มีคำถามข้อสงสัยที่บทความในเว็บไซต์แห่งนี้ไม่ได้ตอบคำถามเหล่านั้นไว้ หรือไม่ตรงตามที่ใจคิดนัก ก็สามารถที่จะส่งคำถามมาได้ในท้ายหน้านี้ ซึ่งท่านไม่จำเป็นต้องแสดงตัวตนแต่อย่างใด เพียงแค่พิมพ์นามสมมุติและถามคำถามที่สงสัยไว้ ผมก็จะมาทยอยตอบให้ครับ
แต่ถ้าหากอ่านบทความใดแล้วมีคำถามที่สงสัย ก็สามารถที่ส่งข้อความไว้ในตอนท้ายของบทความนั้นได้เลยเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นที่ผ่านมาอ่านได้อีกทีหนึ่งครับ
Related Posts
- ฉันผิดตรงไหน
ฉันผิดตรงไหน
...เมื่อความรักได้ผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงแค่คำถาม ที่ไม่รู้คำตอบ
ในบางครั้งเราอาจจะได้ยินเรื่องราวของความรักที่จบไปอย่างไม่มีเหตุผล บางคู่คบกันมาเนิ่นนานกลับต้องมาเลิกรากันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง […]
- ทักทาย ๒๕๖๓ : 2020 ปี 2563 นี้เป็นปีที่ขยัน และใช้เวลาให้กับการเรียบเรียงบทความมากเป็นพิเศษในช่วง 1-2 เดือนแรก แต่ก็คิดว่าจะผ่อนลงในเดือนมีนาคมนี่แหละ เพื่อปรับสมดุลการงานในชีวิตให้เหมาะกับความเจริญในทุกทุกด้าน
ปีนี้เริ่มมีการพิมพ์ชุดบทความขึ้นมา […]
- ช่วงบอกเล่า : บทความชุดคนพาล เวลาที่ปรุงเรื่องอะไร มันก็มักจะมีประเด็นน่าสนใจงอกเงยขึ้นมาเรื่อย ๆ เรื่องนี้ก็เช่นกัน เพราะประสบการณ์เยอะ พอได้อ่านพระไตรปิฎก มันก็จะยิ่งชัดขึ้นอีก เพราะสิ่งที่เราได้เผชิญมา ก็ตรงกับพระพุทธเจ้าตรัสไว้ เราเอามาเทียบกันนี่มันก็ใช่เลย […]
- บอกเล่า : ชุดบทความคนพาล (จบ) ก็คิดว่าบทความเกี่ยวกับเรื่องคนพาลตามที่ได้คิดไว้ก็น่าจะจบลงที่เสวิสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรที่มีการอนุโลมในการช่วยคนอยู่ ก็เรียกว่าเหมาะจะเป็นตัวจบ
เพราะตามโลกมันก็ต้องหลงไปคบคนพาลก่อน > แล้วก็ต้องพัฒนา ออกห่าง ไม่คบคนพาล > […]
- แชร์บทความได้ครับ บทความส่วนใหญ่ก็เหมือนบันทึกประจำวันตามที่ผมนึกได้ ก็ใช้การทบทวนธรรมนี่แหละ ในการขัดเกลาปัญญาของตนเอง สมัยก่อนยังไม่ทำเพจ ก็พิมพ์เก็บไว้อ่านเอง กับแบ่งเพื่อน ๆ ที่สนใจแนวทางเดียวกัน ต่อมาพิจารณาแล้วว่าเอามาเปิดเผยน่าจะดี […]
รบกวนขอเบอร์ติดต่อคุณดิณห์หน่อยค่ะจะเรียนเชิญมาเป็นวิทยาการงานประชุมมังสวิรัติไทยค่ะ หรือติดต่อกลับที่085-368-2555
เรากำลังทำงาน IS ปริญญาโท ในหัวข้อที่เกี่ยวกับมังสวิรัสติ เรามีคำถามที่ต้องการถามหลายสิ่ง ไม่ทราบว่าสะดวกติดต่อกันได้ทางไหนบ้างคะ?
ทางข้อความในเพจ https://www.facebook.com/DinhNotes
หรือ https://www.facebook.com/dinh.writer ครับ
กราบสวัสดีคุณดินท์
ถ้าหากคนมีแฟนอยู่แล้วรักกัน แถบจะไม่มีปัญหากัน แต่มาพบธรรมะฝ่ายหนึ่งอยากออกจากความทุกข์ จะต้องทำอย่างไรจึงไม่บาป เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย
ถ้าเป็นคู่กันไปแล้วก็แนะนำให้อยู่อย่างพรหม อยู่กันเสมือนเพื่อน ปฏิบัติกับเพื่อนที่ดีอย่างไรก็ให้ปฏิบัติกับคู่รักเช่นนั้น แบบอะลุ่มอล่วยค่อยๆปรับไปไม่ให้ขุ่นเคืองใจ ไม่หย่อนจนไม่เจริญ ไม่แข็งจนอึดอัดกดดัน อาจจะทำให้น้อยใจจนเข้าใจไปว่าธรรมะมาพรากคู่ของฉัน แล้วอาจจะพาลไปเกลียดธรรมะอีก…อันนี้บาป
ในการปฏิบัติแนะนำให้อยู่ในฐานของศีล ๘ เน้นหนักไปในข้อที่ว่าไม่ตกแต่งร่างกายและไม่สมสู่กัน เพราะเป็นข้อที่เน้นการพรากจากกามเป็นหลัก ถือศีลพากันทำดีไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์จะคลายจากความผูกกันเพราะกิเลสทีละน้อยๆ เหมือนเงื่อนที่ต้องใช้เวลาในการแกะ ยิ่งผูกมามากเท่าไหร่ ก็ต้องใช้เวลามากเท่านั้น
ยากที่สุดในการออกก็คือความรักของคนดีนี่แหละครับ มันยากจะหาเหตุผลในการพรากจริงๆ ฐานศีล ๕ จะเห็นโทษไม่ชัด ถ้ามาฐานศีล ๘ จะเห็นโทษชัดขึ้น มากกว่านั้นไม่ต้องพูดถึง ดีแสนดีแค่ไหนก็เป็นภาระ แต่คนทั่วไปเขาก็ว่าดีไปหมดทุกอย่าง เสียอยู่อย่างเดียวไม่พ้นทุกข์
กราบขอบพระคุณมากครับ แล้วหากว่าเรามีจุดประสงค์ที่จะเดินทางไปสู่การพ้นทุกข์ด้วยกันจะเป็นไปได้ไหมครับ แน่นอน..พร้อมกันไม่ได้แน่ เพราะเป็นไปตามเหตุเเละปัจจัยของแต่ละคนล่ะครับ
เพิ่มเติมครับ หากว่าเรามีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันแล้ว ผมก็น่าจะต้องถือศีล๘ ในวันพระ และถือศีล ๕ พร้อมกับการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่กระแสของการพ้นทุกข์(โสดาบัน)จะเป็นไปได้ไหมครับ
พ้นทุกข์ด้วยกัน ตอบแบบห้วนๆเลยก็คือเลิกยึดมั่นถือมั่นในกันและกัน ชัดๆเลยว่าเลิกรักกันแบบคู่รักด้วยความยินดีทั้งคู่ นี่คือการพ้นทุกข์ร่วมกัน
ส่วนเรื่องการพ้นทุกข์จากการหลุดพ้นจากกิเลสหรือที่เรียกว่าวิมุตตินั้น ก็แล้วแต่ใครจะพากเพียรศึกษาและปฏิบัติตนเพื่อทำลายกิเลสได้มากเท่าไหร่ ถ้ามีบารมีใกล้เคียงกันก็สามารถอยู่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันได้ แต่ถ้าไม่ใกล้กันก็จะหลุดไปตามธรรมชาติ เรียกว่าถ้าศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ไม่เสมอกันแล้ว คนเราย่อมเดินเสมอกันได้ยาก ซึ่งเพื่อนต่างเพศนั้นยากกว่าเพศเดียวกันมากเพราะมีกิเลสที่สะสมมาคนละมุม ผู้ชายก็อย่างนึง ผู้หญิงก็อย่างนึง ดังนั้นจะให้มาเสมอกันนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งถ้าเอาจริงเอาจังเป็นนักบวชหรือปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดด้วยแล้วยิ่งต้องจับแยกกัน
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยว่า คู่รัก อดีตคู่รัก กัลยาณมิตร ญาติพี่น้องคนใดก็ตามจะไปทางไหน เขาก็ไปตามทางของเขานั่นแหละ ทุกคนมีทางเดินของตัวเอง เราเพียงแค่เกื้อกูลกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิตเท่าที่ผลของกรรมจะอำนวย ที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องเดินไปตามทางของตัวเอง วันหนึ่งเราก็จะลืมคู่รักในวันนี้ วันหนึ่งญาติพี่น้องจะกลายเป็นอดีต และวันหนึ่งทุกสิ่งก็จะถูกลืมทั้งหมด เหลือไว้แต่ความยึดมั่นถือมั่นที่จะเป็นแรงเหนี่ยวนำให้คนต้องกลับมาพบกับทุกข์อีกครั้ง
ทุกคนอยากพ้นทุกข์ทั้งนั้นเพียงแค่เข้าใจวิธีการต่างกันไป ซึ่งหากเราเลือกศึกษาพุทธศาสนา จะเห็นได้ว่าศีลนั้นเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการสกัดกั้นไม่ให้เราไปทำชั่วตามกิเลส เมื่อถือศีลอาการของกิเลสจะออกมาสร้างทุกข์ให้กับเรา ยิ่งถือศีลที่ยากและมากขึ้นเท่าไหร่เราก็จะได้เห็นกิเลสของตัวเองมากเท่านั้น ในเบื้องต้นก็ถือศีล ๕ เป็นพื้นฐานนั้นดีแล้ว เอาให้ใจนั้นบริสุทธิ์จากการผิดศีล คือไม่ให้เกิดแม้แต่มโนกรรม เพราะร่างกายกับวาจานั้นหยาบ คุมได้ง่าย แต่ใจนี้มันคุมได้ยาก ถ้ากิเลสไม่ตายจริงมันก็จะแอบผิดศีลในใจอยู่เรื่อยไป แม้ข้างนอกจะดูดี แต่ถ้าใจยังผิดอยู่ก็ยังไม่เรียกว่าบริสุทธิ์
ถ้าทำลายกิเลสได้เรื่องหนึ่ง ก็พ้นทุกข์เรื่องหนึ่ง ซึ่งกิเลสก็มีหลายเรื่องให้ศึกษา ศีลจะเป็นเครื่องวัดให้เห็นกิเลสได้ชัด สมาธิคือสภาพที่ตั้งมั่นในกุศลทนแรงยั่วของกิเลสได้ ปัญญาคือการทำใจในใจให้เห็นแจ้งความจริงตามความเป็นจริง ไม่ใช่ไหลตามความลวงของกิเลส คือให้ศึกษาไตรสิกขา พระพุทธเจ้ามอบความรู้นี้ไว้ให้เราศึกษาเพื่อการพ้นทุกข์ครับ
กราบขอบพระคุณมากครับและขออนุโมทนาบุญให้กับท่านด้วย ขอจงถึงซึ่งพระนิพพานครับ
ถือศีลปฏิบัติธรรมจริงจังมาประมาณปีนึง มีทาน ศีล ภาวนา ลุ่มๆดอนๆบ้าง สวดมนต์ทุกวัน และเหมือนบารมีทานจะมากกว่าอันอื่น ที่นี้เคยเป็นงี้หนนึงตอนปี 48 ตอนนั้น มีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้เลย กรรมมากระแทกก็เลยมุ่งปฏิธรรมหนี พอหายแล้วอย่างที่เล่ามา กลับมาอีกแล้ว โดนกรรมกระแทกเอา 3-4 หน ไม่ค่อยสะเทือน จิตปัดออกได้ไว หนล่าสุดที่หนักสุดไปหลงไปรักเขา ทีเขาหักอกเอาสิ เอาสิเจ้าหนี้มาทวงเข้าแล้ว ตอนนี้เคว้งคว้าง เหมือนหนีไม่พ้นใช้หนี้ไม่หมดซะที อยากได้คำแนะนำ จะให้ก้มหน้ายิ้มรับกรรมนี่พูดดูง่าย แต่ทำไม่ได้เลย
เขามาแบบกัลยาณมิตร แต่อยากจะได้เราเป็นคู่ครอง แรกห้ามใจได้พอเราหลงเข้านี่ เขาจับหักอกทัน แทบตายทีเดียวตอนนี้ ถึงกับมีความคิดว่าตอนเราไม่มีทานศีลภาวนา ชีวิตเราไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจเลย พอเรามาทำกรรมดีจริงจัง ทำไม่เจออะไรที่มันสาหัสตลอด
การกินสัตว์ที่ถูกฆ่า นั้นถือว่าบาป. เคยได้ยินว่ากินมังสวิรัติไข่ไก่กินได้ จะบาปมั๊ย. เพราะว่าไข่ก็ฟักออกมาเป็นไก่
การกินสัตว์ที่ถูกฆ่ามานั้น ทำให้ตนเองพัวพันเกี่ยวข้องกับเหตุแห่งอกุศล เกี่ยวกับการผิดศีล ส่วนบาปนั้นคือจิตที่มีความโลภ โกรธ หลง คือไปอยากกินเนื้อเขา หลงว่าเนื้อที่เขาฆ่ามานั้นกินได้โดยไม่ผิด ไม่มีผล ไม่มีโทษ อันนี้เรียกว่า บาป
กินได้หรือกินไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่ใครบัญญัติครับ มันอยู่ที่สิ่งเหล่านั้นเป็นโทษหรือเป็นประโยชน์ ถ้าเป็นโทษ เบียดเบียน ก็ไม่ควรทำ ถ้าไม่ประโยชน์ ไม่เบียดเบียน เป็นไปเพื่อการเกื้อกูลก็ควรทำ
มักจะมีข้อทักท้วงในเรื่องไข่ไก่ว่า มันเป็นไข่ที่จะไม่ฟักเป็นตัว เลยเข้าใจไปว่าไม่ได้ฆ่า แต่ที่นี้มันไม่ได้มีแค่ศีลข้อ ๑ มันยังมีศีลข้ออื่นด้วย เช่นข้อ ๒ การไม่ลักขโมย ไข่นี่กว่าจะออกมาจากแม่ไก่นี่มันยากนะ กว่าจะเบ่งออกมาแต่ละฟอง ลองหาคลิปดูก็ได้ ทีนี้มันไข่ออกมามันไม่รู้หรอกว่ามีลูกหรือไม่มี แม่ไก่มันก็กกของมันไปตามสัญชาติญาณ นั่นหมายถึงมันก็รักของมัน ทีนี้เราไปเอาไข่ซึ่งเป็นของรักของมันมานี่ มันอนุญาติรึยัง? เราขอมันแล้วมันเห็นดีด้วยหรือยัง? ถ้าไปเอาของที่เขาไม่ยินดีให้มานี่เรียกขโมยนะ
นับประสาอะไรกับไก่ฟาร์มที่ไปขังเขา บังคับเขากิน บังคับเขาออกไข่ นี่มันเบียดเบียนมาก ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ควรสนับสนุนครับ
(คลิปแม่ไก่ออกไข่ : http://video.postjung.com/78579.html)
สวัสดีครับคุณดิณห์
ถ้ามีคนบอกว่าคนที่คิดหรือตั้งใจจะโสดนั้น แท้จริงแล้วคือคนเห็นแก่ตัว เนื่องจากไม่ยอมเสียสละความสุขของตัวเองให้กับใคร (เช่นทรัพย์สินหรือเวลา)
คุณดิณห์มีความคิดเห็นอย่างไรครับ เนื่องจากผมเคยได้ยินบางคนเค้าพูดประมาณนี้เหมือนกัน
ขอบคุณครับ
ผมว่าจะไปเหมารวมแบบนั้นมันก็ไม่ถูก เพราะมีคนโสดมากมายที่ทำเพื่อสังคม สละทรัพย์ สละเวลาในกิจกรรมสังคมต่าง ๆ ในทางกลับกันคนที่มีคู่นั่นแหละที่จะทำเพื่อสังคมได้น้อยกว่า เพราะต้องนำทรัพยากรเหล่านั้นไปบำเรอคู่, ลูก, ครอบครัวคู่ ฯลฯ คือไปเสียเวลาเสียเงินให้กับคนกลุ่มเล็ก ๆ แทนที่จะเสียสละให้กับคนกลุ่มใหญ่
ซึ่งการมีคู่หรือมีครอบครัวก็ไม่ได้แสดงถึงความเสียสละแต่อย่างใด เพราะหลายคนมีคู่มีครอบครัว ก็สร้างปัญหาให้กับตนเองและผู้อื่น บางคนต้องฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็โดนเขาฆ่า หรือไม่ก็สร้างประชากรเพิ่มขึ้นในขณะที่ตนไม่มีความสามารถในการดูแล ทำให้สังคมเสื่อมโทรมก็มีเหมือนกัน
ในท้ายที่สุดพระพุทธเจ้าท่านผู้นำพาปฏิบัติตนสู่ความเสียสละอย่างที่สุด มีชีวิตอยู่เพื่อประโยชน์ตนเองและผู้อื่นอย่างหาใครเทียบไม่ได้ ก็ยังสรรเสริญการอยู่เป็นโสด … คุณก็ลองพิจารณาเอาว่าการคิดตรงข้ามกับพระพุทธเจ้านี่เขาไปทางไหน ใกล้กลียุคมันก็แบบนี้ การเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นดอกบัวเป็นกงจักรก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ
ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ ^_^
ดีใจที่เข้ามาเจอเว็บนี้ และขอบคุณที่แชร์ข้อคิดให้สติ
ตัวเองเป็นคนปฏิบัติธรรม แต่ตอนนี้ทุกข์เพราะโดนกิเลสถล่มเรื่องความรักอยู่ค่ะ จะพยายามอ่านหลายๆตอนที่คุณดิณเขียนเพื่อเรียกสติ ขอบคุณค่ะ