Tag: วิธีป้องกัน
วิธีป้องกันนารีพิฆาต(เท่าที่รู้)
จะว่ากันถึงวิธีการที่จะกันตัวเองร่วงลงไปถึงขั้นลงหลักปักฐานแต่งงานแต่งการ สำหรับชายที่ตั้งใจประพฤติตนเป็นโสด ต้องการแสวงหาทางเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมให้กับตนเอง ก็จะมาแบ่งปันเท่าที่ได้ศึกษามา
สรุปกันง่าย ๆ ก่อนว่า ถ้าจะกันให้ได้ 100 % นั้นก็ต้องล้างกิเลสในหมวดความอยากมีคู่ให้เกลี้ยง ถ้าเกลี้ยงก็จบ แต่มันก็ไม่ง่าย จึงต้องมีลำดับการปฏฺิบัติ
1.จนเข้าไว้
พระพุทธเจ้าตรัสถึงชาดกตอนหนึ่งว่า ” หญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวัง เห็นทรัพย์ของบุรุษที่ควรจะถือเอาได้ เมื่อนั้น ก็ใช้วาจาอ่อนหวานชักนำบุรุษไปได้ เหมือนชาวกัมโพชลวงม้าด้วยสาหร่ายฉะนั้น เมื่อใด หญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวัง ไม่เห็นทรัพย์ของบุรุษที่ควรถือ เอาได้ เมื่อนั้น ย่อมละทิ้งบุรุษนั้นไป เหมือนคนข้ามฟากถึงฝั่งโน้นแล้วละทิ้งแพไป ฉะนั้น” (กุณาลชาดก)
ความจนจะคัดผู้หญิงขี้โลภที่มุ่งหวังทรัพย์ของเราออกไปก่อน เรียกว่าตัดตัวเวรตัวกรรมออกไปได้เยอะ เขาอาจจะชอบเรา แต่เขาจะไม่ลงเอยกับเรา ความจนจึงเป็นเกราะชั้นต้น ซึ่งผู้ชายโดยมากมักจะทำตัวรวยเพราะสามารถดึงผู้หญิงมักมากเข้ามาหาตนได้เช่นนั้นเอง
จากประสบการณ์ ความจนจะกันได้ประมาณหนึ่ง แต่สุดท้ายจะมีผู้ท้าชิงที่ไม่สนใจความจนความรวยหลุดมาได้อยู่ดี
2.ถือศีล ๕ ให้เข้ม
ศีลจะเป็นเกราะคุ้มกันอย่างดี คำว่า “เข้ม” ในการถือศีล คือมีการยกระดับของศีลให้ละเอียด เบียดเบียนน้อยลงไปเรื่อย ๆ เช่นข้อ ๑ ไม่ฆ่าแล้วก็ยังเลิกกินเนื้อสัตว์ สนับสนุนให้เลิกฆ่าเลิกกิน ก็จะคัดคนร้าย ๆ ออกไปได้เยอะ ข้อ ๒ ก็อย่าไปขโมยโอกาสของใครมา คือเจอหญิงแล้วอย่าออกอาการ แบบหมากระดิกหาง อย่าไปทำตัวเด่น แย่งความสนใจจากใคร ให้คนอื่นเขาเล่นบทของเขาไป
ข้อ ๓ คือไม่วิสาสะ คือไม่ทำตัวสนิทสนิมกับหญิงที่มีคู่อยู่แล้ว เพราะเขาจะชักนำผู้ท้าชิงหรือปัญหาอื่น ๆ เข้ามา ก็จะลดโอกาสพลาดได้เยอะ หญิงมีคู่นี่เขาจะรู้มาก เขาจะจับจุดอ่อนเราได้ไว เราจะพลาดได้ง่าย ข้อ ๔ คือไม่พูดหยอกล้อ ไม่เกี้ยวพาราสี ไม่จีบเขา เพราะเป็นคำเพ้อเจ้อ ล่อลวง ข้อ ๕ ในระดับหยาบ ๆ ก็ไม่ไปที่อโคจรให้ต้องเจอคนที่จัดจ้านเกินไป
แม้ถือศีลได้แค่ควบคุมกาย ก็จะป้องกันได้มากแล้ว นับประสาอะไรกับศีลถึงใจ แต่เอาจริง ๆ ศีล ๕ ทั่วไปก็กันนารีพิฆาตไม่อยู่หรอก
3.หามิตรดี มีศีล ๘
จะเอาตัวรอดได้ ต้องมีพันธมิตร คือมิตรดี คอยช่วยยกระดับปัญญาและกำลังใจของเรา เพราะฐานคนโสดที่ปฏิบัติได้อย่างผาสุกจริง ๆ จะเป็นฐานศีล ๘ ขึ้นไป ศีล ๕ จะยังรุ่มร้อนจากไฟรักเผาใจอยู่
การคบมิตรดี คือคอยปรึกษา ถามปัญหา เกื้อกูล ช่วยเหลือ ตั้งใจปฏิบัติตาม เพื่อสร้างปัญญา กำลังใจและวิบากดีสะสมไปเรื่อย ๆ
ถ้าจะพอคบได้คือคนที่พยายามปฏฺิบัติตนเป็นโสด จะไม่ทำให้ตกร่วงไปมากกว่าฐานเดิม จะให้ดีคือคบหาคนที่เป็นโสดได้อย่างผาสุกจะทำให้เจริญขึ้น ส่วนคนที่หมกมุ่นในเรื่องคู่ หรือมีทัศนคติไปในทางที่ไม่เห็นโทษภัยในการมีคู่ ไม่ต้องไปคบ เพราะจะทำให้เสื่อมลงกว่าเดิม
4.รู้ทันมารยาหญิง
ถ้าเราโดนนารีพิฆาต หรือตกหลุมรักผู้หญิง แสดงว่าเราไม่ทันมารยาของเขา บางทีเขาไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่สวย เราก็ยอมตกหลุมนรกรักแล้ว
รูปสวยคืออาวุธอย่างหนึ่งของผู้หญิงที่จะใช้ปราบผู้ชาย รูปคือสิ่งที่เห็น สวยคือ ดีงามตรงตามอุปาทานที่เรายึดไว้ เอาง่าย ๆ ก็ที่เขาโชว์รูปสวยกันทุกวันนี้นี่แหละ ไม่ได้มีสาระอะไรเลย นอกจากจะโชว์ “รูป” ของเขา ก็เป็นการหว่านแบบกว้าง ๆ ไม่ได้เจาะจง อันนี้ด่านต้น ๆ มารยาหญิงยังมีอีกมาก
นิสัยดี คืออาวุธอีกอย่าง นิสัยคือสิ่งทีแสดงออก ดี คือดีงามตามอุปาทานที่เรายึดไว้ เขาก็จะแสดงสิ่งที่เขาว่าดีนั่นแหละ เดี๋ยวเราก็ตกหลุมลงไปเอง ไม่โดนคนนั้น ก็โดนคนนี้ โลกนี้มีผู้หญิงมากมาย เดี๋ยวมันจะต้องเจอนิสัยดีตรงใจมาลากลงหลุมไปสักคนนั่นแหละ
เราจำเป็นต้องรู้จักการรุกและรับของผู้หญิง รู้ว่าตอนนี้เขาเข้ามาแล้วนะ รู้ว่าตอนนี้เขากำลังต้อนเราเข้าคอกของเขานะ วิธีป้องกันก็ไม่มีอะไรมาก แค่ไม่เล่นไปตามเกมของเขา เดี๋ยวเขาหมดความมั่นใจ เขาก็ไปยุ่งกับคนอื่นแทนเรา ถ้าเราพลาดเขาก็จะยิ่งรุก รับ ล่อ หนักข้อขึ้น มันจะพันใจ หลุดยากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ความอ่อนของผู้หญิงคือธาตุที่อันตราย โดยค่ารวม ๆ ผู้ชายคือความแข็ง ผู้หญิงคือความอ่อน สิ่งที่ผู้หญิงส่วนมากถนัดที่สุดคืออ่อน ออดอ้อน อ่อนแอ ออเซาะ พึ่งพิง ไม่ชัดเจน ไม่หนักแน่น โลเล และยอมแพ้ กระตุ้นต่อมอัตตาของผู้ชายที่เป็นสายแข็ง หลงกลเขา เหมือนไปเจอลูกแมวน่าเอ็นดูแล้วไปเก็บมาเลี้ยง
สุดท้ายจะแพ้เขา ตรงที่เขาทำเป็นแกล้งยอมแพ้นี่แหละ เราก็จะหลงไปว่าเป็นผู้ชนะ ที่ไหนได้ ตกหลุมตามแผนเขาเป๊ะ ๆ
ข้อนี้พักไว้แค่นี้ ถ้าจะขยายจริงมันจะยาวมากกกกกก ย่อไว้เท่านี้แล้วกันครับ
5.รู้ทันตัวเอง
ก็รู้จักกิเลสตัวเองนั่นแหละ ให้ศึกษากิเลสตัวเอง หลงติดหลงยึดอะไร เรื่องไหน ประเด็นไหนที่ทำให้อยากมีคู่ หรือประเด็นอะไรที่ทำให้รู้สึกใจอ่อน พลาดพลั้งได้ หรือเห็นด้วย เห็นดีกับความพลาดท่าเสียทีด้วยลีลาต่าง ๆ
จับได้ก็พิจารณาเหตุของมันให้ชัด ๆ แม่น ๆ เจาะลงไป อยากได้อยากเสพอะไร จับให้ชัดประเด็น เป็นเรื่อง ๆ ทีละเรื่อง แล้วก็ใช้ธรรมที่ศึกษามา ปรับใจให้มันถูก โดยปกติแล้วจิตมันจะไปตามกิเลส ต้องใช้ธรรมะพระพุทธเจ้าหรือครูบาอาจารย์มาเทียบ มันจะเห็นส่วนเกิน นั่นคือกิเลสที่ต้องกำจัด การกำจัดคืออบรมจิตให้เห็นโทษชั่ว ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ความไม่มีสาระหรือตัวตนของสิ่งนั้น อุดรูรั่วไปเรื่อย ๆ สักวันปัญญามันจะเต็มของมันเอง ถ้ารู้จักตัวเองหมด จะป้องกันมารยาหญิงทั้งหมดได้
…ถือว่าเรื่องนี้พิมพ์แบบ sketch กันไปก่อน ร่างกันไว้คร่าว ๆ แต่คิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์กับหนุ่ม ๆ ทั้งหลายครับ ผู้หญิงก็อ่านแล้วไปปรับใช้กันเอา มีประเด็นไหนสนใจก็ถามเพิ่มได้ครับ
วิธีป้องกันคนชั่วคนพาล
วิธีป้องกันคนชั่วคนพาล
แค่มีศีลมีธรรม คนชั่วเขาก็หนีแล้ว
ยิ่งเสนอให้เขาถือศีล เขาจะทุกข์ร้อนหวาดผวา
เหมือนที่ใครเขาเปรียบกันว่า
ถ้าจะกันผี(กิเลส) ต้องใช้สายสิญจน์(ศีล)
……………………………………..
การที่เราเจอแต่คนพาลเข้ามาในชีวิตนั้น ใช่ว่าจะเกิดจากกรรมเก่าในปางก่อนเสมอไป ส่วนใหญ่ก็กรรมเก่าในชาตินี้นี่แหละ คือไม่ศึกษาวิธีป้องกันคนชั่ว ไม่เคยมีศีลมีธรรมเป็นเกราะคุ้มครองตนเอง พอเจอคนชั่วก็โทษกรรมเก่าในชาติก่อนๆเสียหมด กลายเป็นว่าหาเหตุไม่ได้ หาที่มาไม่ได้ พอหาเหตุไม่ได้ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์ได้เช่นกัน
การที่เรายังชั่วอยู่นั้น หมายถึงเราเองเป็นหนึ่งในเหตุปัจจัยที่ยังดึงดูดคนชั่วเข้ามาในชีวิต เพราะถ้าเราชั่ว เราก็จะได้เจอกับคนชั่วๆ อยู่ในสังคมชั่วๆ วนเวียนอยู่กับคนพาลที่สร้างปัญหาให้กับชีวิต
การเริ่มต้นห่างไกลคนพาล ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่สมควรทำเพื่อชีวิตที่ผาสุกคือทำลายความชั่วในตนเสียก่อน เพราะสิ่งที่ดึงดูดชั่วภายนอกเข้ามาหาก็คือชั่วข้างในตัวเองนี่แหละ ดังนั้นหากจะโทษสิ่งใดสักสิ่งที่นำสิ่งชั่วเข้ามาในชีวิตเราก็โทษความชั่วที่เรายังมีนี่แหละ ยังไม่ต้องไปโทษเวรโทษกรรมอะไรที่มันไกลตัวหรอก เพราะชั่วนี่มันเห็นได้ง่าย กรรมมันเห็นได้ยาก
พอเราเริ่มมีศีลมีธรรมก็จะเป็นเกราะคุ้มครองที่ดีระดับหนึ่ง แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะสามารถป้องกันได้ทั้งหมด เราจึงควรมีกลยุทธ์เชิงรุกด้วย นั่นคือชักชวนให้คนรอบข้างถือศีล คิดดี พูดดี ทำดี ถ้าเขาดีพอ เขาก็จะเอาดีและพยายามจะพัฒนาตัวเองไปสู่ความเจริญ แต่ถ้าเขาชั่วมาก เขาจะออกไปจากชีวิตเราเอง เพราะทนความดีไม่ไหว นั่นเพราะชั่วในตัวเขามันไม่ยอมให้ทำดี
ซึ่งก็เป็นประโยชน์กับทั้งตัวเขาและตัวเรา สำหรับตัวเขานั้นก็จะได้ไม่ต้องมาทำบาปเวรภัยกับคนอื่น เพราะมีดีมาขวางไว้ และได้เรียนรู้ว่าความดีนั้นเป็นอย่างไร เอาดีมาถ่วงไว้จะได้ไม่ชั่วมากจนเกินไป สำหรับตัวเรานั้นก็ได้อาจจะได้ทั้งบุญและกุศลเกิดขึ้นกับเรา เป็นพลังที่จะหนุนให้เราเกิดความสุขความเจริญ ห่างไกลคนพาล ปกป้องคุ้มครองตัวเองโดยธรรม
แม้แต่คนพาลที่เข้ามาในคราบของคนดี เป็นสัตว์ร้ายที่ปลอมตัวมา เป็นมารในคราบเทวดา แม้จะมีท่าทางดูดี คิดดี พูดดี ทำดี ในทีแรก แต่ถ้าเจอศีลเข้าไปแล้วก็ยากที่จะรอด เพราะศีลจะทำให้คนกิเลสหนาเกิดอาการร้อนรน ไม่เอาศีล รังเกียจศีล ไม่อยากถือศีล ลำบากในการคบหาคนมีศีล
ยิ่งมาดีเท่าไหร่ลองเพิ่มศีลเข้าไปเท่านั้น เดี๋ยววันหนึ่งก็ออกลายเอง ดีไม่ดีคุยกันไม่กี่วันก็หายไปจากชีวิตเลย นี่แหละพลังของศีลที่จะป้องกันคนชั่วที่จะมาในสารพัดลีลาด้วยท่าทีงามสง่าน่าอัศจรรย์ สุดท้ายต้องมาตกม้าตายด้วยศีลกันทุกรายไป
แต่สิ่งที่สำคัญคือ เรารู้จักศีลดีหรือยัง เข้าใจศีลดีหรือยัง สาระของศีลคืออะไร ศีลใดที่ควรใช้ ศีลใดที่เหมาะ ศีลใดไม่เหมาะ รายละเอียดของศีลนั้นต่างกันไป การใช้เพื่อประโยชน์ใดๆก็ต่างมุมกันไป เราจึงควรศึกษาในสาระและประโยชน์ของศีลกันให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น
เพราะการใช้ศีลในการป้องกันสิ่งชั่วนั้น จะใช้ได้เฉพาะในศีลในระดับที่ตนปฏิบัติไหว ใช่ว่าเราจะสามารถให้คนอื่นศึกษาในศีลที่เรายังไม่สามารถปฏิบัติและเข้าใจได้ นั่นหมายถึงถ้าเราไม่ศึกษาและปฏิบัติในสิ่งใด ก็จะไม่สิทธิ์ในการใช้คุณวิเศษของสิ่งนั้น
– – – – – – – – – – – – – – –
27.6.2558
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)