ช่วงบอกเล่า : บทความชุดคนพาล
เวลาที่ปรุงเรื่องอะไร มันก็มักจะมีประเด็นน่าสนใจงอกเงยขึ้นมาเรื่อย ๆ เรื่องนี้ก็เช่นกัน เพราะประสบการณ์เยอะ พอได้อ่านพระไตรปิฎก มันก็จะยิ่งชัดขึ้นอีก เพราะสิ่งที่เราได้เผชิญมา ก็ตรงกับพระพุทธเจ้าตรัสไว้ เราเอามาเทียบกันนี่มันก็ใช่เลย มันเป็นสิ่งดีที่ควรจะทบทวนและเผยแพร่นะ
บอกกันตรง ๆ ว่าเรื่องที่เตรียมไว้มีอีกหลายเรื่อง พิมพ์กันเป็นสิบวันก็คงไม่หมด เพราะเวลาอ่านพระไตรปิฎกนี่มันก็เพลิน เดี๋ยวไปสูตรนั้น เดี๋ยวไปสูตรนี้ เชื่อมโยง สอดคล้อง เรียบเรียงเข้ากับประสบการณ์ มันสนุกมาก
ถ้าติดตามกันไปต่อ จะมีบทที่ภาษาหนักขึ้นเรื่อย ๆ นี่ก็ยังเก็บไว้ก่อน เพราะเรื่องมันหนัก ก็เอาเรื่องเบา ๆ ผิว ๆ ตื้น ๆ ปูทางกันไปก่อน เพราะถ้ายกพระไตรปิฎกมาขยายกันนี่มันจะมัดคนพาลกันเลยทีเดียว
ชีวิตผมนี่พลาดพลั้งเพราะคนพาลมาหลายเรื่อง แต่ที่มาขยายกันได้ ไม่ใช่เพราะผมพลาด ผมพิมพ์ได้เยอะเพราะผมห่างไกลจากคนพาลได้ พอห่างไกลได้มันจะเห็นชัดยิ่งขึ้นไปอีก ไปคลุกคลีใกล้ชิดความพาลนี่บางทีมันจะมีวิบากอะไรมาบัง มันจะไม่เห็น ต้องถอยห่างมาประมาณหนึ่งจึงจะเห็น
ถ้าใครพ้นจากคนพาลมาได้ถึงจะซึ้ง เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าเปรียบกับกิเลสว่า เหมือนเราตาบอดแล้วมีคนเอาผ้ามาให้ บอกว่าผ้าที่ให้นั้นสวยงามและมีคุณค่า เราก็หลงดีใจ ชื่นชม ซึ้งในน้ำใจของเขาที่ให้ของดีเรามา แต่ความจริงผ้านั้นเป็นผ้าเก่า สกปรกมอมแมม แต่คนตาบอดเขามองไม่เห็น เขาก็ไม่รู้
…พอเขาได้ผ่าตัดรักษาตา มองเห็นได้ เขาจึงพบว่าผ้านี้สกปรก ไม่งาม ก็คิดเอาว่าโดนหลอกมาตลอดเป็นยังไง คบคนพาลก็อย่างนั้นแหละ มันจะซาบซึ้งตอนได้ธรรมะมารักษาใจที่มืดบอดจนมองเห็นความจริงนี่แหละ เรียกว่าเจ็บจนจุกในใจเลยก็ว่าได้ หลงอวย หลงชื่นชมไปเยอะซะด้วย
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมนำมาพิมพ์กันมากมายในช่วงนี้ครับ