ทักทาย
เรื่องลดเนื้อกินผัก
ปกติผมจะไม่ค่อยได้พิมพ์เกี่ยวกับวิธีการเลิกกินเนื้อสัตว์สักเท่าไหร่ ส่วนมากจะพิมพ์ในแนวทางของการลดอัตตา เพราะอยู่ในกลุ่มคนที่กินมังสวิรัติ กินเจกันได้บ้างแล้ว
จริงๆแล้วเรื่องการลดเนื้อกินผัก จนกระทั่งเลิกกินได้เลยนั้น เป็นปัญญาระดับทั่วไป เป็นเรื่องง่ายๆ เพราะมันเป็นเหตุของการเบียดเบียนกันอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว
ในคลิปนี้ จะเห็นได้ว่าการมีความกรุณาช่วยเหลือผู้อื่นนี่เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย จะกระชากก็กลัวมันจะเจ็บ ก็ต้องระวังและค่อยๆทำ ผู้ที่มีความเจริญทางจิตใจ มีหิริ ดูเพียงเท่านี้ก็จะสำนึกได้เองว่าการเบียดเบียนสร้างทุกข์ให้กับผู้อื่น อย่างไร
เรียกว่าใช้เชื้อเพียงเล็กน้อยก็สามารถขยายผลไปที่การเบียดเบียนแบบองค์รวม ได้ ส่วนคนที่ยังไม่เจริญนัก ก็ขยันดูที่มาที่ไปของเนื้อสัตว์ที่ซื้อบ่อยๆก็จะพอ สำนึกได้
ในส่วนคนที่ดูยังไงมันก็ยังไม่เกิดความรู้สึกผิด ไม่รู้สึกว่าอยากลดละเลิกการเบียดเบียน ก็สามารถใช้วิธีทำชั่วไปจนกรรมชั่วนั้นมากระทบให้ได้ซึ้งถึงทุกข์ของการ เบียดเบียนได้เช่นกัน (เช่น พระเทวทัต)
เรามีวิธีเข้าถึงธรรมได้มากมายหลายวิธี ใครชอบวิธีเบาๆสบายๆก็ขยันทำดีไป ใครชอบหนักๆ โหดๆ ก็ขยันทำชั่วไป สุดท้ายก็จะมีปัญญาเห็นโทษชั่วของการเบียดเบียนอยู่ดี
ศึกษาธรรม
ช่วงนี้ผมใช้เวลาอ่านพวกเว็บบอร์ดและกลุ่มธรรมะค่อนข้างมาก มีประเด็นมากมายที่เขาถกเถียงกันอย่างไม่ลงตัว ในความเห็นความเข้าใจที่ต่างกัน
ซึ่งผมเองก็เคยโดนเห็นแย้งในความเห็นที่ผมมีเช่นกัน ซึ่งก็มีทั้งที่ผมเลือกตอบและไม่ตอบ
เพราะถ้าตอบไปแล้วทะเลาะกันผมก็ไม่ตอบ จะเลือกตอบในเฉพาะประเด็นที่เป็นกุศลเท่านั้น
ผมจึงเริ่มเล็งเห็นว่าหลายท่านที่เข้ามาในเพจนี้ต่างมาจากหลายสาย หลายแนวทางปฏิบัติ หลายความเชื่อ หลายครูบาอาจารย์ ซึ่งมีโอกาสที่จะท่านจะเห็นแย้งแต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา
ซึ่งความเห็นนั้น ยากนักที่ตัดสินว่าใครเห็นถูกหรือเห็นผิด วิธีที่จะไม่ทำให้ผิดใจกันหรือทะเลาะกันก็คือพิสูจน์สัจจะของตนด้วยการ ปฏิบัติตามที่ตนเองศรัทธา ถ้าปฏิบัติแล้วกิเลสมันลดได้จริง ดับได้จริง กิเลสไม่เกิดอีกเลย มันก็จริงของมัน
แต่ถ้าเชื่อแล้วยังปฏิบัติไม่ได้ผล ก็ให้ศึกษาและปฏิบัติไปก่อน ปฏิบัติจนได้มรรคผลอย่างใดอย่างหนึ่งค่อยมาพิสูจน์กันก็ยังไม่สาย อย่าพึ่งรีบตัดสิน อย่าพึ่งรีบวิเคราะห์เพื่อจับผิด เพราะถ้าฝืนพยายามเข้าใจทั้งที่ยังไม่มีสภาวธรรมนั้นในตนมันก็เสียเวลาอยู่ ดี สู้เอาเวลาไปศึกษาและปฏิบัติจะเป็นประโยชน์กว่า
ผมเห็นหลายท่านที่เล่นพวกเว็บบอร์ดหรือกลุ่มธรรมะต่างๆแล้ว รู้สึกกังวลกับความเสี่ยงต่อชีวิต นั่นเพราะในการถกเถียง เรามีโอกาสไปปรามาสใครต่อใครเต็มไปหมด และนั่นเองคือการสร้างนรกของเราด้วยความยึดดีถือดีของเรา
อย่าไปสำคัญตนว่าเราถูกคนอื่นผิด แล้วไปข่มเขาเสียหมด บางทีเราอาจจะไม่ถูกก็ได้ หรือเข้าใจผิดไปเองก็ได้
อุปกิเลส ๑๖ แจงอาการของกิเลสไว้ เช่น โอ้อวด ,แข่งดีเอาชนะ, ยกตนข่มท่าน, ดูหมิ่นผู้อื่น ,ถือดี … ถ้ายังมีอาการนี้แล้วประมาทไม่รู้ตัว ถึงจะเป็นผู้รู้ข้อธรรมมาก แต่ก็ยังชั่วอยู่นั่นเอง
ปฏิบัติธรรมไม่มาไม่ไป
การปฏิบัติธรรมนี่ถ้า “ไม่เห็นตัวกิเลส” จะปฏิบัติไม่ไปไหนเลยนะ ถ้าหลงไปว่า “ความคิด” นั้นคือรากของกิเลสยิ่งแล้วใหญ่ พาลจะไปดับความคิดให้มันวุ่นวายกันไปอีก
จุดที่ควรจะสนใจคือเหตุใดที่ทำให้เราเกิดความคิดนั้นๆ เราหลงเสพ หลงติด หลงยึดในอะไร ลากกิเลสที่ติดออกมาเป็นตัวๆเลย อย่าไปลากออกมาทั้งยวง ถ้าบอกว่า “ความหลง” แบบนี้มันกว้างเกินไป จัดการกิเลสไม่ได้หรอก
ต้องระบุให้ชัดเลยว่าหลงสุขใดตอนที่ได้สัมผัสสิ่งนั้น อย่างเช่นเรื่องการมีคู่ เราสุขตอนที่เขาบอกรัก จับตรงนี้ให้ได้ก่อนแล้ว ค่อยขุดหารากต่อไปอีกที
ถ้าหาเจอแล้วก็ค่อยพิจารณาธรรมกันไป ว่าสุขนั้นเกิดเพราะเรายึดมั่นถือมั่นอะไรไว้ จึงทำให้อยากได้อยากเสพสิ่งนั้น มาถึงขั้นตอนนี้ก็เพียรทำได้แล้ว จะสมถะหรือวิปัสสนาอะไร อัตราส่วนเท่าไหร่ก็แล้วแต่ความถนัด
(ที่กล่าวมาคือส่วนสรุปของ สติปัฏฐาน เพื่อไปสู่ธรรมวิจัยและวิริยะ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของโพชฌงค์ ๗)
= = = = = = = = = = =
**แนะนำบทความที่เกี่ยวข้องเหตุแห่งทุกข์
โสดไม่เป็นสุข
ช่วงนี้เหมือนมีไฟพิมพ์เรื่องโสดๆนี้มาก จึงเอาโอกาสนี้มาไขความกันหน่อย
บทความความรักทั้งหลายที่ผมพิมพ์ขึ้นมานี้ มีเนื้อหาเพื่อให้ออกจากกามเป็นหลัก(การหลงว่าการมีคู่เป็นสุขเมื่อได้เสพ) คนที่พยายามพิจารณาตามไปจะค่อยๆคลายจากกามได้
ทีนี้ถ้าเราเอาแต่กดข่ม ทนฝืน โดยไม่เห็นตัวกิเลสที่เป็นเหตุให้เราอยากเสพนั้น เราจะยิ่งเครียดไปเรื่อยๆ ยิ่งพยายามก็ยิ่งยาก ยิ่งกดดัน ยิ่งทำก็ยิ่งท้อ สุดท้ายก็ตบะแตกนั่นแหละ
สภาพของ “โสดอย่างเป็นสุข” ความโสดที่ไม่มีกามและอัตตาเป็นสภาวะที่เดาเอาไม่ได้ เหมือนจะไม่มีจริงในโลก(โลกียะ) ซึ่งจริงๆมันก็มีแต่ไม่ได้อยู่ในวิสัยของโลก เพราะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือโลก (โลกุตระ)
คนที่พยายามเดาจะเข้าใจไม่ได้ จึงคิดว่าเป็นเพียงจินตนาการ เป็นอุดมคติ เป็นความฝัน เป็นภพของคนเจ็บจากความรัก เป็นคนเกลียดความรัก ซึ่งก็ถูกที่เขาจะคิดแบบนั้น เพราะเป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ได้เพียงแค่การด้นเดาเอาเอง
เดาไปก็ผิด คิดเอาก็หลงทาง มีทางเดียวคือน้อมใจเข้ามาศึกษาและเพียรปฏิบัติจนเห็นผลเองในตน
แถม… บทความ “โสดไม่ได้เสพ” ที่ลงไปก่อนหน้านี้คือแผนที่แรกที่เราจะสามารถใช้แกะรอยกิเลสได้
การจะทำลายกิเลสที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ หรือสมุทัยนั้น หากไม่พิจารณาลงไปที่เหตุเกิดของกิเลสนั้นก็ไม่มีทางทำลายได้
ก่อนจะข้ามไปที่ โทสะ โมหะ โลภะ ราคะ หรือกิเลสใดก็ตาม ให้ค้นให้ชัดว่าเราอยากเสพอะไร แล้วจึงค่อยพิจารณาเพื่อระบุจำแนกชนิดของกิเลสอีกที
แล้วค่อยเจาะลงไปอีก ลงไปอีก กิเลสจะมีลักษณะเป็นชั้นๆที่ซับซ้อนการกรรมที่ผูกมา