Tag: ศีลธรรม

ความตายมิอาจพราก…กิเลสและกรรมไปจากเราได้

October 14, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,699 views 0

ความตายมิอาจพราก...กิเลสและกรรมไปจากเราได้

ความตายมิอาจพราก…กิเลสและกรรมไปจากเราได้

การที่ชีวิตหนึ่งต้องพบกับการจากพรากจนถึงความตายนั้น ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของวิญญาณดวงนั้น ความตายเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงสภาพของร่างกายอันคือภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่ง ซึ่งมีกรรมเป็นผู้ดลบันดาลให้เกิด

กว่าจะตาย…

ยกตัวอย่างเช่น พอเราชอบกินเนื้อสัตว์ กินอาหารปิ้งย่างมากๆ ด้วยกิเลสของเราจึงสร้างกรรมอันเบียดเบียน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้เบียดเบียนย่อมมีโรคมากและอายุสั้น คนบางพวกที่กินเนื้อสัตว์มากจึงมีการป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่นมะเร็ง นั่นคือสภาพหนึ่งของกรรมที่ส่งผล เป็นทั้งกรรมจากอดีตชาติคือกรรมจากกิเลสส่วนหนึ่ง กรรมจากผลที่ทำมาส่วนหนึ่ง และกรรมจากกิเลสที่ทำในชาตินี้อีกส่วนหนึ่งสังเคราะห์กันอย่างลงตัวจนเกิดเป็นสภาพของมะเร็ง

โรคที่เกิดขึ้นนั้นมาจาก “นาม” เข้าใจง่ายๆกันว่าอกุศลกรรม หรือพลังงาน หรือจะเข้าใจว่าบาปก็ได้ เพราะส่วนหนึ่งของการเบียดเบียนนั้นเกิดจากกิเลส เกิดจากความอยากเสพ พอมีความอยากเสพมากๆ ก็จะไม่คิดถึงศีลธรรม ไม่คิดว่าชีวิตคนอื่นหรือสัตว์อื่นต้องได้รับทุกข์ร้อนใจอะไร เพียงแค่ได้เสพสมใจตนเองเท่านั้น จึงยินดีในการเบียดเบียนผู้อื่น ยอมสร้างกรรมกิเลสนี้ได้ เพียงให้ได้มาซึ่งความสุขลวง

เมื่อผลของการกระทำหรือวิบากกรรมชั่วนั้นสะสมจนลงตัว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จึงสร้าง “รูป” ขึ้นมาให้เห็น รูปในที่นี้คือสิ่งที่เห็นได้ สัมผัสได้ รับรู้ได้ เช่น วัตถุ สิ่งของ ก้อนมะเร็ง หรือเหตุการณ์บางอย่างที่เข้ามาทำให้ร่างกายและจิตใจของเราเป็นทุกข์

แม้จะตายก็ยอมเสพ…

สังเกตได้ว่าแม้ว่าคนเราจะรู้ว่าการสูบบุหรี่จะนำมาซึ่งการเจ็บป่วยทุกข์ทรมาน เหล้าและสารเสพติดจะนำมาซึ่งภัยต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ และการวิวาท หรือแม้แต่การกินเนื้อสัตว์ย่างจะมีผลให้ก่อเกิดมะเร็ง แต่เราก็ยังยินดีที่จะเสพสิ่งนั้น แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม เราก็ยังอยากจะเสพสิ่งนั้น ประมาณว่าขอตายก็ได้ เพียงแค่ให้ฉันได้เสพสมใจในสิ่งที่ฉันอยาก

มีชาวนาชาวไร่มากมายที่ต้องเสียชีวิตไปจากการสะสมของสารเคมีต่างๆในร่างกาย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะมองเห็นว่าสารเคมีเป็นโทษ หลายคนแม้ได้เห็นการตายของคนใกล้ชิดจากสารเคมีกลับมองว่าไม่ใช่เพราะสารเคมี แม้คนตายนั้นเองก็ไม่ได้โทษสารเคมีที่ใช้เลย นั้นเพราะเขามีอัตตา ยึดมั่นถือมั่นว่าสารเคมีดี สารเคมีเป็นมิตรกับเขาทำให้เขามีผลผลิตและร่ำร่วยมันไม่มีทางฆ่าเขา เห็นไหมว่ากิเลสคนเรามันรุนแรงขนาดไหน ขนาดว่ามันจะฆ่าเราตาย มันฆ่าญาติ พี่น้อง มิตร สหายของเราให้ตายไปแล้ว เรายังไม่เกลียดมันเลย

ดังนั้นความตาย หรือการพิจารณาเพียงแค่ความตายนั้นจึงไม่อาจจะนำไปล้างกิเลสได้เสมอไป เพราะบางครั้งกิเลสของเราจะหนาถึงขั้นยอมตายได้เพียงเพื่อให้ได้เสพสิ่งนั้น

เราตาย กิเลสไม่ตาย

เห็นได้เช่นนั้นว่า แม้ความตายก็ไม่อาจจะพรากกิเลสได้ และเมื่อเราตายกิเลสเหล่านั้นจะหายไปไหน?

กิเลสจะสั่งสมลงในวิญญาณ อยู่ในอุปาทาน ฝังไว้ในรากลึกๆ อยู่ในนาม อยู่ในกรรมของเรา รอวันเวลา ที่วันใดวันหนึ่งเรามีโอกาสที่จะได้ร่างกาย ก็จะนำกิเลสและกรรมส่วนหนึ่งมาสังเคราะห์ให้เกิดเป็นร่างนั้นๆ ดังเช่น ผู้ที่มักเบียดเบียนมักนำความทุกข์มาให้ผู้อื่นสัตว์อื่นชีวิตอื่น ก็มักจะมีโรคมาก

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเสพติดการกินเนื้อสัตว์มาก นอกจากจะทำให้เกิดเป็นมะเร็งที่มาคร่าชีวิตเราแล้ว ยังสามารถให้ผลเป็นร่างกายที่อ่อนแอของเราในชาตินี้ด้วย นั่นเป็นผลที่มาจากการเบียดเบียนในชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน

และเท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเกิดมาเป็นสัตว์หรือมนุษย์แล้วกิเลสก็ยังมีอยู่ จึงต้องเสาะหาสิ่งที่ตัวเองอยากเสพต่อจากชาติที่แล้ว เช่นเคยเสพติดเนื้อสัตว์ พอชาตินี้ได้มากินเนื้อสัตว์ก็เสพติด แม้คนอื่นเขาจะบอกว่ามันทำให้เกิดทุกข์ โทษ ภัยอย่างไรก็ยังจะยินดีกินเนื้อสัตว์ ติดอยู่ในความอยากเสพเนื้อสัตว์ ออกไม่ได้ง่ายๆ

ต่างจากผู้ที่มีกิเลสเรื่องความอยากเสพเนื้อสัตว์เบาบางหรือล้างกิเลสแห่งความอยากเนื้อสัตว์นั้นได้แล้วเมื่อเขาได้ยินทุกข์ โทษ ภัยที่เกิดจากการกินเนื้อสัตว์ ก็สามารถสลัดความอยาก เลิกเสพเนื้อสัตว์นั้นได้โดยง่าย นี่คือลักษณะของความไม่มีกิเลสที่ติดมาเช่นกัน ให้สังเกตว่าเราสามารถหลุดจากสิ่งนั้นได้ง่ายหรือยาก ถ้าง่ายก็คือบุญบารมีเก่า แต่ถ้ายากแสนยากก็ให้พากเพียรกันต่อไป ผูกกิเลสมาเองก็ต้องมานั่งแก้กันเอง

แม้เราจะตาย แต่กรรมไม่ตายตามเรา

เมื่อเรามีกิเลส กิเลสก็มักจะพาเราไปเบียดเบียนผู้อื่น และผลที่ได้กลับมาคือความสุขเพียงชั่วครู่ กับกรรมที่ต้องรับไว้จากการเบียดเบียน พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเราว่า ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่ได้ทำมา สิ่งที่เราได้รับ เราทำมาแล้วทั้งนั้น

หลายคนอาจจะบอกว่าทำไมฉันต้องได้รับกรรมที่ฉันไม่เคยทำมาด้วย ชาตินี้ฉันยังไม่เคยทำใครเดือดร้อนขนาดนี้เลย!!

บางครั้ง บางเหตุการณ์ ก็อาจจะเกิดขึ้นจากผลกรรมในชาติก่อน สังเคราะห์รวมกันกับกรรมในชาตินี้ เช่นชาติก่อนเป็นคนชอบเบียดเบียนผู้อื่น สัตว์อื่น ชาตินี้ก็เลยต้องมารับกรรมด้วยร่างกายอ่อนแอ มีโรคมาก แถมในชาตินี้ก็ยังชอบกินเนื้อสัตว์ โปรดปรานเนื้อสัตว์ดิบ มักชอบเมนูสัตว์ที่สด เช่น ปลาสด ปูนึ่งสด ปลาหมึกสด กุ้งสด เมื่อกรรมเก่า รวมกับกรรมกิเลสใหม่ในชาตินี้ ก็จะสังเคราะห์ออกมาเป็นทุกข์ โทษ ภัยมากมาย อาจจะแสดงออกมาในรูปของโรคภัยไข้เจ็บ การสูญเสีย ปัญหาภาระหน้าที่การงาน หรือทุกข์ใดๆก็ได้ เพราะกรรมเป็นเรื่องอจินไตย อย่าไปเสียเวลาเดาผลของมันเลย รู้ไว้เพียงแค่ว่า เบียดเบียนคนอื่นแล้วต้องได้รับผลนั้นอย่างแน่นอน

กรรมนี้เองเป็นสมบัติที่จะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลจนหมด จะหนักจะเบาก็ต้องรับไว้หมด ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของกรรม เพราะเมื่อเกิดขึ้นมาใหม่ก็ต้องรับผลกรรมนั้นไปเรื่อยๆ ดังเช่นในคนที่คิดเห็นว่า “ชาตินี้ฉันไม่ได้ทำชั่ว ทำไมฉันต้องรับกรรมด้วย” ก็นั่นแหละ คือกรรมเก่าของเรา เราทำมาเอง ไม่อย่างนั้นมันไม่มีทางได้รับหรอก เพราะเคยชั่วมาก็ต้องรับกรรมชั่วของเรา

คนเราเวลาได้รับกรรมดีมักจะไม่นึกย้อนว่าตัวเองเคยทำดีมา เพียงแค่คิดว่า โชคดี ลาภลอย จึงไม่ทำเหตุหรือความดีที่จะทำให้เกิดสิ่งดีในชีวิตนั้นอีก แต่พอเกิดสิ่งร้ายที่มาจากกรรมชั่ว ก็มักจะหาคนผิด หาว่าคนอื่นผิด โทษดินโทษฟ้า แต่ไม่โทษตัวเอง คนพวกนี้ก็จะทุกข์สุดทุกข์ และเมื่อมัวแต่โทษผู้อื่นก็จะไม่หยุดทำชั่ว สร้างกรรมชั่วนั้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด นั่นเพราะเขาไม่ยอมรับกรรมชั่วที่ตนเคยทำมา เมื่อไม่ยอมรับก็ทำเหมือนมองไม่เห็น โกหกว่าไม่เคยทำมา เมื่อโกหก ก็ได้ทำชั่วไปแล้ว

ดังนั้นแม้เราจะเห็นว่าคนที่ทำดีจะตายไปจากอุบัติเหตุ หรือในเวลาที่เราคิดว่าไม่สมควรทั้งหลายนั้น ให้รู้ว่าเขาได้ใช้กรรมชั่วของเขาหมดไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ความดีที่เขาทำในชาตินี้ก็จะช่วยส่งเสริมเขาในชาติต่อไป ในการเกิดครั้งต่อไป

คนชั่วก็เช่นกัน แม้เราจะเห็นว่าคนชั่วบางคนตายจากไปอย่างง่ายดาย หรือยังไม่ได้รับกรรมอันสมควรก่อนจะตาย ให้รู้ว่าเขาได้ใช้กรรมชั่วของเขาหมดไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ความชั่วที่เขาทำในชาตินี้ก็จะทำให้เขาต้องทุกข์ทรมาน แม้จะเกิดอีกกี่ครั้งเขาก็ต้องรับกรรมที่เคยเบียดเบียนผู้อื่นไว้ และรับไปจนกว่าจะหมดกรรมนั้นๆ

เมื่อเห็นได้ดังนี้แล้ว ผู้ที่มีปัญญาก็จะพากเพียรทำแต่ความดี เพราะรู้ว่าสิ่งที่ดีที่เราได้รับนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากการทำดีในกาลก่อน เพื่อไม่ให้ดีนั้นพร่องลงไป และเพื่อที่จะใช้ความดีนี้สร้างกุศลต่อไป เขาจึงหยุดชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส โดยการล้างกิเลส ทำลายกิเลสอันเป็นเชื้อร้ายที่จะก่อกำเนิดสิ่งชั่ว นำมาซึ่งอกุศลกรรมต่างๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลำบากทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า ดับกิเลสตอนนี้ก็สุขได้เลยตอนนี้ หมดกรรมจากกิเลสใหม่ไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ต้องรอแบกกิเลสไปดับกันในภพหน้า ชาติหน้า ชีวิตหน้า

– – – – – – – – – – – – – – –

14.10.2557

ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

กินผัก ลดเนื้อสัตว์

August 20, 2013 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,412 views 0

การกินผัก ลดเนื้อสัตว์นั้น หากมองดูในสังคมปัจจุบัน ก็คงจะกลายเป็นคนแปลก ดูเคร่งในศีลธรรมหรืออะไรสักอย่าง แต่ในความเป็นจริงก่อนจะถึงปัจจุบันที่เราคิดอยู่นี้ คนรุ่นเก่า คนเฒ่าคนแก่เขากินผักกันเป็นหลักกว่าจะได้กินเนื้อสัตว์กันก็งานเทศกาล งานสำคัญต่างๆนั่นแหละ

ในปัจจุบันเรากินเนื้อสัตว์กันเป็นปกติ ต้องมีทุกมื้อ ร้านทุกร้านต้องมีเนื้อสัตว์เป็นเรื่องปกติ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของการป่วยของเราก็คือเนื้อสัตว์นี่แหละ อย่างที่รู้กันว่ามะเร็งนั้นเกิดจากการกินเป็นหลัก ในเมื่ออดีตไม่ได้มีมะเร็งกันมากมายจนเป็นโรคยอดฮิตขนาดนี้ แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้เราป่วย โดยที่ไม่รู้ตัว…

บะหมี่น้ำ

มีผลงานวิจัยหลายชิ้น แพทย์หลายคนออกมาให้ข้อมูลว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นสาเหตุของการป่วย ส่วนใครจะเลือกเชื่อในเหลี่ยมไหนมุมไหนก็แล้วแต่ หากแต่การเชื่อนั้นก่อให้เกิดสุขภาพดี มีชีวิตปกติก็สมควรจะลองในแนวทางนั้นๆจนถึงผล

การกินผักลดเนื้อสัตว์ จะทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อเรากินผักเป็นหลัก ก็ไม่ต้องลำบากไปหาเนื้อสัตว์ เพราะผักสามารถปลูกเองได้ และแม้ไม่ได้ปลูกเองก็ยังมีขายอยู่ทั่วไปโดยราคาก็ถูกเมื่อเทียบกับความอิ่มที่ได้รับมา เช่นผัดผักหนึ่งจาน ทุนก็คงไม่เท่าไหร่หรอก ยิ่งถ้าปลูกเองด้วยแล้ว ลืมทุนไปได้เลย เพราะเครื่องปรุงรสพอหารต่อจำนวนจานที่ทำแล้วจะถึงหนึ่งบาทรึเปล่าัยังไม่รู้เลย ดังนั้นการกินผักเป็นการลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึ่งนำมาสู่ค่าใช้จ่ายและการเสียเวลาในการไปหาหมอ

การกินผักทำให้ขับถ่ายสะดวก การขับถ่ายปกติถือว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุขภาพโดยรวมยังปกติอยู่ เพราะร่างกายจะขับสารพิษ หรือส่วนเกินมาพร้อมระบบขับถ่าย คนที่กินเนื้อเยอะๆก็จะมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายไม่มากก็น้อย การกินผักให้มาก หรือทั้งหมดหมดจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ง่ายขึ้น เอาง่ายๆว่ากินผักเยอะร่างกายก็เบา แม้จะกินเยอะขนาดอิ่มแน่น แต่ก็ไม่เหมือนความแน่นที่กินเนื้อเข้าไป

ทั้งนี้การหันมากินผัก ลดเนื้อสัตว์ยังช่วยให้ธรรมชาติกลับไปสู่สมดุลไม่มากก็น้อย หากเราลดเนื้อสัตว์ได้ ฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ก็ไม่ต้องมี สัตว์ที่เกิดและตายอย่างผิดธรรมชาติก็ไม่ต้องมี การฆ่าก็ไม่ต้องมี การค้าขายสัตว์ก็ไม่ต้องมี ลดโลกร้อนไปได้เยอะเลย ทุกวันนี้มีหลายชีวิตที่เกิดมาเพื่อตายเป็นอาหารให้กับความอยากกินของเรา แค่ความอยากกินของเราดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้มีสัตว์ตายไปกี่ตัวแล้ว เรากำลังมีส่วนในการทำลายชีวิตอื่นเพื่อสนองความอยากตัวเอง

เพราะว่าถึงไม่กินเนื้อเราก็ไม่ตาย ไม่ได้มีผลอะไรเติบโตปกติ มีหลายประเทศที่กินผักเป็นหลัก รวมถึงประเทศไทยในอดีตด้วย หากอ่านแล้วสงสัยอาจจะต้องลองค้นถึงประเพณีการกินเนื้อที่เข้ามาในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา ค่านิยม สังคม เขาบอกอะไรเราให้เราเชื่อในอะไรกันแน่ ในเมื่อจริงๆมื้อหนึ่งก็กินกล้วยจนอิ่มได้ สารอาหารที่มีในผักก็มากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมันก็สามารถหาได้ในพืชมากมาย เอาง่ายๆว่าครอบคลุมหมดแล้ว

ทีนี้ความอยาก มันก็เกิด อ่านถึงตรงนี้ก็คงจะรู้สึกกันแล้วว่าเราอยู่ตรงไหน อยากกินอยู่ หรือไม่อยากกินนานแล้ว วัดได้ที่ความรู้สึกตัวเอง ถ้ายังอยากกินอยู่แต่เห็นประโยชน์ในการไม่กินเนื้อสัตว์ ก็ให้ลด ละ เลิกไปตามลำดับ

ลด ก็ให้ลองลดจำนวนที่กินดู อาจจะเป็นมื้อ หรือเป็นวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ เดือน หรือช่วงหนึ่งของปีเช่นเทศกาลกินเจก็ได้ แล้วค่อยเพิ่มจำนวนวันที่ลดเอา

ละ ถ้าพอสู้กับความอยากไหวก็ละๆ มันเสียบ้าง แม้จะวางตรงหน้าก็ข่มๆไว้ก่อน ขอผ่านไปก่อน ถ้าอยากจนไม่ไหวก็ลองกินดู ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เลิกได้เอง

เลิก ก็เลิกกินเนื้อสัตว์กันไปเลย

บะหมี่น้ำ!

หลายคนอาจจะบอกว่าอยู่ในเมือง หากินยาก จะเรื่องมากทำไม กินๆไปเถอะ ตายเหมือนกัน ฯลฯ อันนั้นก็แล้วแต่ความสะดวก แต่ถ้าสนใจอยากลองก็ให้ลองพิจารณาดูเอาว่าเมนูประจำวันของเรานั้นสามารถปรับเปลี่ยนอะไรสู่การกินผัก ลดเนื้อสัตว์ได้บ้าง เช่นในกรณีของผม เดินเข้าไปร้านบะหมี่ปูร้านหนึ่ง สั่งอาหารเป็น บะหมี่พิเศษ ใส่แต่ผักไม่ใส่หมู/เนื้อสัตว์ เจ้าของร้านเขาก็ทำให้ได้ ส่วนจะคิดเงินเท่าไหร่ให้เป็นเรื่องของเขา บางครั้งที่ผมรู้สึกเราจะติดกับความรู้สึกเดิมๆ การเกรงใจ ความกลัว ทำให้เราลดไม่ได้สักที แต่ถ้าเริ่มครั้งแรกก็จะมีความมั่นใจ รวมถึงสามารถมองเห็นทางรอดของความตั้งใจที่จะกินผัก ลดเนื้่อสัตว์นี้ไ้ด้

เพียงแค่ประโยชน์ด้านสุขภาพ และความเมตตาที่เรามีให้แก่สัตว์ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิจารณา กินผัก ลดเนื้อสัตว์ ซึ่งแท้จริงแล้วยังมีกุศลอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าประโยชน์ที่ผมยกมาด้วยซ้ำ