กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
เป็นประโยคที่สั้นและกระชับที่สุดที่ใช้ในการพิจารณาธรรม หากเราเข้าใจและยอมรับในความจริงของประโยคนี้ได้ เราก็จะไม่ต้องทุกข์ใจจากเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นเลย
การที่เรายังมีอาการทุกข์ใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สมดังใจ สิ่งที่หวังไว้ก็ไม่เกิด สิ่งที่เกิดก็ไม่ได้หวัง ยกตัวอย่างเช่น มีคนมาต่อว่า, หกล้ม, รถชน, ยืนจนเมื่อยก็ไม่มีใครลุกให้นั่ง, โบกแท็กซี่แล้วเขาไม่ไป, ซื้อของแล้วโดนโกง, ให้เงินเขายืมแล้วเขาไม่คืน, เจอแต่คนที่ไม่ชอบ, ขโมยเข้าบ้าน,, ทำเงินหาย, โดนขโมยผลงาน, เงินเดือนไม่ขึ้น, โบนัสไม่มี, โดนใส่ร้าย, ถูกนินทา, โดนไล่ออก, กลายเป็นคนพิการ, คนใกล้ชิดเจ็บป่วยจนเดือดร้อน, คนที่รักจากไป ฯลฯซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นผลจากกรรมของเราทั้งนั้น
ในส่วนของทุกข์ที่เกิดขึ้นเมื่อเรากระทบกับเหตุการณ์เหล่านั้น ทุกข์นั้นเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจในเรื่องของกรรม ถึงแม้คำว่า “กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ” จะเป็นประโยคสั้นๆที่ใครก็ท่องได้ จำได้ พูดได้ แต่กลับเป็นประโยคที่เข้าใจและเข้าถึงได้ยากที่สุดในโลก
คนที่เข้าใจเรื่องกรรมอย่างถ่องแท้จะไม่มีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจเลย เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ได้รับคือสิ่งที่เราทำมา เราไม่มีทางได้รับในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ การที่เราได้รับสิ่งที่ทำมานั้นมันก็ยุติธรรมดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้ายที่เข้ามาในชีวิต มันก็มาจากผลของการกระทำของเราทั้งสิ้น แล้วเรายังจะโทษใครอีก ยังจะเรียกร้องจากใครอีก ยังจะกล้าคิดอีกหรือว่าเรากำลังถูกโชคชะตาเล่นตลก
เหล่าคนผู้มีความเห็นผิดมักจะสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่มีเหตุผล เช่น เพราะโชคดี เพราะดวงตก เพราะปีชง เพราะคนนั้นเขาไม่ดี เพราะเจ้านายลำเอียง เพราะเศรษฐกิจไม่อำนวย อะไรต่อมิอะไรที่จะอ้างขึ้นมาได้ให้ตัวเองได้สบายใจ โดยป้ายความผิดหรือโยนความรับผิดชอบของเหตุการณ์เหล่านั้นให้พ้นตัว
เขาเหล่านั้นมักจะมีแนวโน้มที่จะไม่เชื่อเรื่องกรรม มักจะคิดว่าฉันไม่ควรได้รับสิ่งร้ายเหล่านั้น แต่เวลาได้รับสิ่งดีที่ไม่ได้ทำมาในชาตินี้กลับไม่เคยตระหนักหรือทักท้วงอะไร อะไรที่ดีก็ยินดีรับทั้งหมดโดยไม่เคยหาเหตุผล ไม่เคยคิดว่าได้มาอย่างไร แต่เวลาเจอสิ่งร้ายก็จะหาคนผิดทันที มองไปที่คนอื่นทันที คนนั้นไม่ดีอย่างนั้น คนนี้ไม่ดีอย่างนี้ ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ดี ขัดหูขัดตาไปหมด
คนมันเห็นผิดแบบนี้ มันไม่เชื่อกฎแห่งกรรมแบบนี้ ถ้าเราเชื่อจริงๆเราจะไม่สงสัยเลยว่าเราได้รับสิ่งร้ายนั้นเพราะอะไร แม้จะไม่รู้สาเหตุแน่ชัด แต่จะชัดเจนในใจว่าฉันทำมาเอง แล้วก็จะสงบใจ ไม่ทุกข์ สงบเสงี่ยมเจียมตัวรับกรรมที่ตัวเองทำไว้ด้วยความยินดี
การที่เราสามารถมีจิตยินดีแม้ว่าจะได้รับสิ่งร้ายอยู่นั้น ก็เพราะรู้ว่ารับกรรมนั้นแล้วก็หมดไป สิ่งร้ายก็หมดไป สิ่งดีที่ทำไว้ก็มีโอกาสส่งผลได้เร็วขึ้น กรรมไม่มีวันหมดไปได้เองอยู่แล้ว ต้องสนองจนเกิดผลเท่านั้นถึงจะหมด ดังนั้นเมื่อเรารู้ชัดแล้วว่าสุดท้ายยังไงก็ต้องโดน เราก็ควรจะรับผลกรรมด้วยจิตใจที่เป็นสุข ดีกว่าที่จะต้องมาคอยรับกรรมอย่างทนทุกข์
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากำลังรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นไม่น่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ ไม่สมใจเราหวัง ให้รู้ไว้เถิดว่า เรากำลังเริ่มที่จะไม่ยุติธรรมแล้ว เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนั้นคือความยุติธรรมที่สุดแล้ว และนั่นก็คือกฎแห่งกรรม
– – – – – – – – – – – – – – –
10.1.2558
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)
ขอบคุณสำหรับ ข้อมูล และบทความที่เป็นจริงเสมอ และเราก็เชื่อตามนั้น กฎแห่งกรรม ยุติธรรมเสมอ
กฎแห่งกรรม เหนือเหตุผล และสมเหตุสมผลที่สุด!!!