Tag: เอตทัคคะ

อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน

June 11, 2020 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 482 views 0

เมื่อใครถามถึงครูบาอาจารย์ทางธรรม ผมก็จะบอกว่าเป็นอาจารย์หมอเขียว เพราะเป็นคนแรกในโลกที่ผมยอมรับว่าเป็นอาจารย์ ยอมก้มหัวให้ด้วยใจจริง ยอมให้สอน ยอมให้ติ ยอมให้ด่า ใจมันยอมแพ้หมดรูปเลย เพราะรู้ว่าถ้าแพ้คนนี้แล้วจะเจริญ เอาชนะไปนรก

ก่อนเจออาจารย์หมอเขียว ก็เคยศึกษาธรรมะอยู่พอสมควร เจอคนมากมาย แต่ก็ไม่มีใครที่จะตอบคำถามเราได้ เรียกว่าไม่ตอบโจทย์ ไม่ทันเรา ไม่มีสิ่งที่เราต้องการให้ศึกษา แม้พยายามคลุกวงในบ้างแล้ว แต่ก็คว้าน้ำเหลว นึกว่าจะมีแก่นสารสาระ แต่โดยมากก็ต้องเสียเวลาไปฟรี ๆ

จนมาเจออาจารย์หมอเขียว ได้พบ ได้ฟัง ได้ถาม จึงรู้ว่าคนนี้แหละ เพราะท่านรู้จักความเป็นเรา และรู้จักสิ่งที่ดีกว่า เหมือนโดนดักหัวดักท้าย ไปไม่เป็น ไปได้ทางเดียว คือตามที่ท่านแนะนำ เพราะมันไม่เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันจะดีไปกว่าที่ท่านแนะนำ

ผมเองไม่ใช่สายศรัทธา ไม่ได้เลือกอาจารย์ด้วยศรัทธา แต่เลือกด้วยปัญญา แน่ล่ะ ครูบาอาจารย์ของผมก็ต้องมีปัญญามากกว่าผม ผมจะรู้เองว่าคนไหนทันผม คนไหนไม่ทันผม คนไหนล้าหลัง คนไหนปลอม พอมีปัญญามันก็จะดูคนออกง่าย แต่มันจะหาอาจารย์ยาก เพราะในโลกนี้คนที่มีปัญญาจริง ๆ มันจะน้อย แต่มันก็ดีอย่างคือมันจะไม่ไปเสียเวลาศรัทธาคนผิด

แต่สายปัญญาเวลาปัก จะแน่นกว่าสายศรัทธาหรือสายเจโต เพราะในปัญญานั้นจะมีทั้งปัญญาและศรัทธาผสมกันอยู่ในตัว และที่สำคัญคือได้ลองด้วยตนเองแล้วพบว่าได้ผลจริง แล้วจะวิ่งหนีไปไหนได้

เวลาที่ผมมีปัญหา มีคำถาม ก็ได้อาจารย์ช่วยไขความให้นี่แหละ ด้วยความที่เป็นผู้ชาย เลยเข้าถึงอาจารย์ได้ง่าย แต่นั่นก็ไม่ได้มีค่าเท่าความดีที่ได้เคยร่วมทำกันมา ผมสังเกตว่าถ้าผมมีปัญหาจริง ๆ จะไม่ค่อยมีอะไรกั้น แม้จะไม่ได้ถามก็จะได้คำตอบ

ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เคยไปปรึกษาอาจารย์เกี่ยวกับการตัดสินใจไปรับคำเชิญไปบรรยายในงานมังสวิรัติ อาจารย์ได้ให้หลักพิจารณามาว่า เขาต้องการความรู้จากเราไหม และเรามีความรู้นั้นไหม ไม่มีการฟันธงใด ๆ แต่ผมก็สรุปเอาเองว่า ทั้งสองปัจจัยก็ไฟเขียว ที่เหลือคือสรุปว่าจะเอื้อหรือไม่เอื้อ ก็จบตรงที่ว่า การแบ่งปันมันก็ดีกับเราและผู้อื่น ก็ทำไป

ศึกษามาเรื่อย ๆ จนถึงปีที่ผ่านมา ก็ได้รับขุมทรัพย์กองใหญ่ ที่เรียกว่าหายากมาก ชนิดที่ว่าถ้าจะมุ่งศึกษาปัญญานี้ด้วยตัวเอง อาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตเลยก็ได้ แต่ครั้งนี้ อาจารย์ก็รวบให้ในไม่กี่นาที

เรื่องก็ยังอยู่ในหมวดเดิม คือการประมาณในการช่วยคน ผมก็ติดปัญหาว่า เราก็ว่าเราเก่งแล้ว แต่ข้อผิดพลาดในการช่วยคนมันก็ยังเยอะอยู่

อาจารย์ก็ได้สอนว่า จริง ๆ มันไม่เกี่ยวกับเราเก่งที่เราไหร่ แต่เกี่ยวที่ว่าเขาศรัทธาเรารึเปล่า เราเก่งให้ตาย เขาไม่ศรัทธาเรา เราก็ช่วยเขาไม่ได้

อาจารย์ยังยกตัวอย่างย้ำว่า ขนาดพระอรหันต์ระดับเอตทัคคะ ยังสอนลูกศิษย์ข้ามสายกันไม่ได้เลย สอนไม่บรรลุ คนเขาจะเลือกคนที่เขาศรัทธาของเขาเอง

ฟังแล้วก็เข้าใจเลยว่า ปัญหาของเรา จริง ๆ มันไม่ใช่ปัญหาของเรา มันเป็นปัญหาของเขา แต่เราไม่รู้ เราก็เอามาแบกไว้ มันก็หนักใจอยู่แบบนั้น พอเราได้ฟังมันก็โล่งเลย เพราะเรื่องทิ้งภาระที่มันหนักนี่มันทิ้งไม่ยากอยู่แล้ว ไปโง่เอาภาระคนที่เขาไม่ได้ศรัทธาหรือศรัทธาไม่เต็ม มันก็เหนื่อยเปล่า

อาจารย์ยังนำเนื้อหามาย้ำสรุปในวันต่อมาว่า คนที่ศรัทธาจะไม่เพ่งโทษถือสาเอาความ ความไม่ถือสา ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่หยุมหยิม คือตัววัด ส่วนคนที่ไม่ศรัทธาแม้เราจะคิดดี พูดดี ทำดี แค่ไหน เขาก็จะสามารถเพ่งโทษถือสาหาเรื่องได้

ปัจจุบันแม้ผมจะไม่ได้ไปอยู่ช่วยเหลือใกล้ชิดอาจารย์ เพราะฟ้าหรือวิบากกรรมไม่เอื้ออำนวย ผมก็ยังติดตามฟัง ติดตามเรียนรู้อยู่เป็นประจำ ไม่ห่างหาย เพราะเชื่อเสมอว่าการฟัง ทบทวน หรือแม้กระทั่งซักถามตามที่มีโอกาส นี่แหละ จะทำให้พ้นจากทุกข์ได้ไวที่สุด

พิมพ์ไว้เป็นเครื่องระลึกถึง อาจารย์หมอเขียว เนื่องในวันครบรอบวันเกิด อาจารย์ 11 มิถุนายน 2563 ครับ