่ความเสื่อมและความอ่อนแอทั้งหลาย

กิเลสนั้นนำมาซึ่งความชั่ว ความแตกแยก ความถดถอย ความอ่อนแอ ความทุกข์ โรคภัย ฯลฯ ดังนั้นเราจึงควรเว้นขาดจากการส่งเสริมกิเลสซึ่งกันและกัน ไม่กล่าวถ้อยคำหรือแสดงความเห็นที่ทำให้กิเลสกำเริบ ทำให้เกิดความโกรธ อาฆาต ชิงชัง รังเกียจใครเลย

ซึ่งการไม่ไหลไปตามกิเลสนี้ไม่ได้หมายถึงการไม่เอาภาระ หรือไม่ทำหน้าที่พลเมืองดี เราปล่อยวางเฉพาะในเรื่องกิเลส เราไม่ไหลตามกระแสของความโลภ โกรธ หลง แต่เรายังจะทำหน้าที่ของคนที่อยู่ในสังคม ถ้ามีภัยเราก็ช่วยกันแก้ ช่วยกันป้องกัน แต่เราจะไม่ช่วยปลุกปั่น ไม่ยุยงส่งเสริมให้ใครเกลียดใคร เราสามารถรังเกียจกิเลสได้แต่อย่าเกลียดคนมีกิเลส

ดังนั้นการจะเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกันได้คงจะไม่มีทางอื่นนอกจากจะหยุดตัวเองจากการไหลตามกระแสของความมัวเมาในกิเลสทั้งหลาย เรียนรู้ที่จะพาตัวเองออกจากกระแสเหล่านั้นจนกระทั่งหลุดออกมาได้สำเร็จ แม้เข้าไปในกระแสแต่ก็ไม่ปนไม่เปื้อนและไม่หลงติดหลงยึด สามารถกลับเข้าไปและออกมาได้อย่างอิสระ สุดท้ายคือช่วยเหลือผู้อื่นให้หยุดชั่ว หยุดไหลไปตามกระแสกิเลส จนกระทั่งแนะนำวิธีให้ออกจากกระแสแห่งความเสื่อมเหล่านั้นได้และนี่คือที่สุดของความแข็งแกร่งในมหาจักรวาล

– – – – – – – – – – – – – – –

18.8.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

กิเลส เข้าง่าย…ออกยาก

August 14, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,770 views 0

กิเลส เข้าง่าย...ออกยาก

กิเลส เข้าง่าย…ออกยาก

= = = = = = = = = = =

กิเลสนั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเราได้อย่างง่ายดาย เราจะเห็นในว่าการมีกิเลส การยั่วกิเลส การสนองกิเลส หรือแม้แต่การอวดกิเลส ก็กลายเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบันไปแล้ว

การเชิญแขกผู้มาเยือนออกจากบ้านเรานั้น หากเป็นชีวิตปกติก็คงจะทำได้ไม่ยากนัก แต่สำหรับกิเลสแล้วเหมือนกับแขกผู้มาเยือนที่มาแล้วไม่ยอมกลับ เข้ามายึดบ้าน กลายเป็นเจ้าของบ้าน และทำให้เรากลายเป็นคนรับใช้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังยินดีที่จะเป็นคนรับใช้ เพราะด้วยความไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับกิเลสดี ถ้าไม่ทำตามกิเลสก็ทุกข์ ทำตามกิเลสก็คลายทุกข์ได้บ้าง ได้สุขลวงมาเสพชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไม่นานเดี๋ยวก็กลับมาทุกข์อีก ด้วยความไม่รู้ก็เลยต้องวนเวียนทุกข์อยู่เช่นนั้น

แม้กิเลสจะเข้ามายึดพื้นที่ในจิตใจของเราได้อย่างง่ายดาย แต่การนำกิเลสออกนั้นกลับเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในโลก เป็นเรื่องที่ทวนกระแสโลกอย่างรุนแรง อีกทั้งวิธีการนั้นยังละเอียดซับซ้อน ลึกซึ้งเกินที่จะทำความเข้าใจด้วยตนเอง และถึงจะใช้ความเพียรพยายามแบบที่เรียกว่าปฏิบัติธรรมถวายชีวิตก็ใช่ว่าจะเอากิเลสออกได้ง่ายๆ

เมื่อเราเห็นภัยของกิเลสดังนี้แล้ว ก็ควรระวังป้องกันไม่ให้กิเลสใหม่ได้เข้ามา ศึกษาเรียนรู้ธรรมะไว้ใช้พิจารณาความจริงตามความเป็นจริงเพื่อทำลายกิเลสที่มีในตน ทำสิ่งนั้นให้เกิดความเจริญขึ้นเรื่อยๆ และรักษาการประพฤติปฏิบัติที่จะปกป้องจิตใจของเราจากกิเลสเช่นนี้ตลอดไป

– – – – – – – – – – – – – – –

14.8.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)