ทักทาย
บทความสังเคราะห์จากหลาย ๆ ปัจจัย
ที่ผมพิมพ์บทความได้เยอะ ๆ นี่ก็มาจากข้อมูลคนมากด like มา comment ด้วยครับ
คือเห็นแล้วจำได้ว่าใครมากดนั่นแหละ แล้วพอมีข่าวสารขึ้นใน feed มันก็จะพอนึก ๆ อะไรออกบ้าง ก็เรียกกันว่าสังเคราะห์กันทาง facebook
ที่ไม่ตอบ ก็คิดว่าส่วนใหญ่เป็นประโยคบอกเล่าก็เลยไม่ได้ตอบอะไร แม้จะเป็นคำถามก็ต้องพิจารณาการตอบอีกทีหนึ่ง แต่ก็ได้อ่านทุกท่านครับ พิมพ์อะไรมาก็อ่านนั่นแหละ แต่บางทีถามมาอาจจะลืมตอบจริง ๆ ทั้งที่คิดว่าจะตอบแต่ก็ลืมไป ก็มีเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่ได้อยู่หน้าจอตลอด มันก็มีงานอื่นต้องคิด คิดเรื่องอื่น มันก็ลืมเรื่องตอบไปก็มีเหมือนกัน
แต่ผมพยายามจะยกมาเขียนตอบเป็นบทความใหม่นะ เพราะคิดว่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น คนอื่นเขาจะได้อ่านด้วย
แต่ท่านที่เป็นอวตาร(บัญชีที่ไร้การแสดงตัวตน) นี่บอกตรง ๆ ว่าผมประมาณยาก ถ้าถามมาก็จะตอบไปแบบประเมินต่ำไว้ก่อน อาจจะตอบเป็นเชิงแนวคิด ภาพรวม ๆ บางทีข้อมูลมันมีน้อย มันก็วิเคราะห์ยาก พระพุทธเจ้าท่านสอนให้มีการประมาณ หนึ่งในนั้นคือการประมาณในบุคคล สมัยนี้อวตารเยอะ ผมก็เข้าใจ เพราะผมก็เคยทำ บางคนเขาอาจจะมีเหตุในการปิดบังตัวตนก็ไม่ว่ากัน เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ครับ
ขอให้สบายใจในการแสดงความคิดเห็นครับ คิดต่างได้ คิดไม่เหมือนกันได้ครับ เป็นเรื่องธรรมดา จะติมาก็ได้ถ้าเห็นควร เห็นว่าติแล้วเป็นประโยชน์ แต่อย่าถึงขั้นด่ากันเลยครับ เกรงว่ามันจะมันจะหมิ่นเหม่ไปในทางบาป แต่จริง ๆ ก็ด่าได้นั่นแหละ ผมก็พอทนได้ประมาณหนึ่งครับ ส่วนมากก็จะไม่ค่อยถือสา เพราะผมเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นของท่านเหล่านั้นเหมือนกัน
ก็ขอบคุณที่แบ่งปันการกดแสดง feedback , comment ต่าง ๆ ฯลฯ เข้ามาครับ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ไอเดียบรรเจิด
แชร์บทความได้ครับ
บทความส่วนใหญ่ก็เหมือนบันทึกประจำวันตามที่ผมนึกได้ ก็ใช้การทบทวนธรรมนี่แหละ ในการขัดเกลาปัญญาของตนเอง สมัยก่อนยังไม่ทำเพจ ก็พิมพ์เก็บไว้อ่านเอง กับแบ่งเพื่อน ๆ ที่สนใจแนวทางเดียวกัน ต่อมาพิจารณาแล้วว่าเอามาเปิดเผยน่าจะดี ก็เป็นดังที่เห็นกันในทุกวันนี้แหละครับ
ดังนั้นที่มาพิมพ์เผยแพร่ก็มีเจตนาที่จะแบ่งปันอยู่แล้วครับ ใครจะนำไปใช้ยินดีครับ
สวัสดีปีใหม่ ด้วยของขวัญจากปีเก่า
การจะมีปีใหม่ที่ดีนั้น การมีต้นทุนที่ดีจากปีเก่าก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ เรียกว่า บุญเก่า, กุศลกรรมเก่า ตามที่ทำมา
ของขวัญจากปีเก่า เป็นสิ่งที่ผมได้มาจากค่ายพระไตรปิฏกครั้งที่ 27 หลังจากที่ผมขึ้นสอบสภาวธรรม อาจารย์ได้ให้สิ่งที่สำคัญมาก ๆ กับชีวิตผม
ผมพูดในประเด็นเกี่ยวกับความไม่ประสบความสำเร็จในการช่วยคน อจ. หมอเขียวได้สรุปให้ว่า…
ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่ศรัทธา จะสอนกันไม่ได้ คนเรามีจริตที่ต่างกัน ถ้าไม่ใช่ธาตุเดียวกันจะไปด้วยกันไม่ได้ อาจารย์ยกตัวอย่างว่าแม้จะเป็นเอกทัคคะ ก็ใช่ว่าจะสอนลูกศิษย์อีกสายให้บรรลุธรรมได้ คนเขาจะเลือกคนที่เป็นครูบาอาจารย์ของเขาเอง จะข้ามสายกันไม่ได้
เช้าวันต่อมา อาจารย์ยังสังเคราะห์เรื่องศรัทธาให้เพิ่มว่า คนที่ศรัทธา จะไม่ถือสา คือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรผิดไปบ้าง คนที่ศรัทธาเขาจะไม่ถือสาเรานั่นเอง ส่วนคนที่เขาไม่ศรัทธาน่ะหรอ? ทำถูกก็ว่าทำผิด ทำดีก็ว่าทำไม่ดี เก่งแค่ไหนก็ห่วยในสายตาของเขานั่นแหละ
ผมได้ธรรมหมวดนี้แล้วเข้าใจทันทีเลย ว่าที่เราเสียพลังงานไปมากมายในแต่ก่อนนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไร คนที่เขาไม่ศรัทธานี่ไม่ใช่งานของเรานะ เราไม่ต้องขยันทำ เราเอาภาระแค่คนที่ศรัทธาเราก็พอ มันมีเพดาน มันมีข้อจำกัดที่ไม่มีวันจะฝ่าไปได้อยู่
แล้วศรัทธาแบบไหนล่ะ? ผมก็เอาศรัทธาที่ตัวเองมีกับอาจารย์มาวัดนี่แหละ ตลอดเวลาเกือบ 7 ปีที่รู้จักอาจารย์มา ผมไม่เคยรู้สึกว่ามีอาการเพ่งโทษถือสาใด ๆ เลย มีแต่การน้อมใจเอาประโยชน์ การปรับใจให้ไปตามในทิศที่ท่านสอน งานเพ่งโทษไม่ใช่งานของผม ไม่ใช่งานของคนที่จะปฏิบัติสู่ความผาสุก สรุป ถ้าได้ประมาณนี้ค่อยเอาภาระก็ได้ ไม่สาย
แล้วผมก็ไม่ได้รีบนะ ไม่ได้มีจิตคิดจะสั่งสอนใคร แบบศิษย์อาจารย์ ใครมาถามก็ตอบไปเท่าที่รู้ ไม่ได้คิดจะสร้างอะไร
แต่ก่อนก็ยอมรับว่ารีบไปบ้าง คือประเมินศรัทธาเขาพลาด ให้เครดิตเขามากไป ส่วนใหญ่ผมจะประเมินเขาสูงเกินความจริงทั้งนั้น มันก็เลยพลาด แต่ปัจจุบันนี่ ไม่ต้องกังวลเลย ใช้เวลากับธรรมะเป็นตัววัด คนศรัทธาจะไม่หวั่นไหวในกาลเวลา คนศรัทธาจะไม่หวั่นไหวในธรรม ดูกันไปนาน ๆ ตามที่พระพุทธเจ้าว่า ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คน
ผมก็จะใช้ความรู้จากของขวัญที่ได้มาจากปีก่อน ดำเนินชีวิตไปในปีใหม่ ผมเชื่อว่าปีใหม่จะเป็นปีที่ดีกว่าเดิม เพราะเราพัฒนาขึ้น รู้มากขึ้น โง่น้อยลง โจทย์จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ย่ำอยู่กับที่
สิ่งที่ได้รับมา เป็นกรรมฐานที่ทรงพลังมาก ๆ จนคิดว่าการดำเนินไปตามทางนี้แหละดี จะยิ่งได้ฝึกฝน ยิ่งได้บำเพ็ญ ที่สำคัญคือคนที่เข้ามาเกื้อกูลกัน จะเป็นคนจริงใจมากขึ้น และคนไม่จริงใจ จะกระเด็นออกไปเร็วยิ่งขึ้น นั่นก็ทำให้ปี 2563 นี้คงไม่ต้องมีเรื่องให้เมื่อยหัวมากนัก
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ ขอให้เป็นวันเริ่มต้นปีที่ดี ตั้งจิตตั้งใจที่จะทำสิ่งดี เพื่อเป็นต้นทุนสู่ความผาสุกอย่างยั่งยืน มั่นคง และถาวรกันครับ
ทักทาย ๒๕๖๒ : 2019
ปี 2018 ที่ผ่านมา มีผลงานบทความในเพจ ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ ค่อนข้างน้อย แต่งานวิจารณ์ และข้อคิดเห็นต่าง ๆ ใน บัญชี ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ ค่อนข้างเยอะ สำหรับผู้ที่ติดตามในเว็บไซต์แห่งนี้ อาจจะได้รับการตอบรับช้าหน่อยในปีที่ผ่านมา เพราะเว็บไซต์มีปัญหาทางเทคนิคตั้งแต่กลางปี ทำให้ผมเข้ามาจัดการระบบภายในไม่ได้ และไม่มีเวลาที่จะแก้ไขจนหาย จึงปล่อยเรื่อยมา เพราะหน้าเว็บทั่วไปยังสามารถเข้ามาอ่านได้อยู่
ในปี 2019 นี้คิดว่าน่าจะมีเวลาสำหรับบทความมากขึ้นโดยลำดับ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว การพิมพ์บทความนี่ต้องใช้เวลาและพลังในการรวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงมากกว่า ส่วนงานวิจารณ์แสดงข้อคิดเห็นต่าง ๆ นั้น เป็นงานที่ใช้เวลากลั่นกรองไม่มาก สรุปไม่ยาก เป็นเรื่อง ๆ เป็นประเด็น ๆ ไป