ประเด็นทั่วไป
เที่ยวมากขึ้น กิเลสมากขึ้น
ได้อ่านกระทู้เกี่ยวกับคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศแล้วโดนปล้น โดนโกง โดนเอาเปรียบแต่ไม่สามารถที่จะเรียกร้องหรือขอความช่วยเหลือจากใครได้ เขาจึงได้นำประสบการณ์มาแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ร่วมเรียนรู้
อ่านเนื้อหาในกระทู้ได้ที่ลิงก์นี้ : http://pantip.com/topic/33483596
สมัยนี้คนเริ่มเที่ยวกันมากขึ้น มิจฉาชีพก็มากขึ้น สุดท้ายจะมีคนที่โดนปล้นก็ไม่แปลกอะไรนัก เหยื่อมาให้เชือดถึงที่แล้วจะไปเหลืออะไร
….พอกล่าวถึงเรื่องเที่ยวนี่ก็….
มันเริ่มจากคนมีกิเลส เอากิเลสของตัวเองมาเผยแพร่ “ที่นั่นสวยนะ, ที่นี่น่าไปนะ, มีไอ้นั่นไอ้นี่” เอารูปมายั่ว เอาคำบรรยายมาล่อ
ทีนี้คนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันก็หลงชอบไปตามเขาสิ แล้วยังไงล่ะ? มันก็ต้องไปเที่ยวสนองกิเลสสิ เพราะเวลามันมีกิเลสมันจะทนอยู่เฉยๆไม่ได้ มันต้องไปเสพ ไม่เสพมันก็ทุกข์ เลยต้องเดินทาง
ขามันขยับด้วยแรงกิเลสพาให้เดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อเสพสมอารมณ์หมาย
เขาก็หลงว่านั่นคือความสุขนะ ทั้งๆที่จริงแล้วการได้เที่ยวนี่มันการสนองกิเลส และความสุขที่ได้มันก็แค่ความสุขจากความทุกข์ที่จางไปเพราะได้เสพ
ทีนี้ก็แก้กิเลสกันไม่เป็นหรอก วิธีเดียวที่จะทำให้เกิดความสุขได้ คือสนองกิเลส ว่าแล้วก็เตรียมตัวไปเที่ยวสงกรานต์นี้…สินะ
– – – – – – – – – – – – – – –
8.4.2558
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)
วันเมษาหน้าโง่ (April Fool’s Day)
วันที่ทางฝั่งตะวันตกเขาฮิตโกหกกันเล่นๆนั่นละนะ
…พอเอาคำว่า “โง่” ของเขามาคิด หนึ่งปีมีวันโง่ๆสักวันก็ไม่เป็นไรนะ เราฉลาดกันมาทั้งปีแล้ว หัดโง่สักวันก็คงจะดี
ฉลาดไปเสียทุกเรื่อง
ฉลาดจนไม่ฟังใคร
ฉลาดจนชีวิตฉิบหาย
การหัดโง่เสียบ้างจะช่วยให้เราหายโง่
ส่วนการฉลาดแสนรู้ไปหมดจะทำให้เรา “โง่ได้อีก”
– – – – – – – – – – – – – – –
1.4.2558
การขยายสมถะ-วิปัสสนา ในช่วงนี้
การที่ผมเน้นหนักความต่างของสมถะและวิปัสสนาในช่วงนี้ เพราะเห็นว่าการปฏิบัติในปัจจุบันมีความโน้มเอียงไปในแนวทางของสมถะและยังมี มากที่เข้าใจว่าสมถะที่ทำอยู่นั้นคือวิปัสสนา
เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วการอธิบายธรรมะต่างๆในศาสนาพุทธแบบสมถะก็สามารถที่จะทำ ได้และจบได้ด้วยความสงบเช่นเดียวกัน ผู้ปฏิบัติจึงอาจจะไม่สังเกตุเห็นความต่างระหว่าง มรรค-ผล ของทั้งสองแนวทางการปฏิบัตินี้
ผมจึงลองเสี่ยงอธิบายแบบประยุกต์ดู ซึ่งแน่นอนว่าแนวคิดนี้จะค้านแย้งกับความเชื่อโดยส่วนมาก แต่ก็ขอให้ท่านลองอ่านและพิจารณากันเอง ถ้าเห็นประโยชน์ก็ลองศึกษาดู ถ้าเห็นเป็นโทษก็ให้ปล่อยวางเสีย
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่มีเจตนาจะข่มผู้ที่ทำสมถะหรือหลงผิดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นถึงความต่าง ในมรรค ผล เท่านั้น