แบ่งปันประสบการณ์

มังสวิรัติสุขจริงหรือ

August 7, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,508 views 0

มังสวิรัติสุขจริงหรือ

มังสวิรัติสุขจริงหรือ?

คงจะมีหลายคนสงสัยว่า การกินมังสวิรัติจะทำให้มีความสุขจริงหรือ? ชีวิตจะดีขึ้น สะดวกขึ้น สบายขึ้น จริงหรือ ….ภาพที่เห็นคนกินมังสวิรัติอาจจะต่างกันออกไปตามแต่ประสบการณ์ที่แต่ละคนเจอมา

การเริ่มต้นกินมังสวิรัตินั้นมีหลายสาเหตุ บ้างก็ว่าเมตตาสัตว์ บ้างก็ว่าสุขภาพ บ้างก็ว่าตามพระ พระท่านให้ถือศีลกินเจก็ตามท่านไป แต่สำหรับผม เหตุแห่งการกินมังสวิรัตินั้นมีอย่างเดียวคือ การล้างกิเลส หรือทำลายความอยากในการกินเนื้อสัตว์นั่นเอง

ใครกันที่จะสามารถรู้ได้ว่า ความอยากกินเนื้อสัตว์นั้นทำให้เราเกิดทุกข์ทรมานได้มากเท่าไร? หากไม่ได้ลองถือศีลตั้งตบะกินมังสวิรัติสักครั้งในชีวิต เราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าเรามีกิเลสมากเท่าไหร่ และไม่มีทางรู้ว่าการขาดหรือการไม่ได้มาซึ่งเนื้อสัตว์ทำให้เราทุกข์มากเท่าไหร่ นี่แหละที่เขาว่า … “สิ่งนั้นสำคัญกับเราแค่ไหน จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมันไป” ที่มันสำคัญเพราะกิเลสมันยึดเอาไว้นั่นเอง

แต่การตั้งตบะกินมังสวิรัติไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น เป็นเพียงการทดลองที่จะพราก ห่าง ถอยออกจากเนื้อสัตว์ที่เรายึดติด เพื่อให้เราเห็นกิเลสของเราชัดขึ้น ต่อจากนั้นเราจึงใช้การพิจารณาโทษของการติดเนื้อสัตว์ เช่น การฆ่าสัตว์ก่อให้เกิดวิบากบาป กินแล้วเสียสุขภาพเป็นเหตุแห่งมะเร็ง กินแล้วได้บุญเจริญเมตตา อะไรก็ว่ากันไปตามแต่จะคิดได้ ทำด้วยใจที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว อดทนไม่ไปกินเท่าที่จะทำได้ทำไปเรื่อยๆ พลาดไปกินก็กลับมาทำใหม่

แล้วกินมังสวิรัติมีความสุขจริงไหม?

เราอาจจะเคยเห็นคนกินมังสวิรัติแบบกดดัน เครียด ดูใช้ชีวิตลำบาก ยุ่งยาก ไม่มีความสุข กินแล้วเพี้ยน เฮี้ยนกลายเป็นโรคเกลียดเนื้อสัตว์ รักผัก พาลไปเกลียดคนที่ยังกินเนื้อ จนเราไม่อยากจะเข้าใกล้เพราะอยู่ใกล้ทีไรโดนด่าทุกที….อันนี้ต้องเข้าใจว่าเขากำลังพยายามอยู่ เขายังทำไม่สำเร็จ เพราะมีกิเลสหลายตัวต้องฝ่าฟันไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ซึ่งก็คือกินมังสวิรัติอย่างเป็นสุข

หรือเราอาจจะเข้าใจไปเองว่าคนที่กินมังสวิรัติเขาสร้างความลำบากให้ตัวเอง เพราะเรามองจากตัวเราเองที่ยังชอบกินเนื้อถ้าไม่ได้กินเนื้อสักสัปดาห์หนึ่งคงขาดใจตายแน่ๆ ก็เลยมองว่าคนกินมังสวิรัติเขาลำบาก อดทน อดกลั้น อะไรก็ว่ากันไป

จะขอเล่ากันเลยว่าเมื่อเราสามารถเข้าใจประโยชน์แท้ของการกินมังสวิรัติได้แล้ว เราจะมีความเข้าใจประมาณนี้ คือ จะไม่เดือดเนื้อร้อนใจแม้ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ มีความเบิกบานยินดีเต็มใจพอใจที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ความอยากในการกินเนื้อสัตว์จะหมดไป มีความสุขแม้ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ สามารถกินมังสวิรัติอย่างต่อเนื่องได้ยาวนาน มีปัญญารู้ว่าการกินเนื้อสัตว์ทำให้เกิด ทุกข์ โทษ ภัย ผลเสียอย่างไรบ้าง เบื่อที่จะต้องไปกินเนื้อสัตว์ เพราะเห็นโทษของมัน และรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเราตัดความอยากกินเนื้อสัตว์ขาดแล้ว ไม่ว่าเนื้อสัตว์ไหนๆก็ไม่มีทางทำให้เราเกิดความอยากได้อีก พ้นจากความทุกข์อันเกิดจากความอยากนั้นๆแล้ว

ทีนี้ผลในการดำเนินชีวิตก็จะเริ่มปรากฏ เราไม่ต้องไปเสียเงินเสียเวลาไปกินเนื้อสัตว์ที่เขาว่าอร่อยที่ไหนอีก ไม่ต้องทุกข์ใจเมื่อไม่ได้กินเนื้อสัตว์ที่ไม่ชอบ สุขภาพก็ดีขึ้น โดยเฉพาะการขับถ่าย ในเมื่อการขับถ่ายของเสียเป็นไปอย่างปกติ ร่างกายก็จะปกติ เมื่อร่างกายปกติ คือไม่ป่วย ก็จะมีความปกติสุข คือความสุขที่ไม่ต้องป่วย ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาไปกิน มันจะกลับหัวกับที่เราเคยเข้าใจเมื่อก่อนไปเลย

เห็นไหมว่าเมื่อเราทำศีลหรือตั้งตบะนี้จนบรรลุผลแล้ว ก็จะมีแต่ความสุข เป็นความสุขที่เห็นได้ แต่ก็อธิบายได้ยาก ต้องมาลองกันเองว่า “ความสุขแม้ไม่ได้เสพ” นี่มันเป็นอย่างไร เพราะเรื่องเหล่านี้จะให้คิดเอาเอง จินตนาการเอาเองก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลย ต้องขยันพากเพียรปฏิบัติจนถึงผลเอง

– – – – – – – – – – – – – – –
7.8.2557
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

มีคู่จึงมีสุข?

July 29, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,151 views 0

มีคู่จึงมีสุข?

มีคู่จึงมีสุข?

เก็บตกจากรวมญาติวันก่อน….

หลังจากที่เราได้บอกความคิดบางอย่างออกไปแล้ว ก็มีความคิดเห็นจากมุมอื่นเข้ามามากมายให้ได้ขบคิดกัน จนมีเหตุบังเอิญให้ได้เอามาเป็นบทความในวันนี้

เรามักจะเข้าใจว่าชีวิตมันต้องมีคู่ครองมาช่วยกัน เกื้อกูลกันจึงจะเจริญงอกงาม เป็นความสมบูรณ์ของชีวิต แม้ในปัจจุบันก็กลายเป็นเหมือนตัววัดคุณค่าของใครสักคน ..นั่นก็เป็นความเข้าใจ แต่ในความเป็นจริงที่เห็น บางทีมันก็ไม่ค่อยเกื้อกูลกันนะ ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขนะ แตกร้าวกันบ้าง อดทนกล้ำกลืนฝืนทนกันบ้าง

ที่เราคาดหวังว่าเขาจะมาดูแล ช่วยเหลือ เอาใจเราตลอด มันก็อาจจะ “ เปลี่ยนไป ” ได้ด้วยเหตุต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น งาน การเงิน ชื่อเสียง ความเสื่อมของวัย ความหล่อความสวย ความเจ็บไข้ ความเคยชิน ภาระเรื่องลูกและครอบครัว การไม่ได้ในสิ่งที่หวัง สังคมสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

ตอนแรกๆ นี่มันก็ดีอยู่หรอก ยังไม่เคยเห็นใครที่ตกลงปลงใจครองคู่กัน ว่าคู่ตัวเองไม่ดีสักคน … แต่พออยู่ๆไปเดี๋ยวมันก็เห็นความไม่ดีเองนั่นแหละ ตอนรักกันนี่ปากเหม็นก็ยังอยากอยู่ใกล้ ตอนชังนี่ขนาดอยู่ไกลปลายสายตาก็ยังเหม็นก็อยู่กันไปทั้งรักทั้งชังนั่นแหละ

ส่วนหนึ่งคงเพราะเรามักจะไปยึดว่ามันต้องเหมือนวันแรกๆ เราไปคิดว่าเขาต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตามอุดมคติของเรา เช่นต้องดูแล ต้องเอาใจ ต้องล้างจาน ต้องถูบ้าน ทำกับข้าวให้ด้วยนะ…แรกๆนี่ก็ยังหลงกันอยู่ เลยพอจะทำได้ พออยู่ๆกันไปเริ่มเห็นความจริง ฝ่ายหนึ่งก็เอาแต่ใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็เอาแต่ใจ พอไม่ได้ในสิ่งที่หวังก็มีลีลาท่าทางต่างๆกันไปในการหาเรื่องให้ตนเป็นฝ่ายถูก ยิ่งกว่าละครอีก…

เรามักจะได้ข้อมูลมาไม่เหมือนกัน บางทีก็ได้ข้อมูลแต่ด้านร้ายๆ นั่นเพราะเราอาจจะสนิทกับเขา คลุกวงในกับเขา เวลาเขาทะเลาะกันก็มาบ่น มาระบาย มาปรึกษา ให้เราได้รับรู้บ้าง ทำให้เห็นความเป็นจริง แต่ก็มีคนที่ได้รับข้อมูลแต่ด้านดีเหมือนกัน คือได้ยินแต่เรื่องดีๆของการมีครอบครัว อาจจะเพราะว่าเราไม่สนิทกับเขามากพอที่เขาจะพูดเรื่องแย่ๆให้เราฟัง

เวลาเราอยากอวดของกัน เราก็อวดกันแต่ของดีนั่นแหละ ก็ใครล่ะจะมาเล่าเรื่องไม่ดีของตัวเองและคู่ให้ชาวบ้านฟัง ขนาดทุกวันนี้เรายังพยายามแต่งตัวให้ดูดีเลยใช่ไหม ไม่เห็นมีใครแข่งกันดูไม่ดีสักคน ก็นั่นแหละเรื่องแย่ๆเขาก็เก็บไว้พูดแต่กับคนที่เขาไว้ใจเท่านั้น หรืออีกกรณีที่มีแต่เรื่องดีๆ เพราะแค่ยังไม่เจอเรื่องร้ายๆ เท่านั้นเอง ไม่ใช่มันไม่มี แต่มันยังไม่เจอ ละครชีวิตมันต้องดูกันยาวๆ อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน

ถ้าใครมีไปแล้วก็ดูแลกันไป ถือว่าได้เพื่อนร่วมชีวิต ร่วมชะตากรรม ส่วนคนที่ยังคบๆกันอยู่ ก็ให้ดูกันไปคบกันไปเรื่อยๆ ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนให้รอบด้าน …ถ้าเป็นของจริงนะ…ไม่ต้องรีบก็ได้…นานแค่ไหนเขาก็รอ…มีแต่เราจะรีบจนพลาดไปเองนั่นแหละ

จากการวิเคราะห์ผลตอบแทนของผม คิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรลงทุน ขาดทุนมากกว่ากำไรแน่นอน …การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนๆที่ยังมีอิสระเสรีภาพปราศจากครัวครอบ เกาะคานทองของท่านไว้ให้ดีๆ อย่าได้พลั้งเผลอร่วงลงมากันเลย ( หาเพื่อน~ )

ปล. เห็นนกมันงับกัน บินชนกัน ใกล้ชิดกัน ก็ไม่รู้ว่ามันรักกันหรือมันตีกัน ถ้าเรากำลังรู้สึกดีๆ เราคงว่ามันรักกัน

… แต่ถ้าเรากำลังเศร้าๆ เราคงว่ามันตีกัน

– – – – – – – – – – – – – – –
29.7.2557
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

เหตุแห่งความสุข

July 27, 2014 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 1,438 views 0

เหตุแห่งความสุข

ผมชอบวันรวมญาตินะ…

เพราะเป็นวันที่จะได้ฟังเสียงตอบรับจากสิ่งที่เราทำไป เราทำอะไร มาเล่ามาคุยกัน เขาคิดเห็นอย่างไร เราคิดเห็นอย่างไร พูดกัน แลกเปลี่ยนกัน สนุกดี

ก่อนจะกลับบ้านระหว่างที่ฝนตกปรอยๆ ผมเก็บของและกำลังรีบเดินออกจากบ้านป้า ตามไปขึ้นรถพี่เพื่อกลับบ้าน

ขณะที่กำลังเดินออกจากบ้านป้า…น้าชายท่านหนึ่งซึ่งได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกันมาครั้งสองครั้ง เดินมาถามทิ้งท้ายกับผมประมาณว่า “ เหตุแห่งความสุขของเราคืออะไร? ” เป็นคำถามที่น่าจะมาจากความสงสัยในวิธีคิด วิธีการแสดงออก วิถีการใช้ชีวิตของผม

.

..

ผมรวบรวมความคิดท่ามกลางฝนที่ตกปรอยปรอยลงบนหัว เค้นจากสุดขั้วปัญญาที่ผมมี เพื่อตอบให้ตรงใจผม และเกิดประโยชน์กับคนฟังมากที่สุด

แล้วผมก็ตอบน้าไปว่า “ การลดกิเลส… การลดกิเลสจะทำให้เกิดความสุขสูงสุด

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าการที่ผมตอบแบบนั้นจะดีจริงๆหรือไม่ สำหรับวันนี้ เพราะไม่ได้มีเวลามากพอจะถามกลับไปว่า …แล้วน้าเห็นว่าอย่างไร… และถ้าเป็นคุณ คุณจะตอบว่าอย่างไร ถ้ามีคนถามประมาณว่า

….เหตุแห่งความสุขของคุณคืออะไร?

– – – – – – – – – – – – – – –
27.7.2557
ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

กินผัก ลดเนื้อสัตว์

August 20, 2013 | | มีผู้เข้าชมทั้งหมด 2,419 views 0

การกินผัก ลดเนื้อสัตว์นั้น หากมองดูในสังคมปัจจุบัน ก็คงจะกลายเป็นคนแปลก ดูเคร่งในศีลธรรมหรืออะไรสักอย่าง แต่ในความเป็นจริงก่อนจะถึงปัจจุบันที่เราคิดอยู่นี้ คนรุ่นเก่า คนเฒ่าคนแก่เขากินผักกันเป็นหลักกว่าจะได้กินเนื้อสัตว์กันก็งานเทศกาล งานสำคัญต่างๆนั่นแหละ

ในปัจจุบันเรากินเนื้อสัตว์กันเป็นปกติ ต้องมีทุกมื้อ ร้านทุกร้านต้องมีเนื้อสัตว์เป็นเรื่องปกติ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของการป่วยของเราก็คือเนื้อสัตว์นี่แหละ อย่างที่รู้กันว่ามะเร็งนั้นเกิดจากการกินเป็นหลัก ในเมื่ออดีตไม่ได้มีมะเร็งกันมากมายจนเป็นโรคยอดฮิตขนาดนี้ แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้เราป่วย โดยที่ไม่รู้ตัว…

บะหมี่น้ำ

มีผลงานวิจัยหลายชิ้น แพทย์หลายคนออกมาให้ข้อมูลว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นสาเหตุของการป่วย ส่วนใครจะเลือกเชื่อในเหลี่ยมไหนมุมไหนก็แล้วแต่ หากแต่การเชื่อนั้นก่อให้เกิดสุขภาพดี มีชีวิตปกติก็สมควรจะลองในแนวทางนั้นๆจนถึงผล

การกินผักลดเนื้อสัตว์ จะทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อเรากินผักเป็นหลัก ก็ไม่ต้องลำบากไปหาเนื้อสัตว์ เพราะผักสามารถปลูกเองได้ และแม้ไม่ได้ปลูกเองก็ยังมีขายอยู่ทั่วไปโดยราคาก็ถูกเมื่อเทียบกับความอิ่มที่ได้รับมา เช่นผัดผักหนึ่งจาน ทุนก็คงไม่เท่าไหร่หรอก ยิ่งถ้าปลูกเองด้วยแล้ว ลืมทุนไปได้เลย เพราะเครื่องปรุงรสพอหารต่อจำนวนจานที่ทำแล้วจะถึงหนึ่งบาทรึเปล่าัยังไม่รู้เลย ดังนั้นการกินผักเป็นการลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึ่งนำมาสู่ค่าใช้จ่ายและการเสียเวลาในการไปหาหมอ

การกินผักทำให้ขับถ่ายสะดวก การขับถ่ายปกติถือว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุขภาพโดยรวมยังปกติอยู่ เพราะร่างกายจะขับสารพิษ หรือส่วนเกินมาพร้อมระบบขับถ่าย คนที่กินเนื้อเยอะๆก็จะมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายไม่มากก็น้อย การกินผักให้มาก หรือทั้งหมดหมดจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ง่ายขึ้น เอาง่ายๆว่ากินผักเยอะร่างกายก็เบา แม้จะกินเยอะขนาดอิ่มแน่น แต่ก็ไม่เหมือนความแน่นที่กินเนื้อเข้าไป

ทั้งนี้การหันมากินผัก ลดเนื้อสัตว์ยังช่วยให้ธรรมชาติกลับไปสู่สมดุลไม่มากก็น้อย หากเราลดเนื้อสัตว์ได้ ฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ก็ไม่ต้องมี สัตว์ที่เกิดและตายอย่างผิดธรรมชาติก็ไม่ต้องมี การฆ่าก็ไม่ต้องมี การค้าขายสัตว์ก็ไม่ต้องมี ลดโลกร้อนไปได้เยอะเลย ทุกวันนี้มีหลายชีวิตที่เกิดมาเพื่อตายเป็นอาหารให้กับความอยากกินของเรา แค่ความอยากกินของเราดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้มีสัตว์ตายไปกี่ตัวแล้ว เรากำลังมีส่วนในการทำลายชีวิตอื่นเพื่อสนองความอยากตัวเอง

เพราะว่าถึงไม่กินเนื้อเราก็ไม่ตาย ไม่ได้มีผลอะไรเติบโตปกติ มีหลายประเทศที่กินผักเป็นหลัก รวมถึงประเทศไทยในอดีตด้วย หากอ่านแล้วสงสัยอาจจะต้องลองค้นถึงประเพณีการกินเนื้อที่เข้ามาในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา ค่านิยม สังคม เขาบอกอะไรเราให้เราเชื่อในอะไรกันแน่ ในเมื่อจริงๆมื้อหนึ่งก็กินกล้วยจนอิ่มได้ สารอาหารที่มีในผักก็มากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมันก็สามารถหาได้ในพืชมากมาย เอาง่ายๆว่าครอบคลุมหมดแล้ว

ทีนี้ความอยาก มันก็เกิด อ่านถึงตรงนี้ก็คงจะรู้สึกกันแล้วว่าเราอยู่ตรงไหน อยากกินอยู่ หรือไม่อยากกินนานแล้ว วัดได้ที่ความรู้สึกตัวเอง ถ้ายังอยากกินอยู่แต่เห็นประโยชน์ในการไม่กินเนื้อสัตว์ ก็ให้ลด ละ เลิกไปตามลำดับ

ลด ก็ให้ลองลดจำนวนที่กินดู อาจจะเป็นมื้อ หรือเป็นวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ เดือน หรือช่วงหนึ่งของปีเช่นเทศกาลกินเจก็ได้ แล้วค่อยเพิ่มจำนวนวันที่ลดเอา

ละ ถ้าพอสู้กับความอยากไหวก็ละๆ มันเสียบ้าง แม้จะวางตรงหน้าก็ข่มๆไว้ก่อน ขอผ่านไปก่อน ถ้าอยากจนไม่ไหวก็ลองกินดู ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เลิกได้เอง

เลิก ก็เลิกกินเนื้อสัตว์กันไปเลย

บะหมี่น้ำ!

หลายคนอาจจะบอกว่าอยู่ในเมือง หากินยาก จะเรื่องมากทำไม กินๆไปเถอะ ตายเหมือนกัน ฯลฯ อันนั้นก็แล้วแต่ความสะดวก แต่ถ้าสนใจอยากลองก็ให้ลองพิจารณาดูเอาว่าเมนูประจำวันของเรานั้นสามารถปรับเปลี่ยนอะไรสู่การกินผัก ลดเนื้อสัตว์ได้บ้าง เช่นในกรณีของผม เดินเข้าไปร้านบะหมี่ปูร้านหนึ่ง สั่งอาหารเป็น บะหมี่พิเศษ ใส่แต่ผักไม่ใส่หมู/เนื้อสัตว์ เจ้าของร้านเขาก็ทำให้ได้ ส่วนจะคิดเงินเท่าไหร่ให้เป็นเรื่องของเขา บางครั้งที่ผมรู้สึกเราจะติดกับความรู้สึกเดิมๆ การเกรงใจ ความกลัว ทำให้เราลดไม่ได้สักที แต่ถ้าเริ่มครั้งแรกก็จะมีความมั่นใจ รวมถึงสามารถมองเห็นทางรอดของความตั้งใจที่จะกินผัก ลดเนื้่อสัตว์นี้ไ้ด้

เพียงแค่ประโยชน์ด้านสุขภาพ และความเมตตาที่เรามีให้แก่สัตว์ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิจารณา กินผัก ลดเนื้อสัตว์ ซึ่งแท้จริงแล้วยังมีกุศลอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าประโยชน์ที่ผมยกมาด้วยซ้ำ