ประเด็นทั่วไป
ความปรารถนาดีที่เขาไม่ต้องการ
ภาพนี้ถ่ายไว้นานแล้ว ไม่มีเวลาได้เล่าเป็นเรื่องกันสักที มาวันนี้ก็เหมาะควร
เป็นภาพของหมาตัวหนึ่งที่นอนอยู่บนเกาะกลางถนนกับไส้กรอกหนึ่งชิ้นที่ก่อนหน้านี้มีคนคนหนึ่งหยิบยื่นมาให้
ผมเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะยืนรอรถเมล์อยู่แถวนั้นนานมาก หลังจากที่มีคนหยิบยื่นไส้กรอกให้ หมามันก็ทำท่าดม ๆ แล้วมันก็นอนต่อ ไม่นานนักมันก็ลุกเดินออกไป และไม่กลับมาเหลียวมองแม้ผ่านไปหลายนาทีก็ตาม
ผมเห็นดังนั้นก็ตระหนักเลยว่า เราไม่ควรยัดเยียดในสิ่งที่คนอื่น สัตว์อื่น ที่เขาไม่ต้องการ เพราะนอกจากสิ่งที่เราทำลงไปแล้วจะไม่เกิดผลดีอะไรกับเขา เรายังจะต้องเสียพลังงานและทรัพยากรไปอย่างสูญเปล่าด้วย
การพยายามผลักดันไปช่วยใครต่อใครไม่ใช่วิถีทางพ้นทุกข์ แต่การช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือนั้นต่างหากจึงจะเป็นน้ำหนักที่จะนำมาประมาณการกระทำที่เหมาะที่ควรได้
แม้เราจะมองว่าเรามีดี เราเลิศ เราเยี่ยม เราเก่งแค่ไหนก็ตาม ต่อให้เราดีเราเก่งจริง ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่ต้องการมันก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีค่าอะไรสำหรับเขา ดีไม่ดีเขาตีทิ้ง ดูหมิ่นกลับอีกต่างหาก
ดังนั้นเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ผมนำมาน้อมใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่หลงติดกับดักของความยึดดี ถือดี ที่จะพุ่งเข้าไปทำดีโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำดีโดยไม่ประมาณตน ทำดีโดยไม่ประมาณผู้รับ อันนี้มันก็จะเสียมากกว่าได้ คือกุศลน่ะได้ แต่กิเลสหรือบาปมันงอก มันก็เสียประโยชน์ตนนั่นแหละ ส่วนประโยชน์ผู้อื่นก็ไม่ได้อะไร เพราะให้แล้วเขาก็ไม่เหลียวแล ดีไม่ดีหยิบไปเททิ้ง
นกน้อยกับงูจำแลง
โลกหมุนไวจังพี่จ๋า สาวคุกเข่าขอแฟนหนุ่มแต่งงาน พร้อมมอบสินสอดเป็นรถบิ๊กไบค์ !
วันก่อนเห็นข่าวผู้หญิงเขาเอาของบรรณาการมาเพื่อขอผู้ชายแต่งงาน ข่าวนี้อาจจะดูแปลกในเมืองไทย แต่สำหรับผม ก็คิดว่าไม่แปลกอะไรถ้าจะมีเหตุการณ์แบบนี้
สมัยนี้ผู้ชายอย่างเรา ๆ นี่ก็ใช่ว่าจะประคองตัวให้โสดได้ง่าย เพราะผู้หญิงทั้งหลายช่างขยันปั้นเสริมเติมแต่งให้มันดูดีดูงาม ดูน่าสนใจ งามไม่พอยังเก่งอีก เก่งไม่พอยังเป็นคนดีอีก เป็นคนดีไม่พอยังรวยอีก เอ้า ว่าแล้วก็เอาลาภเหล่านั้นมาล่อให้เราหลง
ผู้ชายอย่างเรา ๆ นี่ก็เปรียบเสมือนนกน้อย (เปรียบซะน่าหมั่นไส้) ที่มีอิสระ จะบินไปไหนก็ได้ ตามแต่ใจ อยู่เป็นโสดไปจนแก่ก็ยังเท่ หรือจะไปบวชก็ทางสะดวก แถมบวชแล้วยังเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ได้อีก
แต่ก็ดันมาหลงผู้หญิง โทษของผู้หญิงนี่พระพุทธเจ้าท่านเปรียบไว้ค่อนข้างแรง ก่อนอ่านก็ตั้งจิตตั้งใจดีๆ หายใจลึกๆ ท่านเปรียบโทษของหญิงไว้ดั่งงูพิษ ( พระไตรปิฎก เล่ม ๒๒ ข้อ ๒๓๐ “สัปปสูตรที่ ๒” )
ผมก็จะเปรียบเปรยหญิงไว้ดั่งงู ทีนี้เจ้างูจะล่อนกก็ต้องแปลงกาย ทำตัวให้เล็กๆ เหมือนหนอนน้อย ให้ดูน่ารัก สวย สดใส ร่าเริง แอ๊บแบ๊ว~ เจ้านกน้อยหน้าโง่ๆ ก็ไม่รู้เรื่องอะไร เห็นงูเป็นหนอนก็เลยจะเข้าไปจิกกิน …ต่อจากนั้นก็คิดต่อกันเอง
จริงๆ ในเพจนี้ แฟนเพจผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายนะ ที่ผมยกเรื่องนี้มาก็เห็นว่ามันค่อนข้างเป็นการกระทำที่แกว่งเท้าหานรกให้ตัวเองเหลือเกิน อย่าไปเอาเยี่ยงอย่างเขาเลย แม้แต่การทอดสะพาน ส่งสายตา หรือแอบให้ท่าก็อย่าไปทำ ให้นึกเอาว่าสงสารนกน้อยหน้าโง่ๆ มันไม่รู้อะไรหรอก มันไม่รู้ว่าผู้หญิงอย่างเราๆ นี่ร้ายแค่ไหน ถือว่าปล่อยลูกนกลูกกาไป
การให้ทานที่มีอานิสงส์มากก็คือปล่อยนกน้อย(ผู้ชาย)เหล่านั้นไป นั่นแหละ อย่าเอาเขามาเป็นตัวเราของเราเลย เพราะขืนเอาเขาเข้ามาขังไว้ สุดท้ายเขาก็ทุกข์ เราก็ทุกข์ คนอื่นๆก็เป็นทุกข์
เรียนรู้วิกฤติพุทธจาก กระแสสังคมในช่วงการป่วยของคุณปอ ทฤษฏี
จากช่วงนี้ เราจะเห็นได้ว่ามีกระแสแปลกๆออกมามากมาย เช่นคนนั้นจะแก้กรรมให้ คนนั้นจะหาวิธีพ้นกรรม ปัดกรรม ชะลอกรรม ฯลฯ หรืออะไรก็ตามที่เป็นศาสตร์ในเชิงลึกลับ ที่ไปยุ่งวุ่นวายกับกรรมคนอื่น ซึ่งมักจะเข้าขีดเดรัจฉานวิชาอยู่เนืองๆ
ในส่วนตัวแล้วหากผมเห็นว่าใครอวดอ้างว่าตนหรืออาจารย์ของตนนั้นมีอิทธิฤทธิ์ในการจัดการกรรมของคนอื่น ผมก็จะกาหัวไว้ก่อนเลยว่ามิจฉาทิฏฐิแบบสุดๆ
ซึ่งในช่วงนี้เราก็จะได้เห็นความเพี้ยนในความเป็นพุทธ บ้างก็มีภาพลักษณ์เป็นคนดีแต่ก็เห็นผิดเชื่อผิดๆ ซ้ำร้ายอาจจะยังมีพวกอลัชชี ผีผ้าเหลืองที่คอยบั่นทอนความเป็นพุทธด้วยความหลงผิดของตนอีก
ขนาดพระพุทธเจ้าไปห้ามญาติรบกัน 3 ครั้ง สุดท้ายก็ยังห้ามไม่ได้ เพราะเขามีกรรมเป็นของเขา ซึ่งช่วงหลังมานี่มีคนเก่งเกินพระพุทธเจ้าเยอะ ตั้งตนเป็นเกจิอาจารย์อวดอ้างวิธีแก้กรรม ปัดเป่าทุกข์ ฯลฯ
….ก็เรียนรู้กันไป ว่าในปัจจุบันพุทธนั้นผิดเพี้ยนไปขนาดไหนแล้ว
ผลของกรรมเกิดจากสิ่งที่เราทำมา (เรามีกรรมเป็นของตน)
กรณีของคุณปอ ทฤษฎี หากว่าเขาจะหายหรือไม่หายนั้นก็เป็นไปตามกรรมที่เขาทำมา
เราไม่สามารถทำอะไรให้เขามีผลกรรมจากเราได้ กรรมไม่สามารถโยกย้ายได้ ใครทำอะไรไว้คนนั้นก็รับ อ่านต่อ…
ผลของกรรมเกิดจากสิ่งที่เราทำมา (เรามีกรรมเป็นของตน)
กรณีของคุณปอ ทฤษฎี หากว่าเขาจะหายหรือไม่หายนั้นก็เป็นไปตามกรรมที่เขาทำมา
เราไม่สามารถทำอะไรให้เขามีผลกรรมจากเราได้ กรรมไม่สามารถโยกย้ายได้ ใครทำอะไรไว้คนนั้นก็รับ
เช่น เราไม่สามารถทำกรรมชั่วแล้วโยนความชั่วนั้นให้คนที่เราเกลียดและชิงชังได้ ดังนั้นการสาปแช่งจึงไม่ได้มีผลใดๆต่อผู้อื่นในมุมมองของพุทธศาสนาเลย
เช่นเดียวกันกับ เราไม่สามารถทำกรรมดีแล้วโอนกรรมดีนั้นให้ใครได้ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ จนกระทั่งการบวชด้วยความเห็นผิดว่ากรรมดีนั้นจะมีผลให้คนที่รักรอดพ้นจากภาวะเหล่านั้น
เขาจะรอดก็รอดด้วยกรรมของเขาเอง ไม่มีใครมีอำนาจเกินกรรมของเขา กรรมนี่แหละคือพระเจ้า ใครทำอะไรก็ได้รับผลอย่างนั้น ไม่มีใครเก่งเกินกรรม
ในช่วงนี้มีกระแสที่ทำให้แสดงให้เห็นถึงความเห็นผิดในธรรมอย่างชัดเจน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า มิจฉาทิฏฐิควรปิดบังไว้ ไม่ควรเปิด เปิดเผยแล้วไม่เจริญ
เจตนาดีบนความเห็นผิดก็ยังเป็นความไม่ดี เพราะทำไปแบบผิดๆก็จะสะสมกรรมไม่ดีให้ตัวเองเปล่าๆ ส่วนคุณปอ เขาก็ไม่ได้รับผลกรรมอะไรจากเราหรอก เขาก็รับกรรมของเขาเท่านั้นเอง