กรณีศึกษา
กลับไป “คบ” เพื่อที่จะ “เลิก” ได้อย่างหมดสงสัย
บางครั้งเราอาจจะต้องกลับไปเพื่อเรียนรู้อะไรบางอย่าง …
บางอย่างที่เราเจ็บแล้วไม่จำ
บางอย่างที่เรายังเสพไม่พอ
บางอย่างที่เรายึดมั่นถือมั่นไว้
กลับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะทุกข์เกินทน…
ผมอ่านแล้วเข้าใจว่าเขากลับไปซ้ำแผลเก่าให้มันเจ็บ ให้มันจำ ให้มันเข้าใจนะ เขาก็ถ่ายทอดได้ดี
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ “การกลับไปจะทำให้เรารู้ว่า ถ้าเค้ารักเราจริง เค้าคงไม่ทิ้งเราเพื่อไปรักใครอีกคน”
อ่านต่อในกระทู้ : ข้อคิดดีๆ ของการรีเทิร์นกลับมาคบกับแฟนเก่า …….
ใครที่สามารถแกะสภาวะของใจตัวเองได้ว่าไปเสพ ไปติด ไปยึดอะไรมุมไหนเหลี่ยมไหนได้ นั่นแหละเรียกว่าเจริญแล้ว
ส่วนคนที่หลง เขาจะไม่สามารถแกะออกมาได้แบบในกระทู้นี้นะ เขาวนอยู่แค่คำว่ารัก อะไรไม่รู้ รู้แต่ว่ารัก งงๆอยู่แบบนี้แหละ
อันนี้เขาละเอียดดี เป็นขั้นๆ เป็นลำดับ ผมชอบนะแบบนี้ ไล่ฆ่ากิเลสได้ง่าย ใครคิดจะทำลายกิเลส ลองไล่ตรวจใจตัวเองแล้วไขออกมาให้ได้แบบในกระทู้นี้ก่อน ถ้าทำยังไม่ได้ก็ยังไม่ต้องรีบพูดถึงเรื่องหลุดพ้น เพราะยังอีกไกล
ขายตรง…
เป็นอาชีพที่สุ่มเสี่ยงที่จะอยู่ใน “มิจฉาอาชีวะ” หลายข้อ ในข้อที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ การล่อลวง(ลปนา) และการตลบตะแลง(เนมิตตกตา)
ยังไม่ต้องกล่าวไปถึงอีกสองข้อหลังคือมอบตนในทางที่ผิดและการเอาลาภแลกลาภ เพราะผิดเต็มประตูอยู่แล้ว
อ่านต่อได้ที่กระทู้ : โดนเพื่อนหลอกไปสัมมนา Amway ค่ะ ( รีวิวสัมมนา 2 วัน 1 คืน ของแอมเวย์ )
กิเลสงอก ก็นอกใจ…
คบกันมานานก็อย่ามั่นใจนัก เคสนี้คบกันมา 6 ปี กำลังจะแต่งงาน สุดท้ายก็แพ้พลังกิเลส กิเลสนี้มันโตได้นะ อย่าคิดว่าเขาจะเหมือนเดิมตลอด ความอยากมันไม่มีสิ้นสุด
ปัญหามันเยอะมาก มันต้องการมาก ทั้งกาม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มันอยากได้อยากเสพมากขึ้นไปอีก คิดว่าจะหามาบำเรอกันไหวอย่างนั้นหรือ
อ่านต่อได้ที่กระทู้ : เมื่อแฟนบอกว่า เงินได้ซื้อเธอไปแล้ว
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
การที่เราจะตัดสินความรักว่าดีนั้น เราดูกันสั้นๆไม่ได้หรอก จะดูกันแค่ปีเดียว 5 ปี 10 ปี 20 ปี หรือทั้งชีวิตก็อาจจะไม่สามารถรู้ได้
แต่เราจะรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ดีตรงที่มันทุกข์ และที่มันทุกข์เพราะมันมีความชั่วอยู่ในนั้น เมื่อมันชั่วก็เป็นสิ่งไม่ดี เมื่อเรารับรู้ว่ามันทุกข์ก็อย่าไปหลงมัวเมากันให้มันนาน วิบากบาปมันจะหนัก
***เคสนี้ผมแนะนำให้อ่านเลยนะ แต่ยาว น่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
อ่านแล้วยิ่งกว่าดูละครนะ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันสุดๆ นึกว่าอ่านนิยายอยู่ แต่เอาเถอะ เราก็พิจารณาประโยชน์ไป เพราะถึงเรื่องนี้จะจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สังคมกึ่งพุทธกาลก็ชั่วแบบนี้แหละ …แต่อันนี้ยังน้อยนะ
ปล.ลิงก์นี้อ่านแต่เรื่องราวอย่างเดียวไม่มีคอมเม้นนะ
อ่านต่อกันได้ในกระทู้ : 15 ปีกับรักที่ไม่เคยระแวง..เมื่อรู้ความจริงวันนี้ถึงกับจุก จนไม่มีน้ำตา
ขยาย หน่อยนะ… การที่เราจะตัดสินความรักด้วยเวลาไม่ได้นั้นเพราะความหลงมันจะบังไว้หมด จะกี่ปีกี่ชาติถ้ามันยังหลงอยู่มันก็เมารักกันไปแบบนั้นแหละ มองไม่เห็นความจริงหรอก
ส่วน คนที่เห็นทุกข์ในความรัก เห็นความรักว่าเป็นทุกข์นั้นคือคนที่สามารถเปิดตาได้แล้ว ที่เหลือคือหาเหตุแห่งทุกข์และปฏิบัติตามมรรควิถี
สองย่อหน้านี้ต่างกันตรงอันหนึ่งเป็นโลกียะ อีกอันหนึ่งเป็นโลกุตระ