จิตอาสา
จิตอาสา
ถ้าใครได้ไปสนามหลวงในตอนนี้ ก็จะมีโอกาสได้พบกับจิตอาสามากหน้าหลายตา เป็นเด็กน้อยบ้าง เป็นเด็กนักเรียนบ้าง เป็นวัยรุ่นบ้าง เป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนบ้าง เป็นคนเฒ่าคนแก่บ้าง เรียกว่ามีจิตอาสาครบทุกวัยทุกฐานะ
ผมเองก็สงสัยมาสักพักว่าเขาจัดการกันอย่างไร จึงสามารถเอื้อให้คนมาบำเพ็ญคุณงามความดีกันได้หลากหลายถึงเพียงนี้ พอนึกขึ้นได้ก็ลองเดินเข้าไปดูที่ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร ในหอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าเขามีอะไรให้ทำบ้าง
พอเข้าไปก็พบว่า เขามีรายละเอียด มีขั้นตอน มีการอบรม แถมช่วยจัดทีมให้ด้วย ในเวลาทำงานอาสาสมัครที่ค่อนข้างเหมาะสม คือประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งทั้งงานและเวลาที่เขาได้ออกแบบมานั้น เหมาะกับผู้ที่จะมาเป็นจิตอาสาใหม่ ๆ
ผมคิดว่าถ้าคนมาใหม่ อยากจะทำความดี แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ที่นี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี เพราะมีงานหลากหลาย และงานไม่ยาก แค่เดินเข้าไปสมัครเดี๋ยวเขาก็จัดแจงให้เสร็จสรรพ ขอแค่มีแรงใจแรงกาย เดี๋ยวก็จะได้รับงานที่เหมาะสมเอง
การมาทำงานอาสาสมัคร หรือจิตอาสานั้น ผมถือว่าเป็นงานที่ทำได้ยาก เพราะทำไปแล้วไม่ได้อะไรนอกจากผลดี แถมยังต้องเสียเงิน เสียเวลา เสียแรงมาทำอีก ซึ่งตรงนี้แหละที่จะวัดภูมิคนว่าจิตนั้นเจริญถึงขั้นที่จะเสียสละได้ไหม เหตุการณ์นี้สำคัญพอจะเปลี่ยนแปลงตัวเราจากคนที่ไม่เคยเอาภาระสังคม ไม่เคยเสียสละ ให้เปลี่ยนมาเป็นจิตอาสาได้หรือไม่
การเป็นจิตอาสานั้นไม่เหมือนจ่ายภาษี ภาษีนั้นเป็นการบังคับจ่าย เป็นหน้าที่ที่ควรกระทำอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเขาตั้งกฎว่าไม่จ่ายก็ไม่ผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม คนส่วนมากก็คงเลือกที่จะไม่จ่ายกัน แต่จิตอาสานี่ใครมาบังคับไม่ได้นะ ตัวเองต้องเป็นเอง เป็นความดีที่จะต้องลุกขึ้นมาทำเอง เห็นประโยชน์เอง ซึ่งอาจจะมีบ้างที่มีคนบังคับมา แต่เขาจะทำงานนั้นได้ไม่นานและไม่มีความสุขกับงานอาสา นั่นเพราะจิตเขาไม่ได้อาสามาทำ เขาโดนบังคับมา ดังนั้นคนที่มี “จิต” ที่จะอาสาเพื่อสังคมนี่แหละ เป็นคนที่หาได้ยาก เป็นประโยชน์ทั้งทางโลกทางธรรม เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น