ความเสแสร้งของคนพาล

February 26, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 993 views

ได้ดูคลิปของรายการหนึ่ง ที่ ceo ปลอมตัวไปศึกษาพนักงานนิสัยไม่ดีคนหนึ่ง ก็เป็นคลิปที่ทำให้เห็นตัวอย่างของความกร่างและความเสแสร้งได้ชัด (จะโพสไว้ในคอมเม้นให้ได้ดูกันก่อน)

คือคนนิสัยไม่ดีเนี่ย เวลาที่เขาทำไม่ดี เขาใช้อำนาจ เอาแต่ใจ ทำผิด ฯลฯ เขาไม่ค่อยบอกให้คนอื่นรู้หรอก เวลาเขาไปพบผู้บังคับบัญชาก็จะปิดบังข้อมูลจากปัญหาที่ตนก่อ ทำให้ผู้บังคับบัญชา หัวหน้า เจ้าของ ไม่ได้รับรู้ความจริง

ร้ายไปกว่านั้น คือถ้าคนพาลมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็เรียกได้ว่ามีอำนาจที่จะบิดเบือนข้อมูลข่าวสารได้มาก คือจะซ่อนปัญหาที่เกิดจากตัวเองไว้ แล้วก็รายงานเรื่องอื่น ๆ ให้ดูเป็นปัญหาใหญ่กว่าความเป็นจริง เป็นต้น

อย่างในเรื่องนี้ เจ้าของแฟรนไชส์สาขานี้ เขาก็ไม่ได้รู้ชัดเจนหรอกว่าผู้รับผิดชอบร้านเขาร้ายแค่ไหน แต่เขาคงพอได้ข้อมูลมาบ้างแหละ แค่ไม่ชัด ceo แฟรนไชส์นี้ก็เลยปลอมตัวไปสังเกตุการณ์ และพบว่าพนักงานคนที่ถูกชี้เป้านี้ ร้ายจริง ๆ ร้ายทั้งต่อพนักงานด้วยกันและร้ายต่อลูกค้า

เราจะได้เห็นตัวอย่างของความกร่าง อวดดี ถือดี ซึ่งส่วนมากก็แบบนี้แหละ อยู่มานาน สะสมอำนาจมานาน ใหญ่คับแผ่นดิน แต่พอโดนตรวจสอบเข้า โดนกล่าวหา ก็กลับกล่าวหาผู้ที่กล่าวหากลับ

ถ้าเราดูเฉพาะช่วงที่ ceo เอาข้อมูลมากล่าวหา ก็ดูจะเหมือนว่าไปรังแกพนักงานคนนี้ยังไงอย่างงั้น นี่คืออาการเสแสร้งแกล้งทำของคนพาล

บางคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ คนพาลนี่เขาจะไม่ชอบให้ตรวจสอบ ไปชี้ประเด็นหรือไปทักอะไรเขา ถ้าเราไปทัก ไปถามอะไรที่เกี่ยวกับอำนาจ บารมี หรือการทำงานของเขา เขาจะย้อนกลับมาแรง ๆ จะกล่าวหากลับ เพื่อปกปิดข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีของคนพาลอย่างชัดเจน คือเมื่อถูกกล่าวหา ก็จะกล่าวหาโจทย์กลับ

เคสนี้ก็เหมือนกัน เขาก็จะโจมตีกลับ ให้เหมือนถูกกระทำ ให้เหมือนโดนเข้าใจผิด ใครไปเจอกับคนพาลนี่คงจะต้องปวดหัวกันเกือบทุกราย เพราะเขาจะไม่ตรงไปตรงมา เหมือนจะตรงแต่ก็ไม่ตรง เหมือนจะจริงใจแต่ก็ไม่จริงใจ ลึกลับ แอบซ่อน กลับกลอก น่าปวดหัวเป็นที่สุด ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปยุ่งมาก

ในเรื่องเขาก็ต้องลงทุนในการหาหลักฐานอ้างอิง ถึงขนาดปลอมตัวเข้าไป จึงจะเอาอยู่ ถ้าไม่มีหลักฐาน จะกล่าวหาไปก็จะกลายเป็นการประชันฝีปากกันเฉย ๆ

จะปราบคนพาลนี่ปราบไม่ง่าย ต้องใช้พลัง ใช้แรง ใช้คนจำนวนมาก ไม่เหมือนปราบบัณฑิต ถ้าคนนั้นมีความเห็นถูก เป็นคนดี ไม่เพ่งโทษ ตินิดเดียว เขาก็ปรับปรุงแล้ว หรือถึงไม่ปรับก็จะไม่มีอาการชังกระแทกกลับมาให้เสียบรรยากาศ

แต่ถ้าไปติเตียนคนพาล จะกลายเป็นเหมือนไฟลามทุ่ง กลายเป็นเขามองว่าเราเป็นศัตรู เขาจะตั้งแง่กับเรา จับผิดเรา จองเวรเรากลับ ถ้าไม่มีบารมีที่มากพอ อย่าคิดจะไปชนกับคนพาลเชียว นอกจากจะใจเสียแล้ว ยังเสี่ยงมารพจญแบบไม่รู้จบอีกด้วย

นั่นเพราะคนพาลมีการเพ่งโทษเป็นกำลัง ดังนั้นจะจัดการคนพาลไม่ต้องมากเรื่อง หาหลักฐานที่ชัด ๆ แล้วฟ้องผู้มีอำนาจ สืบสวน สรุปผล จบแล้วจับโยนออกไปเลยจะเป็นวิธีการที่ประหยัดเวลามากที่สุด เพราะปล่อยให้พูดกันเปล่า ๆ ก็จะแถ เสแสร้ง แกล้งทำกันไปเรื่อย พาลจะสับสนเปล่า ๆ

Related Posts

  • กรณีศึกษา ไลฟ์โค้ชที่ไม่มีศีล ช่วงก่อนนี้มีเรื่องราวในสังคมเกี่ยวกับไลฟ์โค้ชที่ทำงานไม่โปร่งใส ไม่ทำงานไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ มีอาการหมกเม็ด ไม่ชัดเจน สังคมจึงพากันจับตาในประเด็นนี้ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในโลกโซเชียล เป็นอันดับต้น ๆ […]
  • สร้างความเจริญ ด้วยการเลิกรับใช้คนชั่ว การรับใช้คนชั่ว คนไม่ดี หรือคนผิดศีล ก็เป็นมิจฉาอาชีวะ หรือมีความเป็นมิจฉาชีพอยู่ เพราะยังติดอยู่ในข้อที่ว่า "มอบตนในทางที่ผิด" คือไปยอมรับใช้คนไม่ดี ที่ไม่พาไปพ้นทุกข์นั่นแหละ แต่ชีวิตนี่มันก็ไม่ได้ง่ายรู้ดีรู้ชั่วได้ทั้งหมดได้ในทันที […]
  • การช่วยเหลือคนทุศีล จากบทความที่กล่าวถึง การเลิกรับใช้คนชั่ว ก็มีคำถามเข้ามาว่า "แล้วถ้ามีคนมาขอเงิน และเค้าเป็นคนทุศีล แต่เราให้แค่ข้าวเค้าพอกิน 1 มื้อ เพราะถือว่าฝึกการทำทานแบบไม่เลือกไม่เจาะจง อย่างนี้ได้ไหมคะ หรือ ไม่ควรให้เลย" ตอบ : […]
  • การติติงคนพาล การติเตือนกันนั้นเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการปฏิบัติธรรม แต่การติคนพาลแล้วหวังจะให้เกิดความเจริญนั้น ก็เหมือนการตำน้ำพริกละลายลงในโอ่งที่ใส่น้ำกินน้ำใช้ พาลจะมีภัยถึงตัวเปล่า ๆ ต้องดูบารมีตัวเองด้วย […]
  • คนพาลมีการเพ่งโทษเป็นกำลัง เป็นอย่างไร? พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนพาลมีการเพ่งโทษเป็นกำลัง หรือแปลเป็นภาษาบ้าน ๆ ว่า คนพาลชอบเพ่งโทษ หรือ การเพ่งโทษคือพลังของคนพาล ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านกันกับเคสเพ่งโทษถือสา แบบมีอคติฝังใจ […]

Comments are closed.