Tag: คู่แต่งงาน

ความฝันสีชมพู

September 28, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,758 views 0

ความฝันสีชมพู

ความฝันสีชมพู

ถ้าคนเราเลือกได้ ก็คงอยากจะมีความฝันดีๆทุกคืน และอยากให้ฝันเหล่านั้นกลายเป็นจริงเข้าสักวัน จึงได้เฝ้าฝันทั้งในยามหลับตาและยามลืมตา เฝ้ารอว่าวันใดวันหนึ่ง ฝันที่เคยหวังจะเป็นจริงดังที่เฝ้าฝันไว้

แต่ในความเป็นจริง เราไม่สามารถฝันดีได้ทุกวัน บางวันเราก็ฝันร้าย หรืออาจจะไม่ได้ฝันอะไรเลย เหมือนกันกับชีวิตจริงที่อะไรก็ไม่เป็นไปดังฝัน แม้จะได้ดังใจหวัง ความสุขสมใจก็จะอยู่กับเราสักพักแล้วก็จะจางหายและจากไป

เหมือนกันกับความรัก เรามักเฝ้าฝันว่าเราจะได้พบกับคนที่ดี พบกันวันเวลาที่ดี พบกับรักที่ดี เราเชื่อเสมอว่าเราจะเจอสิ่งที่ดี เหมือนกับเรากำลังอยู่ในความฝัน แม้ว่าความจริงที่เกิดขึ้นรอบกายนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของความรักให้เห็นอย่างชัดเจน มีคู่รักหลายคนต้องเจ็บปวดทรมานความรักนั้นไม่สมหวัง มีคู่แต่งงานมากมายที่ต้องจบเรื่องราวความรักของพวกเขาไป เป็นความจริงที่ดูเหมือนจะโหดร้าย ทำไมมันต้องจบแบบนั้นทั้งที่ในตอนแรก ใครๆก็คิดว่าความรักของตนนั้นสวยงามที่สุด

คนที่คบหากัน เคียงข้างกัน แต่งงานกันด้วยความยินยอมต่อกัน ไม่มีใครสักคนที่จะคิดไปว่ารักของพวกเขานั้นจะพังทลายลงไปในวันใดวันหนึ่ง เรามักพูดกันแต่ในมุมของความเจริญ แต่กลับมองข้ามความเสื่อม ทำให้คู่รักหลายคนจมอยู่ในภาวะของความฝัน ความหวัง และอุดมคติจนกระทั่งวันหนึ่งความจริงได้พรากความฝันเหล่านั้นจากเขาหรือเธอไป

แต่นักฝันมักไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้ ถึงเห็นก็ทำเป็นไม่เห็น และแม้จะเห็นก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ยังคงเฝ้าฝันถึงวันที่จะได้เจอกับคนที่เหมาะสมกับตน คนที่มอบความรักให้กับตนคนที่จะเข้ามาเติมเต็มกิเลสให้กับตนได้เขาจึงเฝ้าฝันอย่างไม่สนใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เหมือนกับคนที่เดินเล่นอย่างเพลิดเพลินใจอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยสงคราม

ยังมีนักฝันจำนวนมากที่เคยข้ามผ่านความเจ็บช้ำจากความรัก การพบรัก การจากลา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาและเธอเหล่านั้นก็ยังมีความฝัน ที่จะได้เจอกับรักแท้เข้าสักวัน โดยลืมไปว่ารักที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นก็เริ่มด้วยความรู้สึกที่คิดว่ารักเหล่านั้นเป็นรักแท้ทั้งสิ้น ลืมไปว่าเคยมั่นใจกับสิ่งเหล่านั้น เคยมั่นใจว่ารักนั้นดีจึงได้คบหาผูกพัน จนกระทั่งทุกอย่างจบลง นักฝันกลับกลบเรื่องในอดีตไว้อย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้แผลในอดีตไปทำลายฝันใหม่ที่ตนเองกำลังสร้างขึ้น

ซึ่งเขาเหล่านั้นก็มักจะพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่ไม่รู้ว่าสาเหตุของความผิดพลาดนั้นมาจากอะไร ได้แต่เฝ้าฝันว่าใครสักคนที่แสนดี ที่เพียบพร้อมอย่างใจต้องการ และพร้อมจะเข้าใจความคิดของเราจะมาเข้ามาในชีวิต

เหมือนกับคนที่ปิดตาตัวเองเดินเข้าไปในป่าเพื่อหาใครสักคน พอไปเดินไปเจอกับต้นไม้ก็เผลอไปกอดเพราะคิดว่าเป็นคน แล้วก็เปิดตามาดูจึงพบว่าไม่ใช่ เก็บความผิดหวังนั้นไว้ ว่าแล้วก็ปิดตาเดินหาใครสักคนต่อไป ในป่ากว้างใหญ่…ซึ่งไม่มีคน

วิธีการที่จะเจอใครสักคนที่ดี ไม่ใช่การเฝ้าฝัน หลับหูหลับตาหาไปอย่างงมงาย แต่เป็นการเปิดตา เปิดโลกให้กว้างขึ้นว่าการที่เราจะได้สิ่งใดมาสักอย่างนั้น ต้องเกิดจากการที่เราทำอะไรสักอย่างที่เหมาะสมเช่นกัน ถ้าเราทำดีเข้ามากๆ ทำดีอย่างไม่หวังผล กุศลจะผลักดันให้เราเปลี่ยนจุดที่ยืนอยู่ จากป่าที่ไม่มีคน ก็อาจจะพบเจอใครได้บ้าง บางคนเข้าวัดทำบุญทำทาน แต่ไหว้พระทีไรก็เอาแต่ร้องขอในสิ่งที่ตนอยากได้เป็นการแลกเปลี่ยนทุกที ถ้าทำแบบนี้การจะได้เจอใครที่ดีก็คงจะเป็นไปได้ยาก

เช่นเดียวกับการทำชั่ว ถ้าเราทำชั่วมากๆ อกุศลก็อาจจะผลักดันให้เราเปลี่ยนจุดที่ยืนอยู่ จากป่าที่ไม่มีคน ก็อาจจะพบใครได้บ้างบางคนเข้าผับเข้าบาร์ หวังว่าจะเจอใครสักคน อันนี้ก็พอจะเป็นไปได้ เพราะถ้าเราขยันทำชั่ว ขยันเข้าไปในที่อโคจร เราก็อาจจะได้พบกับคนที่เหมาะสมกับความชั่วกับเราในวันใดวันหนึ่งก็ได้

การพบใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ แต่สิ่งที่ควรสนใจคือใครคนนั้นจะเข้ามาทำให้เกิดสิ่งใดในชีวิตเรา การมีใครสักคนเข้ามาในชีวิตทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง สิ่งที่เราได้จากความรักที่เคยผ่านมานั้นเป็นอย่างไร แล้วรักใหม่นั้นจะดีจริงหรือ เขาจะบำรุงบำเรอกิเลสให้เราได้ตลอดไปจริงหรือ หรือเขาแค่จะมาหาผลประโยชน์จากเราแล้วจากไป

เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความฝันและความจริงในเรื่องความรักกันอีกหลายภพหลายชาติ บางคนเจอความผิดหวังไปกี่ครั้งก็ยังไม่เข็ด ยังเฝ้าฝันปิดหูปิดตาตามหาความรักต่อไป บางคนแค่ได้ยินเรื่องของคนอื่นก็ถึงกับขยาดกับความรัก บางคนได้พบเจอเรียนรู้และผิดหวังในความรักก็สามารถที่จะเข้าใจคุณค่าและสาระของความรักได้

คนผู้มีปัญญาจะเข้าใจแก่นแท้ของความรักได้ เขาก็จะไม่วิ่งหา ไม่แสวงหา ไม่ยึดไว้เป็นของตน ไม่เหนี่ยวรั้ง ในขณะที่นักฝัน ก็ยังคงวิ่งตามหาความรัก แสวงหาใครสักคนที่จะพอให้ตนได้เสพสมใจ พอได้มาก็ยึดเขาไว้เป็นสมบัติของตน พอเขาจะจากไปก็พยายามจะเหนี่ยวรั้งไว้ และสุดท้ายจึงต้องพบเจอกับการจากพราก เกิดเป็นทุกข์ เป็นความเศร้าโศก คร่ำครวญรำพัน เสียใจ คับแค้นใจ วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป อย่างไม่มีวันจบสิ้น

– – – – – – – – – – – – – – –

28.9.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์