Tag: คุณค่า

วัตถุบูชา เครื่องรางของขลัง

October 3, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,149 views 0

วัตถุบูชา เครื่องรางของขลัง

วัตถุบูชา เครื่องรางของขลัง

ในยุคที่ดูเหมือนจะมีแต่ภัยอันตรายรอบด้าน คงจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดกังวลใจ และคงจะมีผู้คนจำนวนหนึ่งมองหาวัตถุบูชาเครื่องรางของขลังมายึดไว้ถือไว้ เพื่อเป็นหลักให้จิตใจของเขาได้พึ่งพิง

วัตถุบูชาเครื่องรางของขลังนั้นมีตั้งแต่ที่เกี่ยวกับศาสนา เช่น พระเครื่อง พระพุทธรูป รูปหล่อเกจิอาจารย์ต่างๆ รูปภาพครูบาอาจารย์ และไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาเช่น หิน หยก เหล็กไหล อัญมณี เขาสัตว์ ซากชิ้นส่วนของสัตว์ ไปถึงเครื่องประดับต่างๆ

เรามักจะให้คุณค่าวัตถุกันที่ความหายาก คุณค่าที่เล่าต่อกันมาว่าถ้ามีสิ่งนี้ไว้ จะดีอย่างนั้นอย่างนี้ เอาโลหะ เอาดิน เอาหินมาปั้น ปรุงแต่งกันจนมีราคามากกว่าทอง โดยใช้กิเลสและอุปทานของคนเป็นเครื่องมือ

คนเขลามักเข้าใจไปว่าคุณค่าของเครื่องรางของขลังอยู่ในวัตถุชิ้นนั้นๆ จึงมัวเมาหลงให้ค่ากันไปมากมายเกินจริง กลายเป็นธุรกิจการค้าบนความเชื่อและความงมงายของคน ใช้โอกาสในการมัวเมากิเลสกับคนที่ด้อยปัญญา เป็นเครื่องมือหากิน เป็นหนึ่งในอาชีพที่มีลักษณะของการล่อลวง ล่อให้หลง ล่อให้เห็นในคุณค่าลวง ล่อให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งดี ซึ่งการค้าขายความเชื่อเหล่านี้ เป็นอาชีพที่ผิด เป็นมิจฉาอาชีวะ ชาวพุทธไม่ควรทำ

คนที่เข้าใจคุณค่าที่แท้จึงไม่ได้เคารพด้วยคุณค่าของวัตถุ เช่น ไม่ว่าจะพระพุทธรูปที่บ้านหรือพระพุทธรูปที่วัดไหน ไม่ว่าจะพระเครื่องแจกฟรีหรือองค์ละสิบล้าน ก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน มีคุณค่าเท่ากัน ไม่ต่างกัน เพราะทำให้เราระลึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน และในเมื่อเขาเหล่านั้นรู้ดีว่าความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ในวัตถุ แต่อยู่ในศรัทธาที่เกิดมาจากปัญญา จึงไม่จำเป็นต้องเสาะแสวงหาวัตถุบูชาเครื่องรางของขลัง พระเครื่องชื่อดังหรือสิ่งของที่ใครเขาว่าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเพียงแค่จิตระลึกถึงสิ่งที่ควรเคารพบูชา ก็มีคุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์เพียงพอแล้ว

การมีพระเครื่อง พระพุทธรูป หรือวัตถุที่สื่อถึงครูบาอาจารย์ไว้บูชานั้นสามารถทำได้ หากเราใช้สิ่งนั้นในการช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา บูชาในคุณความดี บูชาในธรรม มีไว้เพื่อระลึกถึง ไว้เตือนใจเตือนสติ ไม่ให้ตัวเองหลงไปทำชั่ว ไม่ให้ตัวเองประพฤติออกนอกลู่นอกทาง ให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มากขึ้น นั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี

แต่ไม่ใช่การยึดถือบูชาเพื่อที่จะได้รับ บุญกุศล โชค บารมี ลาภ ยศ สรรเสริญ ความแคล้วคลาดปลอดภัย หรือเหตุผลและคำชวนเชื่อทั้งหลายที่มีคนบางพวกได้อวดอ้างสรรพคุณ การบูชาวัตถุอย่างไม่มีปัญญา ไม่ต่างอะไรกับการไหว้ก้อนหิน ไม่มีประโยชน์ ไม่มีสาระ ทั้งยังเสียเวลาที่ต้องใช้ในการเสาะแสวงหาของดีมาไว้กับตัวอีก

บางคนถึงกับหลงไปสะสมเครื่องรางของขลังเหล่านี้ แสวงหาจนมีห้องพระใหญ่โต หลงเข้าใจไปว่ายิ่งมีเยอะยิ่งมีพลัง ยิ่งมีเยอะยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งมีเยอะยิ่งมีสิ่งคุ้มครองเยอะ หลงเข้าใจผิดไปแบบนั้น จริงๆแล้วยิ่งมีเยอะนั่นแหละภาระ ต้องมาคอยทำความสะอาด ปัดฝุ่น แถมยังต้องมาคอยระแวงระวังกลัวคนจะมาขโมยของรักของหวงกันอีก ก็โง่แบกวัตถุกันไป หลงเข้าใจว่าจะพาไปนิพพานด้วยได้ จริงๆแล้วการสะสมนี่ก็ขัดกับหลักของการพ้นทุกข์แล้ว ยิ่งสะสมก็จะยิ่งทุกข์ ยิ่งเพิ่มกิเลส เพิ่มภาระ ไม่ไปไหนสักที เพราะมัวแต่กอดวัตถุอยู่นั่น ไม่ไปถึงแก่นสารสาระของศาสนาสักที บูชาแต่เปลือกภายนอก บูชาแต่วัตถุ แต่ไม่บูชาธรรม เป็นศรัทธาที่งมงาย พาให้หลงวนอยู่ในโลกนี้

การหลงมัวเมาบูชาวัตถุ แล้วเข้าใจว่าวัตถุเหล่านั้นจะให้คุณแก่ตนได้ เป็นความหลงมัวเมาในระดับที่หยาบ ไม่ตรงกับคำสอนของศาสนา เพราะการที่เราไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งของวัตถุมงคลเหล่านั้น และหลงเชื่อว่าการมีสิ่งนั้นจะทำให้เกิดสิ่งดีต่างๆ จะทำให้เราไม่เชื่อในเรื่องกรรม ไม่เชื่อในเรื่องผลของกรรม ไม่เชื่อว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่เชื่อในหลักของศาสนา

ในเมื่อไม่เชื่อในเรื่องกรรม ก็ยากแท้ที่จะพ้นทุกข์ คนที่ไม่เข้าใจในเรื่องกรรมจะต้องทนทุกข์เรื่อยไป เพราะไม่รู้ว่าสิ่งดีสิ่งร้ายที่เกิดกับตนเกิดจากสาเหตุอะไร พอไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรก็ไม่รู้ว่าจะสร้างเหตุอย่างไรให้อนาคตนั้นดีขึ้น ก็ได้แต่ทำดีทำชั่วไปตามความเห็นที่ตนมี ทำไปตามกระแสสังคมที่กำลังหลงทางบอกมา โดยไม่รู้จริงๆว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว แล้วที่ว่าดีต้องดีแค่ไหน ที่ว่าชั่วมันต้องถึงขนาดไหนจึงเรียกว่าชั่ว

สุดท้ายไม่ว่าใครจะมีพระดี เครื่องราง ของขลังดีแค่ไหน หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้มีอะไรไว้บูชาเลย ทุกคนก็จะต้องแก่ ต้องเจ็บป่วย ต้องตายอยู่ดี สุดท้ายมันก็เหมือนกันอยู่ดี แต่คนที่เขาไม่ได้งมงายก็จะมีเวลาไปเรียนรู้สิ่งอื่นมากกว่า ส่วนคนที่มัวเมาหลงสะสมเครื่องรางของขลังก็จะเสียเวลาไปกับการมัวเมาในวัตถุสิ่งของสร้างกิเลส บาป เวร ภัย ให้กับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

….พระพุทธเจ้าท่านทำให้เราดูเป็นตัวอย่างแล้ว กับชีวิตที่ไม่สะสม มีเพียงเครื่องบริขารนิดหน่อย ไม่หวังพึ่งสิ่งใดนอกจากบุญกุศลที่ท่านได้ทำมาเอง ท่านก็ยังแคล้วคลาดจากวิบากบาปที่ท่านเคยทำมา นั่นก็เพราะบุญบารมี กุศล ความดีที่ท่านได้ทำมา ได้เป็นกำแพงป้องกัน ลดทอนกำลังของสิ่งเลวร้ายที่จะเข้ามาทำร้ายท่าน เป็นบุรุษซึ่งไม่มีใครสามารถที่ปลงพระชนม์ชีพได้ เหตุเพราะพลังแห่งความดีนั้นเอง

หากอยากจะมีความสุข โชคดี พบเจอแต่คนดี สังคมดี แคล้วคลาดปลอดภัย ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ลองพิสูจน์สัจจะตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนดู ลด ละ เลิกการทำสิ่งที่ไม่ดี ทำดีไปเรื่อยๆ ทำทาน ถือศีล ทำให้จิตใจตัวเองเจริญขึ้น ล้างกิเลสไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่า การหยุดชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใสนี่แหละ คือข้อปฏิบัติที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแล้ว นำความสุขความเจริญให้ชีวิตได้มากที่สุดแล้ว

– – – – – – – – – – – – – – –

3.10.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

คุณค่าของแสงเทียน

August 25, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,996 views 0

คุณค่าของแสงเทียน

คุณค่าของแสงเทียน

แต่ก่อนนี้ ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าการถวายเทียนพรรษามีความหมายอย่างไรในยุคที่มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคขนาดนี้ แต่เมื่อผมได้ลองใช้ชีวิตแบบไม่มีไฟฟ้าดู ผมกลับรู้สึกว่าความสว่างของเทียนหนึ่งเล่มนั้นมีคุณค่ามาก

แสงจากเทียนหนึ่งเล่มทำให้ผมสามารถใช้เวลา สรุปงาน คิดงาน เขียนแบบ รวมทั้งวางแผนงานในแต่ละวัน ขณะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านสวนที่ปราศจากไฟฟ้า

เมื่อเรามีไฟฟ้าใช้ เราก็จะไม่เห็นคุณค่าของเทียน มันก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับที่เราใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เคยชินกับความสะดวกสบาย ทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าของบางสิ่งบางอย่างหลงลืมบางอย่างไป มองการมีเป็นเรื่องปกติ ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องมีจึงจะดี

การที่เราเรียนรู้ที่จะเผชิญความขาดบ้าง ความพร่องบ้าง ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเมื่อเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นจริง และทำให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว สิ่งใดที่สำคัญกับชีวิตเรา

วันหนึ่งก็คงจะมีไฟฟ้าเข้าไปยังบ้านสวนของผม แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ผมก็อยากจะซึมซับและเรียนรู้วิถีชีวิตที่ปราศจากไฟฟ้ากันให้เต็มที่ เท่าที่จะทำได้

…ก่อนจะถึงวันที่มีมากกว่านี้ ก็อยากจะเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่มีให้ได้ก่อน

– – – – – – – – – – – – – – –
25.8.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

แมลงทับ… ความสวยงามในสายตาคน และอาหารในสายตาของมด

August 22, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,561 views 0

แมลงทับ... ความสวยงามในสายตาคน และอาหารในสายตาของมด

แมลงทับ… ความสวยงามในสายตาคน และอาหารในสายตาของมด

ก่อนจะเดินทางออกจากบ้านสวน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นสิ่งแปลกตาที่ไม่น่าจะอยู่บนพื้นดิน เดินเข้าไปดูใกล้ๆก็เห็นซากแมลงทับตัวหนึ่งที่ห้อมล้อมไปด้วยฝูงมด

ผมไม่ได้เห็นแมลงทับมานานมาแล้วเพราะอยู่แต่ในเมืองกรุง สีสันของแมลงทับเป็นสีเขียวมันเงาสวยงามเหมือนสีของอัญมณี ผมชอบมันนะ ตอนเด็กก็ยังเคยซื้อแมลงทับมาเลี้ยงอีกด้วย …ผมกำลังคิดจะเก็บมันขึ้นมา แต่เมื่อเห็นฝูงมดรอบๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าซากแมลงทับตัวนี้คงมีประโยชน์กับพวกมันมากกว่าตัวผมแน่นอน

ฝูงมดพยายามรุมล้อมแมลงทับ คงจะขนย้ายหรือหาอะไรที่พอจะกินได้ มดมันคิดแค่เรื่องดำรงชีวิต ไม่เหมือนกับที่ผมคิด…เพราะเมื่อกี้นี้ ผมคิดจะหยิบมันขึ้นมาเพราะความสวยงามของมัน

…. ผมเดินออกมาจากซากแมลงทับและฝูงมด พร้อมกับคิดว่า…ทำไมเราถึงไปติดกับความสวยงามเหล่านั้นนะ ทั้งที่จริงมันไม่ใช่สาระ หาประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ กินก็ไม่ได้ สิ่งที่มดเห็นคือคุณค่าของชีวิตจริงๆ เป็นอาหารจริงๆ ไม่ใช่เอามาประดับตกแต่งอะไรอย่างคนเรา

ความคิดมันขยายต่อไปอีกว่า การที่คนเรามานั่งแต่งหน้า แต่งตัว ประดับประดา แต่งรถ แต่งบ้าน แต่งสวน…ฯลฯ นี่มันไม่มีสาระทั้งนั้นเลย มีแต่ความอยากสวยอยากงาม …ความอยากที่มดมันยังไม่มีเลย …ถ้าเกิดมาเป็นคนแล้วขยันให้ได้อย่างมด เอาแต่สาระที่จำเป็นให้ได้อย่างมด สามัคคีให้ได้อย่างมด ก็คงจะดีนะ

…ซากแมลงทับถึงคนจะไม่สนใจ แต่มดก็ยังสนใจ แต่ซากคนนี่สิ สวยแค่ไหนก็ไม่มีใครเอา เผาทุกราย ยกเว้นแต่ว่าเป็นคนดี มีคุณค่า น่ากราบไหว้จริงๆ ก็คงจะมีบ้างที่จะมีใครอยากเก็บซากคนดีเหล่านั้นไว้ เพื่อประโยชน์อะไรสักอย่าง

– – – – – – – – – – – – – – –
22.8.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์