Tag: ความอยาก

ทานนี้เพื่อให้

September 7, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,114 views 0

ทานนี้เพื่อให้

 

ทานนี้เพื่อให้

การทำบุญทำทาน หรือการสละให้ออกไปนั้น เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนทุกคนบนโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เป็นการลดความอยากได้อยากมี เป็นบุญ เป็นกุศล เป็นสิ่งที่ควรให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ นอกจากการแบ่งปันเผื่อแผ่กันแล้ว สัตว์ทั้งปวงหามีที่พึ่งอย่างอื่นไม่ ” ดังนั้นการให้ทานจึงเป็นสิ่งที่ควรพึงกระทำอย่างสม่ำเสมอ

การให้ทานจะมีผลมากนั้นก็ขึ้นอยู่กับทานนั้นลดกิเลสหรือไม่? เราได้สละออก ได้ให้ไปจริงหรือไม่? บางครั้งเรามักจะเห็นคนที่ให้หรือบริจาคทาน ไม่ได้ให้อย่างแท้จริง เมื่อให้ไปแล้วแต่ยังมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ ยังคาดหวัง ยังแลกเปลี่ยนอยู่

เช่น เราให้ขนมกับเพื่อน เราให้ไปแล้วนะ แล้วเพื่อนเอาขนมที่เราให้ไปให้หมากิน เรากลับโกรธเพื่อน อันนี้คือเราไม่ได้ให้ไปจริงๆ

เช่น เมื่อเราทำบุญบริจาค เราให้ไปแล้วนะ แต่เราไปตั้งจิตขอให้สมหวังอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้คือเราไม่ได้ให้ไปจริงๆ

เช่น เราแนะนำ เราบอกสิ่งดีๆให้กับเพื่อนไปแล้ว แต่เพื่อนกลับไม่ทำตามที่เราแนะนำ ตามที่เราเห็นว่าดี กลับไปทำตรงข้าม แล้วเราไม่พอใจที่เขาไม่ทำตามเรา อันนี้คือเราไม่ได้ให้ไปจริงๆ

เช่น เราบอกคนที่ทำให้เราโกรธว่า “เอาเถอะ…ให้อภัยไม่ถือโทษกัน” เราบอกด้วยปาก ท่าทีของเราก็ดูปกติ คนนั้นเขาก็เชื่อนะ แต่ในใจเรายังโกรธ ยังเคือง ยังไม่พอใจอยู่ ยังไม่อยากเจอ ไม่อยากคบหา อันนี้คือเราไม่ได้ให้ไปจริงๆ

การให้ทานที่ยังมีความหวังว่าจะได้อะไรกลับมาตอบแทนหรือยังยึดมั่นถือมั่นเป็นเจ้าของอยู่นั้น เป็นการให้ทานไม่ถูกไม่ควรสักเท่าไรนัก

การให้ทานที่จะเกิดกุศลมาก ต้องเป็นทานที่ให้เพื่อที่จะให้ ให้เพื่อที่จะไม่ได้รับอะไรเลย ให้เพื่อหมดตัวหมดตน ให้เพื่อหมดความอยากได้ ให้เพื่อที่จะไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากจะเอาอะไรอีก ให้จนไม่มีอะไรจะเอา…

ในชีวิตของเราในแต่ละวันนั้น มีการให้ทานอยู่ในหลายรูปแบบ ทั้งวัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน ถ้าเราพิจารณาให้ดีว่าการให้ทานที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งนั้น เราได้ให้ไปจริงหรือไม่ ยังคิดจะเอาอะไรอยู่หรือไม่ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสในการทำทานที่ให้ผลเจริญ เป็นกุศล ที่ทำได้โดยไม่จำเป็นต้องรอไปทำบุญทำทานที่วัด ไม่ต้องรอตักบาตรตอนเช้า

วัตถุทาน เช่น เราสามารถแบ่งขนมให้เพื่อนกินได้หรือไม่ แบ่งของให้เพื่อนยืมได้หรือไม่ มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นได้หรือไม่

ธรรมทาน เช่น เราแนะนำสิ่งดีให้กับคนอื่น พูดสิ่งที่ดี ที่พาลดกิเลสให้กับคนอื่น เมื่อมีปัญหาในกลุ่ม เราพูดเพื่อลดความบาดหมาง ลดโลภ โกรธ หลง หรือกระทั่งสอนให้เขาเข้าใจวิธีการทำให้ชีวิตไม่ทุกข์ก็เป็นธรรมทาน

อภัยทาน เช่น มีคนทำไม่ถูกใจเรา รถคันหน้าขับปาดแซงเรา คันหลังเปิดไฟสูงไล่เรา คันข้างๆเบียดเข้ามา เราให้อภัยเขาได้ไหม , เพื่อนร่วมงานนินทาเรา เจ้านายว่าเรา เราให้อภัยเขาได้ไหม , เห็นข่าวไม่ดีไม่งาม คนทำผิด ทำชั่ว ทำเลว เราให้อภัยเขาได้ไหม , มีคนพูดไม่ถูกใจเรา ทำไม่ถูกใจเรา คิดไม่ตรงใจเรา เราให้อภัยเขาได้ไหม

ดังจะเห็นได้ว่า การทำทานนั้นสอดร้อยไปในทุกจังหวะชีวิตของเรา หากคนมีปัญญารู้จักเก็บเกี่ยวกุศลสูงสุดของทุกๆเหตุการณ์ในแต่ละวัน ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ไม่ประมาท รู้จักทำทานอยู่เสมอ แม้ว่าจะไม่ได้มีภาพลักษณ์เหมือนคนที่ใจบุญ ทำบุญตักบาตรนุ่งขาวห่มขาวไปวัดเป็นประจำอย่างที่สังคมเข้าใจ แต่เขาก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดีในชีวิต เพราะผลแห่งทานเหล่านั้นนั่นเอง

– – – – – – – – – – – – – – –

7.9.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

เกิดมาทำไม?

August 7, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,021 views 0

เกิดมาทำไม?

เกิดมาแล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม… รู้แค่เกิดมาแล้ว มีสุข มีทุกข์ มีหน้าที่ตามที่เขาอยากให้ทำ และดำเนินชีวิตไปตามทางที่กิเลสจะพาไป จนวันหนึ่งมีคนถามคำถามนี้กับเรา… “เกิดมาทำไม?”

เป็นคำถามที่ชวนให้คิด… เกิดมาทำอะไร แล้วทำไมถึงเกิดมา…

เกิดมาทำอะไร?… ในเมื่อเกิดมาแล้วทั้งที จะต้องเรียนรู้ ทำงานไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็เกษียณอายุงาน กลายเป็นคนแก่นั่งอยู่บ้านอย่างนั้นหรือ ในเมื่อเห็นปลายทางแบบนั้นแล้ว มันก็ไม่เห็นจะน่าเดินไปตรงไหน ชีวิตในกรอบสังคมช่างน่าเศร้า เหมือนทุกข์ที่วนเวียนไม่รู้จบตั้งแต่เกิดจนตาย สุดท้ายก็ตายไปโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำอะไร

ทำไมถึงเกิดมา?… แล้วอะไรล่ะทำให้เราเกิดมาแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ นิสัยแบบนี้ มีครอบครัว และสังคมแบบนี้ อะไรเล่าเป็นตัวกำหนด จะตอบว่าความบังเอิญก็ดูจะมักง่ายและคลุมเครือเกินไป สุดท้ายก็ต้องไปตามหาคำตอบว่าเราเกิดมาได้อย่างไร

ใช้เวลาตามหาคำตอบกันอยู่นานหลายปี จนพบว่าเราเกิดมาเพื่อใช้เวลาที่มีเรียนรู้ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ การดับทุกข์ และวิถีปฏิบัติไปสู่การดับทุกข์ ซึ่งก็คือการล้างกิเลส เป็นหน้าที่หลักที่ต้องทำไปพร้อมกับสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและโลกในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่

ส่วนทำไมเราถึงเกิดมานั้น “กรรม” เป็นสิ่งที่ทำให้แต่ละชีวิตมีความแตกต่างกันออกไป และก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า หน้าที่มันยังไม่จบ ความอยากมันยังไม่หมดมันก็ต้องเกิดมาเสพต่อ เหมือนเราชอบขนม ถ้าวันนี้ได้กินขนม พรุ่งนี้มันก็อยากกินอีก…เกิดความอยากสะสมมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนต้องพยายามหามาเสพให้ได้ แม้จะตายก็ต้องเกิดมาสนองความอยากกันต่อไป ถ้ายังเหลือความอยากอยู่ก็ยังต้องเกิดอยู่เรื่อยไป

เกิดมาทำไม?

กินผัก ลดเนื้อสัตว์

August 20, 2013 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,748 views 0

การกินผัก ลดเนื้อสัตว์นั้น หากมองดูในสังคมปัจจุบัน ก็คงจะกลายเป็นคนแปลก ดูเคร่งในศีลธรรมหรืออะไรสักอย่าง แต่ในความเป็นจริงก่อนจะถึงปัจจุบันที่เราคิดอยู่นี้ คนรุ่นเก่า คนเฒ่าคนแก่เขากินผักกันเป็นหลักกว่าจะได้กินเนื้อสัตว์กันก็งานเทศกาล งานสำคัญต่างๆนั่นแหละ

ในปัจจุบันเรากินเนื้อสัตว์กันเป็นปกติ ต้องมีทุกมื้อ ร้านทุกร้านต้องมีเนื้อสัตว์เป็นเรื่องปกติ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของการป่วยของเราก็คือเนื้อสัตว์นี่แหละ อย่างที่รู้กันว่ามะเร็งนั้นเกิดจากการกินเป็นหลัก ในเมื่ออดีตไม่ได้มีมะเร็งกันมากมายจนเป็นโรคยอดฮิตขนาดนี้ แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้เราป่วย โดยที่ไม่รู้ตัว…

บะหมี่น้ำ

มีผลงานวิจัยหลายชิ้น แพทย์หลายคนออกมาให้ข้อมูลว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นสาเหตุของการป่วย ส่วนใครจะเลือกเชื่อในเหลี่ยมไหนมุมไหนก็แล้วแต่ หากแต่การเชื่อนั้นก่อให้เกิดสุขภาพดี มีชีวิตปกติก็สมควรจะลองในแนวทางนั้นๆจนถึงผล

การกินผักลดเนื้อสัตว์ จะทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อเรากินผักเป็นหลัก ก็ไม่ต้องลำบากไปหาเนื้อสัตว์ เพราะผักสามารถปลูกเองได้ และแม้ไม่ได้ปลูกเองก็ยังมีขายอยู่ทั่วไปโดยราคาก็ถูกเมื่อเทียบกับความอิ่มที่ได้รับมา เช่นผัดผักหนึ่งจาน ทุนก็คงไม่เท่าไหร่หรอก ยิ่งถ้าปลูกเองด้วยแล้ว ลืมทุนไปได้เลย เพราะเครื่องปรุงรสพอหารต่อจำนวนจานที่ทำแล้วจะถึงหนึ่งบาทรึเปล่าัยังไม่รู้เลย ดังนั้นการกินผักเป็นการลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึ่งนำมาสู่ค่าใช้จ่ายและการเสียเวลาในการไปหาหมอ

การกินผักทำให้ขับถ่ายสะดวก การขับถ่ายปกติถือว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุขภาพโดยรวมยังปกติอยู่ เพราะร่างกายจะขับสารพิษ หรือส่วนเกินมาพร้อมระบบขับถ่าย คนที่กินเนื้อเยอะๆก็จะมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายไม่มากก็น้อย การกินผักให้มาก หรือทั้งหมดหมดจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ง่ายขึ้น เอาง่ายๆว่ากินผักเยอะร่างกายก็เบา แม้จะกินเยอะขนาดอิ่มแน่น แต่ก็ไม่เหมือนความแน่นที่กินเนื้อเข้าไป

ทั้งนี้การหันมากินผัก ลดเนื้อสัตว์ยังช่วยให้ธรรมชาติกลับไปสู่สมดุลไม่มากก็น้อย หากเราลดเนื้อสัตว์ได้ ฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ก็ไม่ต้องมี สัตว์ที่เกิดและตายอย่างผิดธรรมชาติก็ไม่ต้องมี การฆ่าก็ไม่ต้องมี การค้าขายสัตว์ก็ไม่ต้องมี ลดโลกร้อนไปได้เยอะเลย ทุกวันนี้มีหลายชีวิตที่เกิดมาเพื่อตายเป็นอาหารให้กับความอยากกินของเรา แค่ความอยากกินของเราดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้มีสัตว์ตายไปกี่ตัวแล้ว เรากำลังมีส่วนในการทำลายชีวิตอื่นเพื่อสนองความอยากตัวเอง

เพราะว่าถึงไม่กินเนื้อเราก็ไม่ตาย ไม่ได้มีผลอะไรเติบโตปกติ มีหลายประเทศที่กินผักเป็นหลัก รวมถึงประเทศไทยในอดีตด้วย หากอ่านแล้วสงสัยอาจจะต้องลองค้นถึงประเพณีการกินเนื้อที่เข้ามาในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา ค่านิยม สังคม เขาบอกอะไรเราให้เราเชื่อในอะไรกันแน่ ในเมื่อจริงๆมื้อหนึ่งก็กินกล้วยจนอิ่มได้ สารอาหารที่มีในผักก็มากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมันก็สามารถหาได้ในพืชมากมาย เอาง่ายๆว่าครอบคลุมหมดแล้ว

ทีนี้ความอยาก มันก็เกิด อ่านถึงตรงนี้ก็คงจะรู้สึกกันแล้วว่าเราอยู่ตรงไหน อยากกินอยู่ หรือไม่อยากกินนานแล้ว วัดได้ที่ความรู้สึกตัวเอง ถ้ายังอยากกินอยู่แต่เห็นประโยชน์ในการไม่กินเนื้อสัตว์ ก็ให้ลด ละ เลิกไปตามลำดับ

ลด ก็ให้ลองลดจำนวนที่กินดู อาจจะเป็นมื้อ หรือเป็นวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ เดือน หรือช่วงหนึ่งของปีเช่นเทศกาลกินเจก็ได้ แล้วค่อยเพิ่มจำนวนวันที่ลดเอา

ละ ถ้าพอสู้กับความอยากไหวก็ละๆ มันเสียบ้าง แม้จะวางตรงหน้าก็ข่มๆไว้ก่อน ขอผ่านไปก่อน ถ้าอยากจนไม่ไหวก็ลองกินดู ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เลิกได้เอง

เลิก ก็เลิกกินเนื้อสัตว์กันไปเลย

บะหมี่น้ำ!

หลายคนอาจจะบอกว่าอยู่ในเมือง หากินยาก จะเรื่องมากทำไม กินๆไปเถอะ ตายเหมือนกัน ฯลฯ อันนั้นก็แล้วแต่ความสะดวก แต่ถ้าสนใจอยากลองก็ให้ลองพิจารณาดูเอาว่าเมนูประจำวันของเรานั้นสามารถปรับเปลี่ยนอะไรสู่การกินผัก ลดเนื้อสัตว์ได้บ้าง เช่นในกรณีของผม เดินเข้าไปร้านบะหมี่ปูร้านหนึ่ง สั่งอาหารเป็น บะหมี่พิเศษ ใส่แต่ผักไม่ใส่หมู/เนื้อสัตว์ เจ้าของร้านเขาก็ทำให้ได้ ส่วนจะคิดเงินเท่าไหร่ให้เป็นเรื่องของเขา บางครั้งที่ผมรู้สึกเราจะติดกับความรู้สึกเดิมๆ การเกรงใจ ความกลัว ทำให้เราลดไม่ได้สักที แต่ถ้าเริ่มครั้งแรกก็จะมีความมั่นใจ รวมถึงสามารถมองเห็นทางรอดของความตั้งใจที่จะกินผัก ลดเนื้่อสัตว์นี้ไ้ด้

เพียงแค่ประโยชน์ด้านสุขภาพ และความเมตตาที่เรามีให้แก่สัตว์ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิจารณา กินผัก ลดเนื้อสัตว์ ซึ่งแท้จริงแล้วยังมีกุศลอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าประโยชน์ที่ผมยกมาด้วยซ้ำ