Tag: ความทรงจำ

สาย8 ในความทรงจำ…ที่กำลังจะเปลี่ยนไป

April 12, 2016 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,279 views 0

สาย8 ในความทรงจำ...ที่กำลังจะเปลี่ยนไป

สาย8 ในความทรงจำ…ที่กำลังจะเปลี่ยนไป

สาย8 ในทีนี้ก็คือรถเมล์ สาย 8 ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดี ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เกิดและโตอยู่ ณ จุดหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่ต้องใช้บริการของรถเมล์สาย 8 เป็นประจำ

ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโต สาย 8 ในความทรงจำของผมคือ “ความหวาดเสียว” เพราะด้วยลีลาการขับรถชองพวกเขานั้นมักจะทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวมีสติอยู่เสมอ และในบางครั้งที่ผมได้นั่งหลังคนขับ ก็มีบางคราวที่คนขับรถเมล์สาย 8 ไม่พอใจกับรถเมล์สายอื่นแล้วขับปาดกันไปกันมา ถึงกับช่วยให้ผมได้เจริญมรณสติกันเลยทีเดียว

สรุปว่าสาย 8 ในความทรงจำของผมมันก็ไปในทางลบนั่นแหละ แต่ก็ต้องใช้บริการกันไปด้วยความจำเป็น ถ้าไม่รีบก็จะไม่เลือก ซึ่งเรื่องที่จะเล่าในตอนนี้ก็คือเรื่องในวันก่อนที่แม้ไม่รีบ แต่ก็ยังเลือก

…..ผมรอรถเมล์อยู่ตั้งแต่เช้า คิดว่าจะนั่งสาย 145 หรือ 96 ไปยังจุดหมายเพราะเดินต่อไม่ไกล แต่รอไปก็ไม่มีมาสักคัน สาย 8 ก็ผ่านมาแล้วคันสองคัน จนมาถึงสาย 8 คันที่ 3 คันนี้ไม่มีคนโบกหรอก คนลงก็ไม่มี แต่ก็มาจอดหน้าผม เขาก็ไม่ได้เรียกหรอกนะ แต่เห็นเขาจอดเราก็รู้สึก เออ…ขึ้นก็ได้ เพราะจริงๆ สาย 8 ก็ไปได้เหมือนกัน แค่เดินต่อไกลกว่าสายอื่นๆ นิดหน่อย

ขึ้นไปก็ไปนั่งเบาะเดี่ยวใกล้ๆ หลังรถ ในรถคนไม่เยอะมาก พนักงานเก็บเงินก็เดินมาเก็บเงินตามปกติ พอผมยื่นเงินออกไปเขาก็ยกมือไหว้ ซึ่งผมก็ตะลึงนิดๆ คิดว่า โอ้โห! สาย 8 พัฒนาบริการแบบใหม่หรือนี่ เราอาจจะเคยเห็นในห้างหรือที่ไหนๆจนชิน แต่ในสาย 8 นี่เป็นเรื่องที่ผมไม่ชินจริงๆ แต่พอดูไปดูมา เขาก็ไม่ได้ไหว้คนอื่นนี่ อาจจะเพราะเราแต่งตัวเหมือนหรือไปคล้ายๆ กับคนที่เขาเคารพก็ได้นะ เรื่องนี้ก็ยกไว้ เพราะไม่รู้เหตุ

นั่งต่อไปก็มีหญิงแก่คนหนึ่งขึ้นรถมา พนักงานเก็บเงินก็เข้าไปช่วยประคองขึ้นรถอย่างนุ่มนวลประดุจบริการญาติผู้ใหญ่ เป็นภาพที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในขณะที่นั่งรถเมล์ สาย 8 เช่นกัน ต่อมาก็มีจังหวะที่คนขับรถ เข้าจอดป้ายแล้วเบรกแรง ทำให้เบาะยาวหลังรถที่ไม่มีคนนั่งพับลงมา ซึ่งตอนแรกผมก็ยังไม่เห็น แต่เห็นเพราะพนักงานเก็บเงินนั้นเดินมาไหว้ผมอีกรอบ แล้วเดินเลยไปยกเบาะขึ้นแล้วก็เดินกลับไปหน้ารถพร้อมยกมือไหว้เชิงขอโทษผู้โดยสารแบบรวมๆ

ผมก็เห็นว่า พนักงานหนุ่มคนนี้แม้ดูภายนอกจะออกไปทางเกเรนิดๆ อาจจะด้วยภาพของสาย 8 ที่ผมเคยยึดไว้หรืออะไรก็ตาม แต่สิ่งที่เขาแสดงออกนั้นนุ่มนวลกว่าที่เห็นภายนอกมากนัก ผมเริ่มทบทวนอคติลำเอียงที่ผมมีต่อสาย 8 ว่าผมเหมาเกินไปไหม ผมรีบตัดสินไปไหม ทั้งดีและไม่ดีนั้นจะอยู่ยั่งยืนอย่างนั้นจริงหรือ…

สักพักหนึ่งรถเมล์ก็เข้าโค้งอย่างแรง ซึ่งถ้าตามค่ามาตรฐานของสาย 8 การเค้าโค้งอย่างที่ผมว่านี้ถือเป็นเรื่องปกติของเขา แต่ผมก็ยังนึกอยู่ในใจว่า เข้าโค้งแบบนี้มันก็ไม่ค่อยปลอดภัยนะ แต่พอเขาขับไปอีกนิดหนึ่งในจังหวะที่รถจะต้องแทรกเข้าไปในทางหลัก แทนที่เขาจะขับพรวดพราดออกไป เขากลับรอที่จะออกช้าๆ ทั้งที่ผมก็มองแล้วว่ารถที่ขับมาทางหลักก็ไม่ได้เยอะมากมาย

ซึ่งสิ่งที่เขาทำนั้น ทำให้ผมต้องกลับมาทบทวนความเข้าใจของตนเองว่าผมกำลังเอาแต่ใจเกินไปรึเปล่า อยากให้มันดีอย่างใจ ให้มันปลอดภัยตามมาตรฐานของเรารึเปล่า เพราะจริงๆ เขาก็ขับอย่างปลอดภัยในมุมที่เขาคิดว่าปลอดภัย ซึ่งมันก็ปลอดภัยจริงๆ คือภัยมันยังไม่เกิด พอไม่เกิดเขาก็อาจจะยังไม่ได้เรียนรู้การปรับบางอย่างให้ละมุนละไมในบางมุม ซึ่งในวันหนึ่งเขาก็จะค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆ ว่าอย่างไหนปลอดภัย อย่างไหนไม่ปลอดภัย เพราะแท้จริงแล้วไม่มีใครอยากใช้ชีวิตบนความไม่ปลอดภัยหรอก ก็คงมีแต่เรานั่นแหละ ที่อยากให้ทุกอย่าง “ดี” ตามที่ใจเราหมาย อยากให้บางจังหวะมันปลอดภัยอย่างใจเรา และอยากให้บางจังหวะมันไวอย่างใจเรา มันก็อยากไปเรื่อยตามความเห็นที่เรายึดว่าดีเหมือนกัน

เมื่อถึงป้ายที่ต้องลง ผมลงรถพร้อมรอยยิ้มส่งจากพนักงานเก็บเงิน ซึ่งในขณะที่ผมเดินต่อไปยังที่หมาย ก็ได้ใช้โอกาสนั้นทบทวนตนเองซ้ำอีกทีว่า เราจะยึดติดกับภาพใหม่นี้รึเปล่า ภาพของวันนี้มันก็เป็นเพียงแค่ในวันนี้ มันก็ดีเท่านี้ ดีกว่านี้ยังไม่เกิด แย่กว่านี้ก็ยังไม่เกิด ดีเก่าก็ผ่านพ้นไป อะไรที่มันไม่ดีก็ผ่านพ้นไป

ผมกำลังต่อสู้กับ “ความยึดมั่นถือมั่น” ในความทรงจำหรือสัญญาที่ผมมี ในลำดับแรกนั้นต้องทำลายความยึดมั่นถือมั่นเดิมก่อน ว่าสิ่งนั้นต้องเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ตามที่เรายึดไว้ คือ เราจะไม่เอนเอียงไปทางอคติจนมองข้ามความจริงตามความเป็นจริงว่าครั้งนี้เขาก็ดีตามที่เขาเป็นจริงๆ และหลังจากนั้นคือไม่สร้างความยึดใหม่ขึ้นมา คือ เราจะไม่ลำเอียง เพราะเห็นว่าครั้งนี้เขาดีอย่างใจเรา แล้วมันจะดีไปตลอด เพราะความเป็นจริงก็คือ เขาดีดังใจเราแค่ครั้งนี้เท่านั้น ครั้งหน้าอาจจะไม่มีก็ได้ ถ้าเราเกิดความลำเอียง ฝังไว้ในใจว่ามันต้องดีอย่างนี้ทุกครั้ง เราก็จะต้องทุกข์จากความผิดหวัง เพราะวางความคาดหวังให้เกิดดีแล้วไม่ดีดังใจหมายไม่ได้

ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันหนึ่ง เป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ที่ได้เก็บเกี่ยวและสังเคราะห์ประสบการณ์ใหม่ๆ จากการศึกษาธรรมะ

– – – – – – – – – – – – – – –

12.4.2559

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

ผ่าน พบ จบ จาก

April 2, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,967 views 0

ผ่าน พบ จบ จาก

ชีวิตดำเนินผ่านเหตุการณ์และผู้คนมามากมาย

ได้พบเจอกับใครสักคนเข้ามาในชีวิต

เข้ามาเป็นสีสัน เรื่องราว ความทรงจำ

ไม่ว่าจะดีหรือร้ายอย่างไร

สุดท้ายทุกความสัมพันธ์ก็ต้องจบลงไป

แต่เรามักจะไม่ยอมปล่อยให้มันจากไป

แม้ว่าสิ่งนั้นจะได้จบลงไปแล้วแต่เรายังเก็บเศษซากของมันไว้

ไม่ยอมปล่อยให้มันได้จากไปจากความทรงจำของเรา

เป็นซากแห่งความทรงจำที่ยังคอยตามมาหลอกหลอน

ให้เราต้องวนอยู่ในสุขและทุกข์อย่างไม่มีวันจบสิ้น

การยอมปล่อยให้ทุกความทรงจำจากไป

โดยไม่เหนี่ยวรั้งไม่ผลักไส ไม่ทุกข์ ไม่สุข

ปล่อยให้มันจางหายและจากไปตามที่มันควรจะเป็น

คือการให้อิสระกับตัวเองอย่างแท้จริง

– – – – – – – – – – – – – – –

1.4.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

แนะนำบทความที่เกี่ยวข้อง

มนต์รักวาเลนไทน์

February 7, 2015 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,606 views 0

มนต์รักวาเลนไทน์

มนต์รักวาเลนไทน์

…วันแห่งความคาดหวัง ที่ยากจะหยุดยั้งพลังของกิเลส

วันพิเศษที่ใครหลายคนเฝ้ารอคอย วันที่ถูกสมมุติว่าเป็นวันแห่งความรัก ซึ่งวันวาเลนไทน์นี้จะมีความเป็นมาอย่างไรนั้น ก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการให้ความหมายของคนในปัจจุบัน

วันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความคาดหวัง เป็นวันที่พลังกิเลสของคนมีคู่หรือคนอยากมีคู่จะพุ่งพล่านเป็นพิเศษ คนที่ให้ความสำคัญกับวันนี้ต่างก็มีความกระหายใคร่อยากจะได้ในสิ่งที่จะมาบำเรอกิเลสของตน ซึ่งในสากลของประเทศที่เราอยู่นี้ก็มักจะเป็นฝ่ายหญิงที่จะถูกสนองก่อนและสนองกันและกันหลังจากนั้นอีกที

สิ่งที่ได้รับอาจจะเป็นวัตถุสิ่งของเช่น ของขวัญชิ้นใหญ่ กระเป๋าใบงาม ดอกไม้ช่อโต ดินเนอร์สุดหรู ซึ่งเธออาจจะอยากได้เป็นเชิงสัญลักษณ์หรืออยากได้ของชิ้นนั้นจริงๆก็ได้ หรือบางคนที่ต้องการมากกว่าวัตถุก็จะเสพทางนามธรรมเช่น อยากได้ความรัก การเอาใจใส่ดูแล คำมั่นสัญญา คำหวาน คำชื่นชม การขอเป็นแฟน การขอแต่งงาน เป็นต้น

สำหรับมุมของผู้ชายนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก หากเป็นคู่ที่ยังคบกันไม่ลึกซึ้งก็หวังว่าจะลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม เป้าหมายที่เห็นได้โดยมากก็คือการสมสู่ สรุปแล้วที่ผู้ชายปรนเปรอกิเลสผู้หญิงก็หวังจะได้มีเซ็กส์นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายทุกคนจะใจร้อนเสมอไป ซึ่งโดยค่ารวมๆแล้ววันวาเลนไทน์นี่ก็เหมือนวันสมสู่แห่งชาติดีๆนั่นเอง

บำเรอกิเลส

ในวันที่พลังของกิเลสพุ่งพล่าน สังคมสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปตามโลกต่างก็เกื้อหนุนพากันกระตุ้นให้หลงระเริง แต่ที่สำคัญคือตัวเราเองนั้นหลงไปตามกิเลส เพราะปกติเราก็มีกิเลส คู่ของเราก็มีกิเลส พอทั้งตัวเองและคู่โดนกระตุ้นกิเลส จากสิ่งสมมุติที่เรียกว่า “วันแห่งความรัก” ก็เลยไปกันใหญ่

เมื่อความอยากได้อยากเสพทะลุเพดานศีลธรรม ความโสด พรหมจรรย์ หรือของสงวน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเก็บไว้เสมอไป เพราะอยากเสพมากเสียจนยอมแลกทุกอย่าง ดังที่เขาว่าเป็น “วันเสียตัว

จริงๆ มันก็ไม่ได้เสียหรอก เพราะมีแต่ได้ทั้งคู่ ได้ทั้งบาป ทั้งสุขลวง เพราะได้เสพสมใจตามกิเลสทั้งคู่ แม้ว่าฝ่ายหญิงจะไม่ยินดีนัก แต่เพื่อแลกมาด้วยคำว่ารักและคำมั่นสัญญาหรือสิ่งที่เธอต้องการก็มักจะยินยอม ส่วนฝ่ายชายก็ไม่ซับซ้อนอะไร แค่เพียงเกี้ยวพาราสีให้ฝ่ายหญิงเชื่อใจ เมื่อเธอเชื่อมั่นอย่างหมดใจว่า “ชายคนนี้นี่แหละคู่ของฉัน คนนี้นี่แหละคือคนที่สนองกิเลสฉันได้ คนนี้นี่แหละที่จะรักและดูแลฉันตลอดไป” ฝ่ายชายผู้ใจเย็นก็จึงค่อยๆลงมือละเลงไปตามความอยากของตัวเองเพื่อบำเรอกิเลสของเธอทันที

ความทรงจำดีๆ

หลายคนอาจจะคิดว่าน่าจะใช้โอกาสนี้สร้างความทรงจำดีๆไว้ก่อน หาความสุขไว้ก่อน อนาคตไม่แน่นอนมีความสุขกับปัจจุบันก่อนไม่ดีกว่าหรือ?

ถ้าเราจะคิดแบบนั้นมันก็คิดได้ ทำได้ แต่มันอยู่ที่ว่าสิ่งที่ทำนั้นอยู่บนพื้นฐานของกุศลหรืออกุศล ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยกิเลส นั่นหมายถึงเต็มไปด้วยบาปและอกุศล ความทรงจำนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีจริงหรือ?จะลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพ 4 ข้อ ดังนี้

1).ถ้าเรามีความทรงจำดีๆกับคู่รัก แล้วเขาได้จากไปก่อนเวลาอันสมควร เราก็ต้องมาเสียดาย เสียใจที่คนดีๆจากไป เป็นทุกข์เพราะมีแต่ความทรงจำดีๆที่เต็มไปด้วยการบำรุงบำเรอกิเลสมาหลอกหลอนอย่างไม่จบไม่สิ้น แถมยังสร้างกำแพงอัตตาไว้ขังตัวเองกับความทรงจำดีๆเหล่านั้นอีกด้วย

ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากภาพคนแก่ที่แม้คู่ตายจากไปแล้วก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม บูชาความรัก จนสามารถผลักดันให้เดินวันละหลายกิโลเมตร ไปสีซอหน้าหลุมศพคู่ครอง นั่นเพราะมีความทรงจำดีๆจนยึดมั่นถือมั่นแล้วเสพสุขกับสิ่งเหล่านั้นไปแม้สิ่งนั้นจะสลายไปแล้วก็ตาม ติดภพอยู่แบบนั้น ติดอยู่ในความสุขที่ตัวเองสร้างขึ้นมาแบบนั้น จนไปไหนไม่ได้

2). ถ้าเรามีความทรงจำดีๆแต่วันหนึ่งเขาทิ้งเราไปมีคนใหม่ หรือเขาทำให้เราไม่สมความคาดหวังจนต้องเลิกรากัน ความทรงจำนั้นเองก็จะตามมาหลอกหลอน เหมือนแผลที่ไม่มีวันหาย คิดถึงทีไรก็ยังเจ็บ ยังทุกข์ ยังคร่ำครวญอยู่เรื่อยไป จมกับทุกข์แบบนี้มันดีหรืออย่างไร

ซ้ำร้ายความผิดหวังยังไปเพิ่มพลังของโทสะในใจ จนเกิดอาการพยาบาท ผูกโกรธ จองเวรจองกรรม ไม่อยากคุย ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากอยู่ร่วมโลก กลายเป็นเพิ่มกิเลสในตัวเองเข้าไปอีก สร้างกำแพงอัตตา สร้างมาตรฐานคู่ครองขึ้นมาใหม่ว่าคนต่อไปต้องดีกว่านี้ ต้องบำรุงบำเรอกิเลสฉันได้มากกว่านี้ และยังต้องมั่นคง ซื่อสัตย์ ให้คุณค่าแก่ฉันมากกว่านี้ด้วย ก็สร้างภพที่จะเสพกิเลสมากขึ้นเข้าไปอีก

3. ถ้าเรามีความทรงจำดีๆ ถึงแม้ว่าสุดท้ายมันจะจบอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเราไม่ได้มีทั้งรักทั้งชัง ไม่ดูดไม่ผลัก ไม่รักไม่เกลียด ล้างกิเลสเหตุแห่งความอยากมีคู่ได้สำเร็จ สุดท้ายความทรงจำดีๆก็จะกลายเป็นแค่เรื่องน่าอายที่ไม่น่าเปิดเผย เพราะมีแต่เรื่องของกิเลส พูดไปก็ไม่งาม เล่าไปก็มีแต่อกุศล กลายเป็นความทรงจำที่เปื้อนเปรอะ ไม่สวยงาม ใช้ไม่ได้ ทำได้เพียงศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับลีลาของกิเลสตัวเองได้เท่านั้นเอง

4. ถ้าเราหวังจะมีความทรงจำดีๆ แต่สุดท้ายมันไม่ดีดังใจหวัง นี่คือความจริงที่มักจะเกิดขึ้น เรามักจะไม่สมใจและผิดหวัง แม้ท่าทีตอนแรกจะตั้งต้นมาดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในตอนจบจะได้รับสิ่งที่หวัง เราหวังว่าวันวาเลนไทน์นี้จะเป็นวันที่สร้างความทรงจำที่ดีแต่กลับมีแต่สิ่งที่ไม่สมใจหรือเลวร้ายเกิดขึ้นในวันนั้น คนที่คาดหวังก็เลยอกหักอกพังกันหมด

เช่น นัดไว้อย่างดิบดี สุดท้ายก็เลื่อนนัด , ไม่ได้นัดกันด้วยเหตุบางอย่าง แต่สุดท้ายก็รู้ข่าวว่าแฟนอยู่กับคนอื่นหรือไปกับเพื่อน , นัดเจอกันสุดท้ายก็ทะเลาะกัน ,หรือกระทั่งคิดจะสมสู่กันแต่สุดท้ายกลับไม่เป็นดังใจหวัง หรือกระทั่งเป็นเหตุให้ตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจและเหตุจากปัจจัยภายนอกอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ

….ดังจะเห็นได้ว่า การแสวงหาความทรงจำที่จะเสพสมใจในกิเลสตามแรงผลักดันของกิเลส ไม่มีผลดีอะไรเลย ไม่มีดีทั้งต้น กลาง ปลาย ไม่มีสาระ ไม่มีคุณค่าอะไรเลย มีแต่ความสุขลวงเพื่อให้หลงเสพไปเท่านั้น กิเลสมันลวงให้เราเล่นตามบท ให้เราหมกมุ่นกับวันวาเลนไทน์ ให้เราจริงจังกับสิ่งที่เรียกว่าความรักที่เติบโตบนความใคร่และความอยากที่หลากหลาย ให้เราทำบาป ทำชั่ว สะสมทุกข์เป็นสมบัติของเราไปชั่วกัปชั่วกัลป์ เพียงเพื่อแลกกับสุขจากเสพเพียงชั่วครู่เท่านั้น

– – – – – – – – – – – – – – –

6.2.2558

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)

การเดินทางที่แสนพิเศษ

December 23, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 7,672 views 0

การเดินทางที่แสนพิเศษ

การเดินทางที่แสนพิเศษ

….การท่องเที่ยวผ่านอดีต ไปอนาคต จบลงที่ปัจจุบัน

ในชีวิตหนึ่งเราอาจจะเดินทางไปไหนต่อไหนก็ได้ ไกลเท่าไรก็ได้ อาจจะทั่วโลกหรือทั่วจักรวาลก็ยังได้ เราได้เห็นได้เรียนรู้สิ่งต่างๆระหว่างการเดินทางมากมาย จนถึงจุดหมายซึ่งทำให้เราพบกับสิ่งที่เราเรียกว่าความสุข แต่ก็ยังมีการเดินทางที่พิเศษกว่านั้นเป็นการเดินทางไปที่ไหนก็ได้แม้ว่าจะนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเก่า นอนอยู่บนเตียงเดิมเดิม แต่กลับงดงามอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้

จินตนาการสามารถพาเราไปที่ไหนก็ได้ ไกลแค่ไหนก็ได้ ละเอียดเท่าไรก็ได้ จะแวะพัก จะย้ายที่ จะทำอะไรก็ได้…

เราจึงใช้จินตนาการเหล่านั้นพาตัวเองผ่านอดีต ผ่านหลายภพหลายชาติที่เคยติดเคยยึดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมา เดินทางตรวจสอบจิตใจว่าเรายังเหลืออะไรให้หวนไปในอดีตเหล่านั้นหรือไม่ เรายังสุขยังทุกข์กับเรื่องราวในอดีตเหล่านั้นหรือไม่ ทุกเรื่องราวที่ผ่านมาสร้างรอยยิ้มและน้ำตามากมาย เป็นเหมือนเส้นทางที่มีแต่ความทรงจำที่ผ่านมามากมายขื่นขมและงดงามหาที่เปรียบไม่ได้

เรายังคงเฝ้าถามตัวเองว่ายังเหลือทุกข์เหลือสุขอยู่ในอารมณ์เหล่านั้นหรือไม่ แม้เรื่องราวเหล่านั้นจะทำให้เรารู้สึกอะไรบางอย่าง เราอยากทำให้มันกลับมาหรืออยากลบมันทิ้งไปหรือไม่

หลังจากเราเดินทางไปในอดีต เราก็จะไปท่องเที่ยวกันต่อในอนาคต เราจะพาจินตนาการไปยังที่ที่อยากไป คนที่อยากพบ เหตุการณ์ที่อยากเจอ เป้าหมายในชีวิตของเราที่อยากมี ความฝันวันวานที่เราเคยมี เราใช้เวลาดื่มด่ำไปกับจินตนาการในอนาคต เรามีความสุขหรือไม่ที่เราคิดถึงมัน จะดีไหมถ้าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นจริง เราใช้มันเป็นแรงผลักดันในชีวิตได้ไหม ถ้าถึงวันที่เราฝันจริงๆ แล้วเราจะมีความสุขจริงๆใช่ไหม?

เราเดินทางไปยังอนาคต ที่เวลาทั้งหลายจะเคลื่อนไปตามจินตนาการของเรา คนข้างๆเราเขายังจะอยู่กับเราถึงวันที่เราหวังหรือไม่ พ่อและแม่ของเราจะจากไปตอนไหน เราจะต้องอยู่คนเดียวอีกนานแสนนานไหม ถ้าเราต้องโดดเดี่ยวและสูญเสียจริงๆ เราจะทุกข์ เราจะเสียใจ เราจะทนได้ไหม เราจะไม่ร้องไห้ได้ไหม

หากเรายังคงยินดีในอดีตและอนาคต เราก็ยังคงต้องเดินทางต่อไป การเดินทางของเรานั้นยังไม่จบยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับมัน เราต้องใช้เวลามากมายเดินทางข้ามผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นจากเดือนเป็นปี จากปีเป็นชีวิต เราตายและเกิดใหม่เพื่อเดินทางเรียนรู้บนถนนเส้นเดิม แม้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่เราก็ยังจะเดินทางตามหาความฝันเหมือนเดิม

จนกว่าเราจะพบว่าเราพอแล้ว เราไม่ยินดีในสุขและไม่สนใจจะจมอยู่กับทุกข์ทั้งในอดีตและอนาคตแล้ว ไม่มีเรื่องใดๆให้เราต้องทำ ไม่ต้องไขว่คว้าฝันนั้นอีกต่อไปแล้ว เราจึงยินดีที่จะหยุดเดิน เราไม่กลับไปอดีต และจะไม่เดินต่อไปในอนาคต การเดินทางของเราจบลงที่ตรงนี้ ตอนนี้ เราอยู่กับปัจจุบัน อดีตคือความทรงจำดีๆ เรื่องราวมากมายที่ผ่านมานั้นยังคงมีอยู่ อนาคตต่อจากนี้ก็ยังมีอยู่แต่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

การเดินทางที่แสนพิเศษจะเกิดขึ้นเพราะมันมีตอนจบ มีเส้นทาง มีประสบการณ์ มีเรื่องราวมากมายที่ผ่านมาแล้วก็มีตอนจบ เป็นการสิ้นสุดของการเดินทางท่องเที่ยวที่ผ่านมานานแสนนาน ผ่านรอยยิ้มและน้ำตามากมาย บทสรุปนั้นงดงามด้วยเรื่องราวของทุกก้าวที่ผ่านมา

พระอาทิตย์กำลังขึ้นในเช้านี้ แต่ไม่มีการเดินทางอีกต่อไป ไม่ต้องท่องเที่ยวอีกต่อไป เหลือเพียงแค่คนหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตไปอย่างปกติ โดยไม่ต้องเดินทางไปไหนอีก ไม่ต้องกลับไปอดีต ไม่ต้องไปอนาคต เพราะเขาอยู่กับปัจจุบัน

– – – – – – – – – – – – – – –

22.12.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์