Tag: หมู
ภาพจริงของนรก
ภาพจริงของนรก และกระทะทองแดงยังมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน แม้รูปจะเป็นหมู แต่จิตวิญญาณนั้นยังคงมีความทุกข์ มีเวทนาเหมือนกับคน นั่นหมายถึง จิตวิญญาณนั้นแค่ดำรงอยู่ในร่างหมูเพื่อรับกรรมที่ตนทำมา
การกำเนิดเดรัจฉาน หรือไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนั้นง่ายยิ่งกว่าง่าย แค่ไม่มีศีล ๕ เบียดเบียนสัตว์อื่นมาก ๆ ใช้ชีวิตตามใจอยาก กิน สูบ ดื่ม เสพ ก็จะได้รับสิทธิ์นั้นรอคอยอยู่ในเบื้องหน้าอย่างแน่นอน
ถ้าถามว่าผมจะเห็นใจใคร ระหว่างคนที่ยังหลงทำชั่ว หรือหมูตัวที่โดนหย่อนลงหม้อน้ำเดือด ภาพรวมก็เห็นใจทั้งคู่นั่นแหละ แต่หมูนั้นกำลังรับกรรมชั่วของตนอยู่ ชดใช้ไป ผลกรรมชั่วก็หมดไป ส่วนคนที่หลงผิด หลงทำชั่วอยู่นั้น เขากำลังสะสมกรรมชั่วของตน กำลังดำเนินไปในทางเสื่อม ก็รอคิวไปเป็นหมูตัวต่อไป ใครน่าสงสารกว่ากัน?
ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน
ระหว่างเดินทางวันนี้ ก็ได้มองไปรถที่กำลังขับผ่านไปอย่างช้า ๆ เป็นรถขนหมู
หมูในรถโต ๆ กันแล้ว ก็รู้ ๆ กันว่าปลายทางจะไปอยู่ที่ไหน ก็ไปเข้าปากเข้าท้องคนที่เขาอยากกินนั่นแหละ แต่กระบวนการมันก็โหดร้ายเหลือเกิน คือมันต้องถูกฆ่า ไม่งั้นคนก็ไม่ยอมซื้อกิน ถ้าฆ่ามาขายคนจ่ายเงิน ถ้าไม่ฆ่าไปขายไม่ได้เงิน
สรุปว่าหมูวัยรุ่นเหล่านั้นกำลังจะเดินทางไปสู่ความตายอย่างแน่นอน นั่นหมายถึง นี่เป็นการได้พบกันครั้งแรกของผมกับหมูกลุ่มนั้น และก็เป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านไปในไม่กี่วินาที ผมก็ต้องเดินทางของผมต่อไป หมูก็ต้องเดินไปตามกรรมที่ทำมาต่อไป แน่นอนว่าเราไปคนละทางกัน
การทำบาป ทำชั่ว ทำผิดศีล ย่อมก่อกรรมที่ทำให้เกิดเป็นเดรัจฉาน ก็เป็นการวนเวียนกันไประหว่างคนฆ่าและคนกิน เป็นการรักษาสมดุลของกรรม คือทำแล้วต้องรับ ทำแล้วต้องใช้ ไม่มีวันหมดไปจนกว่าจะใช้หนี้กรรมหมด
มีทางหนีทางเดียวคือทำตนให้หมดกิเลสแล้วปรินิพพานหนีซะ นอกนั้นไม่มีทางพ้นกรรม ถ้ายังเกิดอยู่ก็ยังต้องทนทุกข์ แล้วถ้าไปเกิดเป็นสัตว์เหล่านี้ก็ยิ่งทุกข์ไปกันใหญ่
ก็เห็นใจทั้งหมู เห็นใจทั้งคนฆ่า เห็นใจทั้งคนกิน ก็กลุ่มเดียวกันนั่นแหละ ก้อนเดียวกัน กงเกวียนกงกรรม เกี่ยวเนื่องกันด้วยบาป หมุนไปด้วยกัน ทุกข์ไปด้วยกัน เพียงแค่สลับตำแหน่งกัน ล้อหมุนไป จุดหนึ่งอยู่บน จุดหนึ่งอยู่ล่าง หมุนไปอีก จุดหนึ่งอยู่ล่าง จุดหนึ่งอยู่บน สลับกันไปไม่จบไม่สิ้นด้วยเหตุแห่งความเกี่ยวเนื่องอาศัยกันและกัน
เลี้ยงฉัน เพื่อกินฉัน มันถูกต้องแล้วจริงหรือ?
เลี้ยงฉัน เพื่อกินฉัน มันถูกต้องแล้วจริงหรือ?
การที่ฉันได้เกิดมาเช่นนี้ อยู่ในคอก อยู่ในกรง มันเป็นผลกรรมของฉัน
ถูกจำกัดพื้นที่ กินและขี้ในที่เดียวกัน มันก็เป็นผลกรรมของฉัน
ลากฉันไป ทุบตีฉัน เอามีดเชือดคอฉัน ก็เป็นผลกรรมของฉันเช่นกัน
แต่การเป็นเหตุหนึ่ง ที่ดลให้เขาทำสิ่งเหล่านั้นกับฉัน มันคือกรรมของคุณ!!
. . .
ลองคิดดูสิว่า หากชีวิตเราต้องเกิดมาในคอกเล็กๆ ที่มืดและอับชื้น
ต้องกินอาหารเมนูเดิมๆ ทุกวัน และยังต้องแย่งกันกินอีกด้วย
ที่กิน ที่นอน ที่ขับถ่าย ก็เป็นที่เดียวกัน เรานอนกันบนกองขี้
พอถึงวัยรุ่น จะมีเพื่อนๆ ที่ต้องแยกจากกันไปอย่างไม่มีวันกลับ
ถึงจะมีชีวิตโตขึ้นมาได้ก็มีแต่ช่วงเวลาเดิมๆ อยู่แบบเดิมๆ
ชีวิตนี้ถูกเขาเอามาเลี้ยงไว้โดยไม่รู้ว่าวันไหนจะต้องถูกเชือด
ถ้าแย่หน่อยก็ต้องกลายเป็นแม่พันธุ์ โดนเขากักไว้ในกรงแคบ
กรงที่ขนาดพอดีตัว ไม่มีที่ให้แม้แต่จะหมุนตัว เดิน วิ่ง….
โดนข่มขืนโดยตัวผู้ที่เขาจัดมาให้ หรือไม่ก็กระบอกน้ำเชื้อ
ต้องตั้งท้อง ต้องคลอดลูกกันซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า กี่ครอกก็ไม่เคยพอ
แถมลูกที่รัก ก็ยังจะต้องถูกพรากออกไป โดยไม่ทันได้ล่ำรา
วันเวลาผ่านไป โดยไร้ความหมาย ไร้คุณค่า อยู่อย่างชินชา
ถึงจะเบื่อยังไงก็หนีไปไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องขึ้นรถไปแดนประหาร
ดินแดนที่ผู้คนต่างไม่แยแสในความตายของเราพวกเขาล้วนสมยอม
เพราะเขาจะได้เอาเนื้อเราไปขาย เขาจะได้กินเนื้อเราเขาจะมีความสุข
. . .
การเลี้ยงเพื่อกินนั้น มันถูกต้องแล้วจริงหรือ? มันสมควรแล้วจริงหรือ?
มันไม่เบียดเบียนหรือ? มันเป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์อย่างนั้นหรือ?
มันเป็นไปเพื่อเพิ่มวิบากบาปหรือไม่? มันคุ้มค่าที่จะทำอย่างนั้นหรือ?
แล้วชีวิตที่จำเป็นต้องอาศัยและพึ่งพาการเบียดเบียนเพื่อดำรงชีพ
การปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปเช่นนั้น จะเป็นชีวิตที่ประเสริฐแท้ได้อย่างไร…
ใครเล่าจะสรรเสริญ ใครกันจะยินดี ก็คงจะโดนเขาประณามและย่ำยีเรื่อยไป
– – – – – – – – – – – – – – –
26.9.2558