Tag: นิยามรัก

ความรักของแม่ไก่

January 1, 2017 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,010 views 0
hen-and-kitten

“Sent in by a fan. This hen is taking care of two barn kittens during a thunderstorm . . . what great motherly instincts! :)” จากเพจ : Phil Van Treuren

ความรักของแม่ไก่

เริ่มต้นปี(ไก่) ก็นึกถึงภาพนี้ เป็นภาพที่เขาเล่าว่าแม่ไก่ช่วยดูแลลูกแมวตอนที่มีฝนฟ้าคะนอง

นิยามความรักสำหรับผม ก็มีแค่ “หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง” อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์แก่คนอื่นผมก็เรียกว่าความรักทั้งนั้น ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เหมือนรักแบบเป็นคู่ตามที่โลกเข้าใจกัน แต่เมื่อสัตว์ใดได้สัมผัสก็รับรู้ได้ว่านั่นคือความรักความห่วงใย

จริง ๆ แล้วความรักนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากอะไรนัก แต่ที่มันยากและลึกลับซับซ้อนมันไม่ใช่เพราะความรักหรอก นั่นเป็นเพราะกิเลสต่างหาก

รักแท้ ข้ามกาลเวลา : การส่งผ่านความหวังดีและเกื้อกูลกันข้ามภพข้ามชาติ

February 16, 2016 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 3,360 views 0

รักแท้ ข้ามกาลเวลา

รักแท้ ข้ามกาลเวลา: การส่งผ่านความหวังดีและเกื้อกูลกันข้ามภพข้ามชาติ

ในโลกใบนี้มีหลากหลายนิยามที่ใครๆ ต่างก็ให้ไว้เพื่ออธิบายความรัก และในบทความนี้จะมาอธิบายนิยามของคำว่า “รักแท้” อีกมุมหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าเป็นความรักทำความเข้าใจได้ยากที่สุดในโลก

ความรักทั่วไปนั้นจะต้องเสพเพื่อให้เกิดความสุข เป็นรักตามวิถีของ “โลกียะ” (ผู้หมุนวนไปตามโลก) เรียกว่าความรักได้เหมือนกัน แต่ก็ยังเป็นรักที่เบียดเบียน ไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ไม่เที่ยงแท้ หรือเรียกได้ว่าเป็น “รักไม่แท้” แต่ความรักที่จะกล่าวถึงกันในบทความนี้ มั่นคง ยั่งยืน ยาวนาน ข้ามกาลเวลา ข้ามภพข้ามชาติ เราจะมาศึกษา “รักแท้” เช่นนี้กัน

ความรักแท้ในที่นี้หมายเพียงแค่รักในรูปแบบของ “โลกุตระ” (ผู้อยู่เหนือโลก) ที่อบอุ่น สว่าง เบิกบาน เหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลก แม้ว่าจะเป็นกลางคืนดวงอาทิตย์ก็ยังส่องแสงอยู่ ถึงเราจะมองไม่เห็นมันก็ตามที แต่มันก็จะกลับมาในตอนเช้าของอีกวัน ทำหน้าที่อย่างซื่อตรงและมั่นคง ซึ่งจะต่างกันกับรักแบบ “โลกียะ” ที่ร้อนแรง เผาทำลาย เหมือนกับกองไฟที่ต้องคอยเติมเชื้อเพลิงอยู่ตลอดเวลาจึงจะสร้างความอบอุ่นและแสงสว่างได้ ถ้าห่างไปก็ไม่ได้รับไออุ่น ถ้าใกล้ไปก็จะร้อนจนทรมาน และไฟเช่นนี้อาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายได้ ซ้ำร้ายไฟนี้ยังสามารถเผาไหม้ลุกลามไปได้ เป็นอันตรายต่อตนเองผู้อื่น ไฟที่ว่านี้เปรียบได้กับไฟราคะเราจะมาขยายรักโลกียะและรักโลกุตระกันให้ชัดขึ้น

รักโลกียะ จองเวรกันข้ามภพข้ามชาติ

รักโลกียะ นั้นจะรักกันเพื่อบำเรอกัน ส่งเสริมและสนองกิเลสกัน เป็นไปเพื่อเพิ่มความโลภ โกรธ หลง เบียดเบียนกันและกันด้วยความอยากและความยึดเพราะ “ให้คุณค่ากับความสุข” และมักจะเสพติดความสุขนั้น จนกระทั่งเกิดความไม่ได้ดั่งใจ ไม่พอใจ ไม่สาสมใจ โกรธเกลียดอาฆาตกันในที่สุด ทำให้เกิดการจองเวรกันข้ามภพข้ามชาติ เป็นไปเพื่อความทุกข์ชั่วกาลนาน

รักโลกุตระเกื้อกูลกันข้ามภพข้ามชาติ

รักโลกุตระ นั้นจะเป็นเพียงความเมตตา อดทน รอคอย ให้อภัย มีแต่ความเกื้อกูลกันโดยไม่เบียดเบียนกัน “ให้คุณค่ากับการพ้นทุกข์” จึงพากันลดกิเลส คือลดความโลภ โกรธ หลงอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง มีระยะความสัมพันธ์ที่เท่าเดิมคือเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ผลักไส ไม่ดูดดึง ไม่ใช่เพื่อให้เขามาเห็นค่าหรือคุณงามความดีหรือความซื่อสัตย์ของเรา แต่เป็นไปเพื่อให้เขาเห็นคุณค่าและความดีงามของธรรมะที่เราได้ปฏิบัติ

ความรักที่จะยาวนานข้ามผ่านกาลเวลา นั้นจะต้องตั้งอยู่บนความเมตตา เกื้อกูล หวังประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยสามารถอดทน รอคอย ให้อภัยได้

ความรักที่แท้นั้นไม่หยาบและฉาบฉวยเหมือนความรักเชิงชู้สาว ไม่คับแคบเหมือนรักในครอบครัว ไม่หลงอยู่แค่ในชุมชน สังคม เชื้อชาติ ประเทศ หรือว่าเผ่าพันธุ์ของตน แต่เป็นรักที่กระจายออกไปให้ทุกๆ สรรพสิ่งบนโลกโดยไม่มีอคติลำเอียง และที่สำคัญ รักนั้นยังยาวนานจนเลยขอบเขตของกาลเวลาที่เรารู้จักกันไป ข้ามภพข้ามชาติ ทั้งในภพชาติที่เข้าใจกันโดยสามัญว่าเป็นการเกิดอีกครั้งของชีวิต และโดยธรรม คือการข้ามภพของกิเลสทั้งหลายและข้ามชาติคือไม่มีการเกิดของกิเลสนั้นอีก สรุปรวมลงตรงที่ว่า “ผู้ที่มีรักแท้นั้นเป็นผู้ทำลายกิเลสของตนจนสิ้นซากและทำหน้าที่ช่วยผู้อื่นไปเรื่อยๆ ตราบปรินิพพาน

บทความนี้อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายและยากที่จะทำความเข้าใจ แต่ก็จำเป็นต้องขยายกันไว้เพื่อให้ศึกษา ความรักเช่นนี้ โลกจะไม่ยอมรับ ไม่เอา ไม่สนใจ เพราะไม่ได้เสพ ไม่ได้ครอบครอง มองว่ามันเป็นเพียงอุดมคติ ไม่ได้มีอยู่จริง เข้าใจว่าความสุขที่มากกว่าเสพนั้นไม่มีอยู่จริง ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่ตรรกะที่สวยหรูเท่านั้น

แต่ความจริง “รักแท้” เช่นนี้มีอยู่จริง และมีมานานแล้วในโลกนี้ยกตัวอย่างที่สุดของผู้มีรักแท้ข้ามกาลเวลาของคือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เป็นผู้เมตตาเหนือใครในโลก อดทนศึกษาจนรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง รอคอยและให้โอกาสทุกคนตามกรรมที่เขาควรจะเป็น ให้อภัยได้แม้แต่ผู้ที่คิดจะปลงชีวิตท่าน กล่าวกันเพียงแค่นี้ก็คงจะไม่พอสาธยายถึงรักแท้ที่ท่านได้มอบไว้ให้กับโลก…

เราจะมาขยายความหมายของการเมตตา อดทน รอคอย ให้อภัยกันให้ละเอียดขึ้นดังนี้

ความเมตตา เกื้อกูลและหวังให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น หมายถึงการคิด พูด ทำ แต่สิ่งดีให้กันและกัน สิ่งชั่วไม่พากันทำ ไม่ส่งเสริมให้ทำชั่ว ทั้งยังขัดเกลากันให้ไปสู่ความดี ความเจริญ และความผาสุกยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย

การอดทน หมายถึง การทนต่อสิ่งที่กระทบเข้ามาทางภายนอก ไม่ว่าจะคำหวาน หรือคำกล่าวหา เขามาพูดชมเชย จีบ ยั่วเย้า หรือคำติเตียน คำด่า นินทา เย้ยหยัน เราก็จะต้องอดทนไม่หลงไปตามสิ่งเร้าเหล่านั้น ไม่หลงไปรักหรือชังตามที่โลกได้เชื้อเชิญให้เราหมุนวนตามไปอย่างนั้น

และการเสียสละอดทนทำหน้าที่แสดงให้เขาเห็นว่าความรักที่มากกว่าการได้เสพได้ครอบครองกันนั้นยังมีอยู่ ให้เขาได้เห็นถึงความสุขที่มากกว่าการเสพ อดทนทำไปแม้ว่าจะเป็นงานที่หนักหนา ต้องใช้เวลาและความอุตสาหะในการขยาย อธิบาย แสดงให้เห็น ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ฯลฯ

การรอคอยหมายถึง สามารถรอให้เขาได้เรียนรู้จักความรักที่แท้จริงได้โดยไม่เร่งรัดหวังผลหรือไปบีบบังคับให้เขาเรียนรู้และทำความเข้าใจ แต่ให้อิสระเขาในการเข้าถึงความรักนี้ จะต้องการขนาดเรียนรู้ขนาดไหน หรือจะเป็นเมื่อไหร่ก็ได้ จะพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า หรือชาติหน้าก็ได้ สนใจเมื่อไหร่ก็มาศึกษาเมื่อนั้น เพราะความรักแท้นั้น ไม่มีวันเน่าบูด ไม่มีวันเสื่อมสลาย และเป็นสิ่งดี เป็นคุณค่าสูงสุดที่ควรมอบให้แก่กัน จึงรอคอยที่จะมอบให้ได้โดยไม่มีเวลามาเป็นข้อจำกัด ดังนั้นความรักและความหวังดีนี้จึงข้ามกาลเวลาได้

การรอคอยนี้ไม่ใช่การรอที่จะเสพ ไม่ใช่รอว่าฉันทำดีไปเรื่อยๆ แล้วชาติใดชาติหนึ่งเธอจะมารัก สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความยึดมั่นถือมั่น เป็นการรอคอยเหมือนกัน แต่เป็นการรอที่จะเสพตามธรรมชาติทั่วไปของความรักในแบบโลกีย์ ที่หลายคนอาจจะศรัทธา เช่น รอเป็นสิบยี่สิบปีเพื่อที่จะให้ได้มาคู่กัน แต่ในมุมของโลกุตระนั้น สิ่งเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่ไร้ค่า เสียเวลา เบียดเบียน ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ รอคอยด้วยความทุกข์เพื่อที่จะสร้างทุกข์ให้แก่กันและกัน จึงไม่ใช่รักแท้ แต่เป็นเพียงรักลวงเท่านั้น

การให้อภัย หมายถึงการให้โอกาสเขาได้ลองผิดลองถูกตามที่เขาเข้าใจ โดยไม่ถือโทษโกรธเคืองเขา เขาจะไม่มาเอาความรักดีๆ ที่เรามอบให้ก็ไม่เป็นไร เขาจะเข้าใจเราผิดก็ยังยอมได้ เขาจะกลับไปเลือกรักที่ต้องเสพเพื่อสุขอย่างโลกๆ เราก็พร้อมจะเข้าใจและให้อภัยได้ แม้เขาจะไม่เห็นว่า สิ่งที่เรามีเป็นคุณค่าที่เขาควรจะได้ แม้ว่าเขาจะโยนเพชรที่เราพยายามเจียระไนอย่างยากลำบากทิ้งไปดังขยะที่ไร้ค่า …ก็ไม่เป็นไร เพื่อให้เราได้เรียนรู้ความพร่อง ความไม่สมบูรณ์แบบ ก้าวข้ามความไม่พอใจและความยึดดี ติดดี ที่เป็นสิ่งที่จะทำร้าย เบียดเบียน จนถึงกีดกันไม่ให้เขาเข้าถึงรักแท้นี้ได้

ให้โอกาสกันไปอีกหลายปีหลายชาติ ให้โอกาสเขาได้เรียนรู้ความรักจากเรา ให้โอกาสเขาได้ทำความเข้าใจ ได้มั่นใจว่าสิ่งที่เรามอบให้ไปนั้นดีจริง ด้วยความเมตตา อดทน รอคอย ให้อภัย หวังประโยชน์แก่เขาเสมอ คอยเกื้อกูล ให้เขาได้ศึกษาความจริงจากเราว่ารักที่แท้จริงมันดีแบบนี้ มันสงบเย็นแบบนี้ มันเป็นสุขแบบนี้ มันยาวนานแบบนี้ มันมั่นคงแบบนี้ …

…กับการเดินทางข้ามผ่านกาลเวลาที่แสนจะยาวนานเสียจนนับไม่ได้ เพียงเพราะว่ารักจึงยังทำหน้าที่ต่อไป และนี่เองคือ ”รักแท้

– – – – – – – – – – – – – – –

11.2.2559

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ (Dinh Airawanwat)