Dinh (Author's Website)
โสดก็ดี มีคู่ก็ทนเอา
หลายๆบทความที่ชี้ทุกข์ในการมีคู่ ชี้นำให้โสดนี่เหมาะกับคนที่ยังโสดเป็นหลักเลยนะ ให้รักษาความโสดไว้ก่อน อย่าเพิ่งรีบสละโสด
อ่านบทความไปพิจารณากันไป ถึงจะคบหาดูใจกันอยู่ ก็ดูกันไปก่อน ดูกันไปนานๆ อย่าเพิ่งรีบผูกมัดกันด้วยร่างกายและสมมุติโลกต่างๆเลย ถึงเวลาอยากออกจริงๆมันจะออกยาก เพราะติดไปแล้ว ผูกพันไปแล้ว
เวลาผ่านไปนานๆ เดี๋ยวกิเลสก็เริ่มออกลีลาเอง พอทั้งคู่ไม่ได้อย่างใจตนก็ตอนนั้นแหละ ก็ดูกันไป พิจารณากันไป
……..
ทีนี้คนมีคู่มาอ่าน ก็ไม่ใช่ว่าต้องสละคู่เลยนะ มันไม่ง่ายนะ ถึงจะทำได้แต่มันก็มีวิบากบาปติดมาด้วยเหมือนกัน เรียกว่าไม่คุ้ม ยกเว้นเช่นว่าขอเขาไปบวชตลอดชีวิตแล้วเขาอนุญาตอย่างเต็มใจ แต่ต้องบวชตลอดชีวิตจริงๆนะ แล้วชีวิตเขาจะต้องอยู่ได้ปกติโดยไม่มีเราด้วย …เห็นไหมว่ามันยาก มันมีเงื่อนไขยิบย่อยเยอะมาก
คนมีคู่นี่เขามีหนี้กรรมที่ต้องชดใช้กัน เป็นคู่เวรคู่กรรม ก็ทนๆใช้กรรมกันไป วันหนึ่งเราทำดีมากพอ เขาก็ปล่อยเราหลุดจากความเป็นคู่เอง ถ้าร้ายๆก็เขาไปมีคนใหม่ ไม่ก็ตายไป ถ้าดีๆหน่อยก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน (เห็นไหมว่าสุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนกันอยู่ดี)
ส่วนใครที่ทนทุกข์อยู่ไม่ต้องไปโทษใครหรอก ทำมาเองทั้งนั้น กรรมตัวเองทั้งนั้น ไม่ใช่ชาติก่อนหรอก ก็ชาตินี้แหละ หลงไปแต่งงานกับเขาเอง ตอนเขามาผูกพันก็ไปหลงสุขหลงเสพกับเขาเอง มันก็ต้องใช้กรรมกันไป
จงเป็นโสดเป็นโสดเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นโสดเป็นโสดเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
เราไม่สามารถหวังให้ใครทำอะไรอย่างใจเราได้ทุกอย่าง เช่นเดียวกับที่เราไม่สามารถหวังว่าใครจงอย่ามาเบียดเบียนเราเลย แต่เราสามารถทำตัวเราไม่ให้เบียดเบียนผู้อื่นได้ ดังนั้นการแผ่เมตตาคือการแผ่ธรรมะให้จิตที่โลภ โกรธ หลงของเรา ทำให้ตนเองไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่นนั่นเอง
กิเลสมักจะนำพาให้เราไปเบียดเบียนผู้อื่น นำเสนอให้เขาอยากมีคู่ พูดแต่ข้อดีของการมีคู่ พูดแต่ข้อเสียของความโสด และด้วยการบำรุงบำเรอกิเลสให้เขาหลงในสุขลวง ให้เขาหลงมัวเมาในสิ่งที่เราหยิบยื่นให้ไม่ว่าจะเป็น หน้าตา ฐานะ การงานมั่นคง มีชื่อเสียง คำหวาน คำสัญญา ความฝัน อุดมคติ ฯลฯ ซึ่งเราใช้สิ่งเหล่านี้ล่อลวงให้เขารับรัก เบียดเบียนเขาด้วยความผูกพัน ด้วยความยึดมั่นถือมั่น ด้วยการผูกภพผูกชาติ ก่อเวรก่อกรรมซึ่งกันและกัน
การพยายามไม่เบียดเบียนเช่นนี้อาจจะดูไม่มีความหมายสำหรับคนที่กำลังลุ่มหลงในความอยากมีคู่ แต่ถ้าลองพิจารณาดีๆ หากมีใครสักคนหนึ่งล่อลวงเราด้วยสิ่งยั่วกิเลสทั้งหลาย เช่น เขาหน้าตาดี มีฐานะดี มีการงานมั่นคง มีชื่อเสียง พูดแต่คำหวาน ผูกมัดเราด้วยคำสัญญา พาให้เราฝัน หลงในอุดมคติที่เขาสร้าง ในตอนแรกเราก็เป็นโสดอยู่ดีๆ มาเจอเขามายั่วกิเลสหนักเข้า โสดก็เริ่มจะกลายร่างเป็นสมรส คืออยากมีคู่ อยากคบหา อยากแต่งงาน
ทีนี้ชีวิตจริงมันไม่ได้จบเหมือนในละคร เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่เขามายั่วกิเลสของเรา มาพรากความโสดของเราไป เขาอยากเสพอะไร พอเขาได้เสพสมใจแล้วเขาจะทำอย่างไรต่อ เขาจะยังดีกับเราเหมือนเดิมไหม เขาจะทิ้งเราไปเมื่อไหร่ ในเมื่อเรามีความเสื่อมเป็นธรรมดา ความรักนั้นหมดอายุได้เป็นธรรมดา ซึ่งหมายถึงเราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เราเคยได้สุขได้เสพเป็นธรรมดาเช่นกัน
ไม่ว่าจะจบลงอย่างไรเราก็จะต้องถูกเบียดเบียนอยู่ดี การที่เขาหมดรัก หรือถูกเขาทิ้ง ก็เห็นการเบียดเบียนที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ถ้ารักกันไปจนแก่ รักกันจนตาย ก็จะเบียดเบียนกันด้วยการผูกภพผูกชาติ ผูกเวรผูกกรรม ที่จะต้องไปแก้กันในภายภาคหน้า แล้วมันจะดีหรือที่เรายังคิดจะไปเบียดเบียนผู้อื่นด้วยความหลงสุขของเรา ในเมื่อปลายทางนั้นมีแต่ทุกข์ ควรแล้วหรือที่เราจะปล่อยตัวปล่อยใจให้เบียดเบียนผู้อื่นเช่นนั้น
เราจึงควรสำรวมตนให้อยู่ในความโสด ป้องกันตนไม่ให้ไปเบียดเบียนใครด้วยความหลงสุขของเรา ไม่ให้เขาต้องลำบากเพราะเรา ไม่ให้ใครต้องมาทุกข์เพราะเรา
– – – – – – – – – – – – – – –
4.8.2558
ผ่านไปหนึ่งปี….
ผ่านไปหนึ่งปี….
มาถึงวันนี้ก็เป็นวันครบรอบปีที่ผมตัดสินใจมาสร้างเพจ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราวต่างๆที่ได้เรียนรู้มา ให้เพื่อนๆได้ร่วมศึกษาและเรียนรู้กัน
ผ่านไปหนึ่งปีไวกว่าที่คิด พอไปนับดูก็พบว่ามีบทความกว่า 250 บทความที่พิมพ์ไป ดูๆไปแล้วเยอะมาก เฉลี่ยแล้ว 3 วันจะเผยแพร่ออกมา 2 บทความ มีบทความทั้งสั้นทั้งยาวต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะยาวนะ ตอนแรกๆก็คิดนะว่าพิมพ์ยาวจะมีคนอ่านไหม? แต่จากที่ดูแล้วก็มีคนติดตามอ่านกันอยู่บ้าง แม้มันจะยาวก็ตาม
บทความในเพจนี้ เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านประสบการณ์และสภาวะที่ได้เรียนรู้มา ซึ่งก็จะพยายามใช้ภาษาที่กระชับและเข้าใจง่าย ค่อยๆเรียนรู้การเรียบเรียงไปเรื่อยๆ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เรียกว่าพัฒนาทักษะงานเขียนได้ดีขึ้นมาก รู้สึกว่าสามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้ชัดและตรงประเด็นกว่าเมื่อก่อน ซึ่งมันก็คงพัฒนาไปตามธรรม
เนื้อหาในเพจนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในเรื่องของความรัก คู่รัก รองลงมาก็จะเป็นเรื่องลดเนื้อกินผัก ,ความเห็นความเข้าใจเรื่องต่างๆในชีวิต , การปฏิบัติธรรม และเรื่องทั่วๆไปตามที่จะคิดออก
…..
ผมไม่ค่อยเจอกับปัญหาความคิดตันสักเท่าไรนัก แต่ละวันมีเรื่องใหม่ให้พิมพ์มากมาย งานที่ตั้งหัวข้อรอไว้ก็ยังหมกไว้อยู่มากมายเช่นกัน หลายเรื่องก็น่าพิมพ์ หลายเรื่องก็ต้องรอก่อน ลักษณะการเรียบเรียงบทความก็เป็นไปตามนิสัยของผม คือชอบยกตัวอย่าง ประยุกต์ แตกประเด็น คือหยิบประเด็นยิบย่อยมาพิมพ์บทความได้เรื่อยๆละนะ
ช่วงแรกๆที่สร้างเพจก็คิดไว้นะว่าจะพิมพ์เรื่องราวที่มันสบายๆ อ่านง่ายๆ ค่อยเป็นค่อยไป ให้ผู้ติดตามค่อยๆเรียนรู้ไปช้าๆ แต่พอเอาเข้าจริงแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด จริงจัง หนักแน่นกันเกือบทุกบทความ เช่นเรื่องความรักนี่ตัดจบที่เป็นทุกข์เกือบทุกบท ไม่ชี้ให้เห็นทุกข์ ก็ชี้ให้เป็นโสด มีอยู่อย่างสองอย่างนี่แหละ แทบไม่มีที่เหลือให้กิเลสได้หายใจเลย ไม่เหลือสุขไว้ให้ได้เสพเลย
ผมก็ยอมรับนะว่าคนตามอ่านบทความในเพจนี้นี่อึดจริงๆ ทั้งยาว ทั้งบีบคั้น อ่านไปเจอแต่เรื่องทุกข์ เรื่องสุขแทบไม่มี อ่านในจอใหญ่ๆก็ว่าลำบากแล้ว ถ้าไปอ่านในมือถือนี่เรียกว่าลำบากสุดๆ แต่บางคนเขาก็หาทางออกโดยการพิมพ์ออกไปอ่านนะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เข้าปีที่สองนี้ผมก็จะพยายามขัดเกลาตัวเองให้มากขึ้นนะ ทั้งลดกิเลส ทั้งเพิ่มทักษะงานเขียน และอาจจะต้องเพิ่มทักษะด้านอื่นๆด้วยถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ก็ศึกษาเรียนรู้กันต่อไป…
– – – – – – – – – – – – – – –
6.8.2558