จิตฟุ้งซ่านเพราะถูกกระตุ้น
ถาม : การที่เราได้ไปเจอเหตุการณ์ที่ทำให้หวนคิดถึงเรื่องเก่าๆที่เคยสุขหรือทุกข์ใจ เช่นเรื่องของแฟนเก่า ภาพในวันเก่า จนจิตฟุ้งไปกับอารมณ์นั้น ควรทำอย่างไร?
1.1.ถ้ามันฟุ้งซ่านคุมไม่อยู่ก็เปลี่ยนเรื่องไปทำอย่างอื่น ใช้อุบายกำหนดจิต หลอกจิตให้สงบไปก่อน
1.2.ถ้าไม่ถึงกับฟุ้งซ่านมาก ก็ให้ตามดูอาการที่เกิดขึ้น ดูว่ามีความทุกข์หรือสุขขนาดไหน เพราะอะไร
1.3.ค้นลึกต่อไปที่เหตุของสิ่งที่ทำให้เราสุขหรือทุกข์นั้นว่าเราไป หลงติดหลงยึดอะไรจึงทำให้เกิดอารมณ์เหล่านั้น
1.4.เมื่อเห็นเหตุเหล่านั้นให้ให้พิจารณาธรรมะ ที่ตรงกับเหตุนั้นเพื่อไปทำลายอธรรมที่ทำให้จิตฟุ้งซ่าน
ถาม : ถ้าเราไม่ไปเจอเหตุการณ์เช่นนั้นเราก็ไม่ฟุ้ง เราควรหลีกเลี่ยงหรือไม่อย่างไร
2.1.ถ้าจิตไม่แกร่งพอจะทนไหว ก็ควรจะหลีกเลี่ยงก่อน ถึงจะต้องปะทะกันก็ควรจะรักษาระยะห่าง
2.2.ถ้าพอจะสู้ไหว อาการไม่ออกไปภายนอกก็ลองเข้าไปหาเหตุการณ์เหล่านั้น เพราะ “ผัสสะ” คือตัวที่จะชี้ให้เห็นว่า “เหตุแห่งทุกข์” อยู่ตรงไหน ไม่มีผัสสะ ก็ไม่มีทางได้ปฏฺิบัติธรรม เพราะมีผัสสะจึงมีการปฏิบัติธรรมนั่นเอง ดังนั้นการปฏิบัติธรรมจึงไม่ควรหนีจากผัสสะ แต่ถ้าไม่ไหวก็วนกลับไปทำอย่างข้อ 2.1
2.3. ถ้าปฏิบัติถูกตรง จนทำให้กิเลสจางคลายได้จริง จะสามารถรู้ได้เองเมื่อเกิดผัสสะ ความสุขทุกข์ที่เคยมีจะเบาลง (ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้วันเวลาเยียวยา แต่หมายถึงปฏิบัติกันทั้งๆที่เกิดอาการแรงๆกันอยู่เมื่อวาน แล้ววันนี้ทำได้ดีขึ้น)
2.4. ถ้าทำลายกิเลสได้จริง จะเหลือแต่อาการไม่ทุกข์ไม่สุข (ไม่ใช่เพราะเบื่อแบบชาวบ้าน แต่เป็นเพราะทำลายความหลงติดหลงยึดด้วยปัญญา)
เลี้ยงฉัน เพื่อกินฉัน มันถูกต้องแล้วจริงหรือ?

เลี้ยงฉัน เพื่อกินฉัน มันถูกต้องแล้วจริงหรือ?
การที่ฉันได้เกิดมาเช่นนี้ อยู่ในคอก อยู่ในกรง มันเป็นผลกรรมของฉัน
ถูกจำกัดพื้นที่ กินและขี้ในที่เดียวกัน มันก็เป็นผลกรรมของฉัน
ลากฉันไป ทุบตีฉัน เอามีดเชือดคอฉัน ก็เป็นผลกรรมของฉันเช่นกัน
แต่การเป็นเหตุหนึ่ง ที่ดลให้เขาทำสิ่งเหล่านั้นกับฉัน มันคือกรรมของคุณ!!
. . .
ลองคิดดูสิว่า หากชีวิตเราต้องเกิดมาในคอกเล็กๆ ที่มืดและอับชื้น
ต้องกินอาหารเมนูเดิมๆ ทุกวัน และยังต้องแย่งกันกินอีกด้วย
ที่กิน ที่นอน ที่ขับถ่าย ก็เป็นที่เดียวกัน เรานอนกันบนกองขี้
พอถึงวัยรุ่น จะมีเพื่อนๆ ที่ต้องแยกจากกันไปอย่างไม่มีวันกลับ
ถึงจะมีชีวิตโตขึ้นมาได้ก็มีแต่ช่วงเวลาเดิมๆ อยู่แบบเดิมๆ
ชีวิตนี้ถูกเขาเอามาเลี้ยงไว้โดยไม่รู้ว่าวันไหนจะต้องถูกเชือด
ถ้าแย่หน่อยก็ต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ โดนเขากักไว้ในกรงแคบ
กรงที่ขนาดพอดีตัว ไม่มีที่ให้แม้แต่จะหมุนตัว เดิน วิ่ง….
โดนข่มขืนโดยตัวผู้ที่เขาจัดมาให้ หรือไม่ก็กระบอกน้ำเชื้อ
ต้องตั้งท้อง ต้องคลอดลูกกันซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า กี่ครอกก็ไม่เคยพอ
แถมลูกที่รัก ก็ยังจะต้องถูกพรากออกไป โดยไม่ทันได้ล่ำรา
วันเวลาผ่านไป โดยไร้ความหมาย ไร้คุณค่า อยู่อย่างชินชา
ถึงจะเบื่อยังไงก็หนีไปไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องขึ้นรถไปแดนประหาร
ดินแดนที่ผู้คนต่างไม่แยแสในความตายของเราพวกเขาล้วนสมยอม
เพราะเขาจะได้เอาเนื้อเราไปขาย เขาจะได้กินเนื้อเราเขาจะมีความสุข
. . .
การเลี้ยงเพื่อกินนั้น มันถูกต้องแล้วจริงหรือ? มันสมควรแล้วจริงหรือ?
มันไม่เบียดเบียนหรือ? มันเป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์อย่างนั้นหรือ?
มันเป็นไปเพื่อเพิ่มวิบากบาปหรือไม่? มันคุ้มค่าที่จะทำอย่างนั้นหรือ?
แล้วชีวิตที่จำเป็นต้องอาศัยและพึ่งพาการเบียดเบียนเพื่อดำรงชีพ
การปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปเช่นนั้น จะเป็นชีวิตที่ประเสริฐแท้ได้อย่างไร…
ใครเล่าจะสรรเสริญ ใครกันจะยินดี ก็คงจะโดนเขาประณามและย่ำยีเรื่อยไป
– – – – – – – – – – – – – – –
26.9.2558
ลากันสักพัก

ลากันสักพัก
บางครั้งบางเวลา เราก็ควรจะมีช่วงเวลาที่ละเว้นจากกิจกรรมเดิมๆ เพื่อใช้เวลาเหล่านั้นในการคิดทบทวนและทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆที่ทำลงไปแล้วหรือคิดไว้ว่าจะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แม้บทความในเพจนี้จะถูกเผยแพร่เป็นจำนวนมาก ถี่ที่สุดก็เผยแพร่กันหลายบทความต่อวัน ซึ่งนอกจากเยอะแล้วยังจะยาวอีกด้วย
แต่ก็มีบางช่วงที่ผมรู้สึกว่าไม่สมควรจะเรียบเรียงอะไรออกมาเลย ไม่ควรแม้แต่จะคิด แต่ควรจะศึกษาให้มากขึ้น เพื่อลับความคมที่มีอยู่ ให้คมยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มีหลายครั้งที่ผมหายไปและกลับมาพร้อมความรู้ความเข้าใจชุดใหม่ จนบางครั้งผมก็แปลกใจกับตัวเองเหมือนกันว่าการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้เชียวหรือ…
สรุปแล้วที่ผมหายไปเป็นช่วงๆ ก็คือไปทบทวนตัวเอง ให้เวลากับตัวเองได้ลองเปลี่ยนแปลงบ้าง ให้ตัวเองได้พบกับความสงบบ้าง ซึ่งในชีวิตปกติแล้วผมมักจะอยู่กับความ “ฟุ้ง” เป็นหลัก ไม่ว่าจะการศึกษา หาข้อมูล วิจัยวิจารณ์ คิดเรื่องต่างๆ แต่การเปลี่ยนวิถีชีวิตไปสู่ความ “ดับ” คือไม่ต้องคิดอะไรเลย ก็เอื้อให้ชีวิตสมดุลขึ้นได้เหมือนกัน
ผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ก็ควรจะประมาณตนไม่ให้ฟุ้งจนเหนื่อย และไม่ให้ดับจนไม่เหลืออะไรเลย เมื่อเรายังไม่เก่งในการใช้จิตของตัวเองจัดการทุกอย่าง เราก็ควรจะใช้องค์ประกอบภายนอกในการสร้างสภาวะให้เหมาะสมต่อการเข้าใจชีวิตด้วย
– – – – – – – – – – – – – – –
25.9.2558
การซื้อขายเนื้อสัตว์ คือเหตุที่ทำให้ต้องฆ่าสัตว์

การซื้อขายเนื้อสัตว์ คือเหตุที่ทำให้ต้องฆ่าสัตว์
ไม่มีใครยอมเลี้ยงสัตว์เหล่านั้นฟรีๆ เขาเลี้ยงเพื่อขายให้ได้เงิน
ไม่มีใครยอมฆ่าสัตว์เหล่านั้นฟรีๆ เขาฆ่าเพื่อขายให้ได้เงิน
ไม่มีใครยอมรับเนื้อสัตว์เหล่านั้นมาแจกฟรีๆ เขารับมาเพื่อขายให้ได้เงิน
เงินหรือสิ่งแลกเปลี่ยนใดๆ ก็ตามทั้งรูปธรรมหรือนามธรรม
คือสิ่งที่เป็นแรงหนุนให้การฆ่าสัตว์ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อการเบียดเบียนไม่เคยหยุดและไม่เคยหมดไปจากโลก
อกุศลกรรมที่เกิดขึ้น คือทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวงจึงตกอยู่แก่ผู้ร่วมกรรมนั้น
– – – – – – – – – – – – – – –
แนะนำบทความ : สัตว์และเนื้อสัตว์ สิ่งที่ชาวพุทธไม่ควรค้าขาย
– – – – – – – – – – – – – – –
10.9.2558

