ทักทาย
ลงบทความซะดึก
“ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่เป็นบุญจริงหรือ?” เรียบเรียงประเด็นก็หลายวันอยู่ วันนี้ก็นั่งทวนอยู่อีกสักพัก
บทความนี้ยาวหน่อย ราวๆ 3 หน้า A4 แต่ยาวเพราะยกตัวอย่างเยอะ ค่อยๆ แจกรายละเอียดออกมา ซึ่งนี่ก็สั้นแล้วละนะ ถือว่ายั้งไว้เยอะ ช่วงหลังก็รวบๆไว้พอเข้าใจ
ประเด็นเรื่อง “บุญ” นั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เพราะเป็นเรื่องนามธรรม แถมพ่วงกับทิฏฐิอีก จึงลองเรียบเรียงออกมาตามความเห็นความเข้าใจที่ได้ศึกษาและปฏิบัติจนเห็นผล ซึ่งอยู่ภายในบทความนี้
ลองพิจารณากันดูก่อน ถ้าเห็นไม่ตรงกันก็ศึกษาไว้ ก็ถือซะว่าเป็นความเห็นหนึ่งในโลก ถ้าเป็นว่าเป็นประโยชน์ก็ลองศึกษาเพิ่มเติมกันดูได้
พรุ่งนี้จะพิมพ์ บทความสุดท้ายของชุด เทศกาลเจ
พรุ่งนี้จะพิมพ์ บทความสุดท้ายของชุด เทศกาลเจปีนี้ จบกันด้วยบทความ “ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่เป็นบุญจริงหรือไม่?”
ปีนี้ผมไล่เรียบเรียงและพิมพ์บทความ ที่จะใช้แก้ความเห็นต่างๆในทิศทางที่เป็นลบเกี่ยวกับการไม่กินเนื้อสัตว์ โดยมีหลักฐานอ้างอิงจากพระไตรปิฎกมาสังเคราะห์ร่วมด้วย
ผมคิดว่าน่าจะตอบได้ครบทุกมุม ทุกข้อกล่าวหาที่เห็นกันทั่วไปในสังคมนะ ที่พิมพ์มาก็ไม่ใช่จะมุ่งหวังเอาชนะอะไร เพียงแค่ชี้แจงในความเห็นเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นนั้นก็มีทั้งหลักฐานทั้งเอกสารและสภาวะที่ตนเองปฏิบัติได้ ไม่ใช่สิ่งที่คิดหรือเดาเอาเอง
ใครคิดเห็นอย่างไรก็ลองตามอ่านกันดูก่อน ลองศึกษากันดูก่อน อ่านจบแล้วจะเห็นแย้งในประเด็นไหนก็สามารถทำได้ ไม่ผิดอะไรถ้าเป็นไปเพื่อการศึกษาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ความสงสัยแล้วพยายามหาคำตอบเป็นสิ่งที่ดี แต่ความปักมั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ยิ่งไปปักไปยึดในสิ่งที่เป็นอกุศลยิ่งไม่ดีใหญ่เลย
ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี เวลาเหมาะสมเลยพิมพ์บทความชุดนี้ขึ้นมา เดี๋ยวเสร็จบทความสุดท้ายจะรวมให้อีกที กับชุดบทความ “ความเห็นที่แตกต่างของการไม่กินเนื้อสัตว์กับการความเจริญของจิตใจ”
บทความยาว สกัดดาวรุ่ง
มีหลายคนทักบ่อยนะว่าบทความผมยาว ถ้าสรุปให้สั้นจะดี ผมก็ฟังไว้นะ
แต่ก็ไม่ได้ยึดความสั้นหรือความยาวเป็นสาระหรอก มันอยู่ที่เนื้อหาต่างหากว่ามันควรขยายหรือควรพิมพ์เป็นบทสรุป
เรื่องบางเรื่องไม่ชัดเจน มันก็ต้องขยายกันให้ละเอียด ส่วนเรื่องไหนพิมพ์บ่อยแล้วมันก็พอจะสรุปให้สั้นลงได้
ทีนี้มันเลยเป็นการคัดคนเพียรไปในตัว คนที่ไม่เอาจริงเอาจัง ไม่อยากศึกษานี่เขาไม่อ่านเนื้อหากันหรอก โดยเฉพาะคนที่มาเห็นแย้งเห็นต่างนี่เขาแค่ดูความยาวของบทความเขาก็โบกมือลาแล้ว อย่างดีก็มาแสดงความคิดเห็นตามที่หัวข้อโปรยไว้เท่านั้น
ซึ่งมันก็ดีเหมือนกัน ก็กันคนที่ไม่อดทนออกไปก่อน ส่วนใครที่อยากศึกษาก็จะทนอยู่ได้ ทีเอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระกันได้ทั้งวันยังทำกันได้ อ่านบทความนึงแค่อย่างมากครึ่งชั่วโมงก็คงไม่น่ามีปัญหาหรอกนะ (แต่บางบทความนานกว่านั้นก็ขออภัย)
แต่จะเห็นว่าการอ่านบทความของผมว่าไร้สาระก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ ก็ตามความเห็นของคนนั้นไป
ส่วนคนที่เห็นประโยชน์ แต่ก็ยังไม่เก่งในการอ่านอะไรยาวๆ ผมก็เห็นใจนะ ก็พยายามกันไปหน่อยแล้วกัน ผมจะพยายามสรุปให้เป็นระยะๆ จะได้ไม่ลำบากกันมาก เพราะถ้าผมพิมพ์ยาวไปหมดทุกบทความมันก็ลำบากคนอ่านเหมือนกัน
มาตราฐานตอนนี้ 2 หน้า A4 ,สั้น = ไม่เกิน 1 หน้า, ยาว = 3 หน้าขึ้นไป
ปลดอาวุธพร้อม!! (เทศกาลเจ)
เข้าใกล้ช่วงเทศกาลเจเข้าไปทุกที จริงๆผมเองจำไม่ได้หรอกนะ เพราะไม่ค่อยสนใจเทศกาลอะไรสักเท่าไหร่
แต่ก็เรียกได้ว่าช่วงเจนี่เป็นช่วงปล่อยของแห่งปีเลยทีเดียว หลอกหลอนกันยิ่งกว่าวันปล่อยผี ผีกาม ผีอัตตา มีมากันเต็มไปหมด
เป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนจะได้แสดงภูมิอันยิ่งใหญ่ของตนผ่านการยัดเยียดความรู้เหล่านั้นให้ผู้อื่น และจะดุดันเป็นพิเศษในช่วงปล่อยผีนี่แหละ
ซึ่งก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไรเหมือนกัน….. (คนเขาไม่อยากรู้ แล้วไปบอกเขาเรียกว่า…)
สำหรับผู้ที่แสวงหาความผาสุกในชีวิต ต้องการที่จะพ้นทุกข์ ก็แนะนำว่าให้ปลดอาวุธ วางหอก วางดาบ วางอัตตาของตัวเองไว้ แล้วเรียนรู้โลกอย่างที่มันเป็น
ไม่ได้ให้วางเฉยนะ เพียงแค่ให้ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวเองเท่านั้นเอง จะอ่าน จะศึกษา จะแบ่งปันอะไรก็ทำไป แต่อย่าไปแข่งดีเอาชนะ อย่าไปดูถูกดูหมิ่น อย่าไปยกตนข่มใครหรือเถียงกันในพื้นฐานความเห็นที่แตกต่าง เพราะมันเป็นสิ่งที่เสียเวลาเอามากๆ
ฟ้าจะส่งนักรบเข้ามาพิสูจน์ความแข็งแกร่งของจิตใจด้วยลีลาท่าทาง ที่จะทำให้รู้สึกว่า แหม… มันน่าจะหยิบดาบมาฟาดให้หัวหลุดจากบ่าเสียนี่กระไร …แต่ช้าก่อน!!! ถึงจะทำเช่นนั้นไปก็เท่านั้น เพราะการตอบสนองอัตตาด้วยอัตตา ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีสิ่งดีงามอะไรเติบโตขึ้นมาในโลก มีเพียงคนที่จมลงสู่นรกอีกคนเท่านั้นเอง
เผื่อมีคนสงสัย … ถ้าเขาเข้ามาทิ่มแทงเราด้วยวาจา ฟาดฟันเราด้วยหลักฐานอ้างอิงต่างๆ ถ้าไม่สู้แล้วจะให้ทำอะไร?
…ก็ไม่ต้องทำอะไรหรอก ก็รับไปอย่างนั้นแหละ เขาจะฟันจะแทงมายังไงก็รับๆไป ปล่อยให้เขาชนะไป เขาไม่อยากได้อะไรจากเราหรอกนอกจากชัยชนะ เราก็ยอมให้เขาไป เห็นเขาอยากได้ แล้วเราชี้แจงหรือห้ามไม่ได้ก็ปล่อยเขาชนะไปอย่างที่เขาต้องการ
ส่วนเราก็มาตรวจสอบใจเราเองก่อน ว่าเป็นอย่างไร ถูกผิดวางไว้ก่อน เอาใจนี่เป็นหลักเลย จับผีในตัวเองให้ได้ก่อน อย่าไปเสียเวลาจับผีข้างนอก ถ้าใจสงบดีแล้วก็ค่อยมาตรวจสอบข้อมูลว่าที่เขาว่ามันถูกไหม เราแก้ไขส่วนผิดตัวเองได้ก็แก้ อะไรที่มันถูกอยู่แล้วก็คงไว้ เท่านั้นเอง

